AUTO THAILAND's Fan Box

AUTO THAILAND on Facebook

Facebook Fanpage QR Code

qrcode

เจอกันที่ใหม่ จัดเต็มกว่าเดิม!

๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๑

ยามาฮ่ายอดขายโตสวนกระแสเศรษฐกิจ พร้อมส่งมีโอใหม่











ยามาฮ่ายอดขายโตสวนกระแสเศรษฐกิจ พร้อมส่งมีโอใหม่

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำแห่งรถจักรยานยนต์ระบบออโตเมติก ซึ่งบริษัทฯ ได้ทำการตลาดที่แตกต่างมาโดยตลอดทั้งในด้านตัวสินค้า และกิจกรรมรูปแบบใหม่ๆ ส่งผลให้ยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็น
ที่น่าพอใจ พร้อมส่งมีโอใหม่ กระตุ้นการขาย ลุยตลาดรถจักรยานยนต์สิ้นปีนี้

นายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้ยามาฮ่ามียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทฯ ตั้งไว้ สวนกระแสเศรษฐกิจในปัจจุบัน ปัจจัยหลักมาจากการ
ที่ลูกค้าให้การยอมรับในตัวสินค้าที่มีคุณภาพของยามาฮ่า ไม่ว่าจะป็นรถจักรยานยนต์ระบบออโตเมติก หรือรถจักรยานยนต์แบบมีเกียร์ บริษัทฯ มีสินค้าหลากหลายประเภท สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทั่วถึง รวมถึงลูกค้าให้ความมั่นใจในการบริการหลังการขาย และชื่อเสียงของบริษัทฯ ในช่วงปีนี้ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่มากระทบสถาบันการเงินในประเทศ ซึ่งส่งผลต่อมายังการปล่อยสินเชื่อ ทำให้บริษัทไฟแนนซ์ต่างๆ ต้องพิจารณาอนุมัติอย่างรอบคอบเพิ่มมากขึ้น พอราคาน้ำมันในตลาดโลกลง ราคาสินค้าเกษตรก็ลง เพราะฉะนั้นจึงกระทบมาถึงเกษตรกรทำให้ลูกค้าชะลอการจับจ่าย

ตลาดรถจักรยานยนต์ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่ในส่วนยอดขายของยามาฮ่ามีอัตราเติบโตมากกว่าตลาดรวม โดยตลาดรถจักรยานยนต์ในเดือนมกราคม - วันที่ 18 ธันวาคมของปีนี้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 8.3% โดยมียอดจดทะเบียนรวมจำนวนทั้งสิ้น 1,657,017 คัน เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 1,529,554 คัน ในส่วนของยามาฮ่ามียอดจดทะเบียนรวมจำนวน 426,406 คัน เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วจำนวน 353,872 คัน มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น 2.6% ทำให้ยามาฮ่ามีส่วนแบ่งตลาดเป็น 25.7% มีอัตราการเติบโต 20.5% ซึ่งเป็นการเติบโตที่สูงกว่าการเติบโตของตลาดรวมรถจักรยานยนต์

ในช่วงเดือนที่ผ่านมาได้มีน้ำท่วมในหลายๆ พื้นที่ของประเทศ เนื่องจากมีฝนตกหนัก ทำให้เกิดผลกระทบต่อลูกค้าของเรา ดังนั้นทางบริษัทฯ จึงได้ร่วมกับผู้จำหน่ายทั่วประเทศจัดรายการช่วยเหลือลูกค้าในโครงการ ยามาฮ่าหาร 2 ฉลองครบรอบ 10 ปีขึ้นมา โดยให้บริการตรวจเช็ครถฟรีถึง 15 รายการ อะไหล่แท้ได้รับส่วนลดสูงสุดถึง 50% มากกว่า 400 รายการ และยังมีสินค้าราคาพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกายยามาฮ่า และอุปกรณ์ตกแต่งอีกหลายรายการ
โครงการนี้จะหมดเขตสิ้นปีนี้

ยามาฮ่าได้ตอกย้ำภาพผู้นำเทรนด์รถออโตเมติกอย่างแท้จริง จากการที่ลูกค้าให้การตอบรับรถจักรยานยนต์ออโตเมติกรุ่นฟีโน่ ที่มีดีไซน์โดดเด่น ไม่เหมือนใคร จนทำให้มียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง สร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับวงการรถจักรยานยนต์ นอกจากนี้ยามาฮ่ายังได้สร้างสีสันให้ตลาดรถจักรยานยนต์ออโตเมติกปลายปีนี้อีกครั้งด้วยการส่งมีโอใหม่ สปิริตแห่งผู้นำเทรนด์ กระตุ้นตลาดสิ้นปี โดยจะมีกิจกรรมเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ 17-18 มกราคมปีหน้า ในงาน Yamaha ASEAN Cup Race ซึ่งเป็นการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ในระดับภูมิภาคอาเซียน


๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๑

TOYOTA ALPHARD รถตู้ระดับหรู นำเข้าโดยโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย

















TOYOTA ALPHARD รถตู้ระดับหรู นำเข้าโดยโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย


บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำยนตร์กรรมระดับหรู The New Toyota Alphard
ในงานมอเตอร์ เอกซ์โป 2008 ที่ผ่านมา โดยได้แนะนำด้วยกันกถึง 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น 3.5Q และรุ่น 3.5 V
หวัง เจาะลูกค้ากลุ่มระดับพรีเมี่ยมToyota Alphard รถตู้ระดับหรูที่ครองใจผู้บริหาร ด้วยรูปลักษณ์ที่สง่างาม ภูมิฐาน
เน้นความสะดวกสะบายภายในเป็นหลักด้วยฟังกชั่นการทำงานและอุปกรณ์ที่หลากหลาย
นอกจากนี้ยังได้มอบพื้นที่ใช้สอยภายห้องโดยสารอย่างจุใจ หลากหลายอรรถประโยชน์ครบครัน

ภายนอกภูมิฐาน สง่างามภายนอก
ได้รับการออกแบบหรูหรา โดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยเส้นขอบโครเมี่ยมพร้อมสัญลักษณ์ตรงกลาง ดวงไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ให้ลำแสงสาดส่องได้กว้าง เพิ่มวิสัยทัศน์ในตอนกลางคืน นอกจากนี้ยังสามารถปรับทิศทางได้ตามองศาของการเลี้ยวของพวงมาลัย พร้อมติดตั้งไฟตัดหมอกในตัว ส่วนไฟท้ายเป็นแบบ LED เมื่อมองจากด้านหน้ารถให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งบึกบึนแต่ในขณะเดียวกันยังแฝงไปด้วยความหรูหรา เส้นสายของรถเน้นเส้นตรงแข็งแกร่ง เมื่อมองจากทางด้านข้าง New Alphard ถูกออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ช่องประตูมีขนาดใหญ่เพิ่มความสะดวกในการเข้า – ออกตัวรถ ประตูเป็นแบบสไลท์ไฟฟ้าทั้ง 2 ข้าง ตกแต่งด้วยที่จับประตูแบบโครเมี่ยม บานกระจกมีขนาดใหญ่ช่วยให้เพิ่มวิสัยทัศน์นาขับขี่ สำหรับทั้งสองรุ่นคือรุ่น 3.5 Q และ 3.5 V การออกแบบโคร้งสร้างคล้ายกัน
ต่างตรงออฟชั่นอย่างกระจกมูนรูฟที่มีให้ในรุ่น V เพิ่มความหรูไปอีกขั้น

ภายในหรูหราเหนือระดับภายใน
ได้รับการตกแต่ทอย่างหรูหรา การจัดเรียงอุปกรณ์ภายในไม่เกะกะสดวกสบายต่อการใช้งาน
รวมไปถึงการคัดสรรวัสดุคุณภาพดีนำมาใช้ในการตกแต่ง สีที่ใช้ตกแต่งภายในเน้นสีโทนคลีม ให้ความรู้สึกสบายไม่
รกหูรกตาและแสงสว่างที่เพียงพอ เมื่อก้าวเข้าห้องโดยสารให้ความรู้สึกราวกับการพักผ่อนในห้องรับแขกในโรงแรมระดับหรูเบาะนั่งคนขับเป็นแบบรถเก๋งออกแบบรับกับสรีระสามารถปรับระดับได้ 8 ทิศทาง ให้ความผ่อนคลายในการขับขี่ เบาะผู้โดยสารตอนหน้าปรับระดับได้ 4 ทิศทางพร้อมความสะบายด้วยที่พักขา ส่วนเบาะนั่งนั่งแถวที่ 2 เป็นแบบ Ottoman Seat สามารถปรับนอนยาวพิเศษ ได้พร้อมที่พักขา ช่วยให้ผู้โดยสารเกิดความสะดวกสบายมากขึ้นในระหว่างการเดินทาง ระบบปรับอากาศแบบแยก ปรับอุณหภูมิ ซ้าย-ขวา บริเวณที่นั่ง ผู้โดยสารตอนหน้า พร้อมระบบปรับอากาศแบบแยกปรับอุณหภูมิ หน้า-หลัง บริเวณที่นั่งผู้โดยสารตอนหลัง มาพร้อมระบบฟอกอกาศแบบพลาสม่าคลัสเตอร์ ช่วยดักจับเชื้อโรคและกรองมลพิษในอากาศทำให้อากาศสดชื่นสะอาดตลอดการเดินทางALPHARD มาพร้อมอุปกรณ์ไฮเทคมามาย อาทิ ระบบนำทาง เนวิเกเตอร์ แบบหน้าจอสัมผัส หรือเลือกปรับเปลี่ยนการแสดงผลและนำทางด้วยเสียง ปลอดภัยอีกขั้นกับกล้องมองหลังขณะถอยจอดช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการถอยรถและป้องกันอันตรายที่จะเกิด นอกจากนี้ยังติดตั้งชุด Multimedia ที่สามารถเล่นได้ทั้ง วิทยุ CD DVD MP3 TV และสามารถรองรับ Bluetooth ได้ในตัว พร้อมลำโพง 8 ทิศทาง สามารเชื่อมต่อสัญญาณภายนอกผ่านสาย USB Port

ระบบเครื่องยนต์
Alphard ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 3.5 ลิตรแบบ V6 24 วาล์ว DOHC Dual VVT-I มีประมาตรกระบอกสูบขนาด 3,456 ซีซี อัตราส่วนกำลังอัดที่ 10.8:1 ระบบจ่ายน้ำมันเชื่อเพลิงแบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ EFI ผลิตแรงม้าสูงสุด 275 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่นาที แรงบิดสูงสุด 340 นิวตัน-เมตรที่ 4,700 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 6 สปีด

ระบบความปลอดภัย
นอกจากความหรูหราทั้งภายนอกและภายในแล้ว Alphard ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยเหนือระดับ เริ่มจาก
ความปลอดภัยเชิงป้องกัน
Alphard ติดตั้งระบบป้องกันล้อล็อก ABS ทำงานคู่กับระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA
ระบบความปลอดภัยเชิงปกป้อง
โตโยต้าให้มาอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัยที่ให้มาถึง 9 จุด ได้แก่ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า และด้านข้าง
ม่านนิรภัย 4 จุดทั่วห้อง อีกทั้งบริเวณขาคนขับ นอกจากนี้ยังมีเข็มขัดนิรภัยแบบ ELR 3 แบบดึงกลับและผ่อนแรง
อัตโนมัต จุด 2 ติดตั้งที่นั่งด้านหน้า ส่วนด้านหลังติดตั้งเข็มขัดนิรภัยแบบ ELR/ALR 3 ในแถวที่ 1 และ แถว 2 Alphard
จัดเป็นรถตู้ที่มีความหรูหรา พรั่งพร้อมไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ให้มาอย่างครบครันน่าใช้
ประกอบการออกแบบที่หรูหราเอาใจลูกค้าระดับพรีเมี่ยม โตโยต้า ตั้งราคาขาย
รุ่น 3.5Q ราคา 4,489,000 บาท
รุ่น 3.5 V ราคา 3,399,000 บาท
ข้อมูลทางเทคนิคเครื่องยนต์
V6 DOHC 3.5L 2GR-FE Dual VTT- I ความจุ 3,456 ซีซี
แรงม้า 170 แรงม้าที่ 6,000
รอบต่อนาทีแรงบิด 344 นิวตันเมตร 4,700 รอบ/นาที
อัตราสิ้นเปลือง 9.2/9.5 กิโลเมตรต่อลิตร
ระบบส่งกำลัง อัตโนมัต 6 สปีด
มิติตัวรถ 4850x1830x1890 (มม.)
ความจุถังน้ำมัน 65
อัตราเร่งตั้งแต่ 0 – 100 กิโลเมตร 8.3 วินาที


มาสด้า บีที-50 ปิคอัพช่างล่างหนึบ โชว์พลังคว้าแชมป์ประเทศไทยสนามครอสคันทรีเป็นปีที่ 2




















มาสด้า บีที-50 ปิคอัพช่างล่างหนึบ โชว์พลังคว้าแชมป์ประเทศไทยสนามครอสคันทรีเป็นปีที่ 2
กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, 22 ธันวาคม 2551 – การแข่งขันรถยนต์ประเภทครอสคันทรี ประจำปี 2551 สนามสุดท้ายที่เมืองพัทยาสู้กันมันส์สุดฤทธิ์จนหยดสุดท้ายด้วยศักดิ์ศรีแชมป์ประเทศไทยเป็นเดิมพัน ปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการรักษาตำแหน่งแชมป์ประเทศไทยได้อย่างสวยงามของทีม "Mazda Motor Sport Team" โดยนักขับฝีมือฉกาจอย่าง พีท ทองเจือ ที่ควบรถสปอร์ตปิคอัพมาสด้า บีที-50 พลังเครื่องยนต์คอมมอนเรล 3.0 ลิตร ทะยานเข้าเส้นชัยใน S สุดท้าย คว้าอันดับที่3 และก้าวขึ้นครองตำแหน่งแชมป์ประจำปีอย่างยิ่งใหญ่อีกหนึ่งสมัย

จอห์น เรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้าประสบความสำเร็จอย่างสูงภายในระยะเวลาเพียงแค่ 3 ปี กับการส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตทั้งประเภทประเภทครอสคันทรี ทางเรียบ และซูเปอร์คาร์ โดยในปีนี้การแข่งขันในประเภทครอสคันทรีมาสด้าสามารถคว้าแชมป์ประเทศไทยมาครองได้อีกหนึ่งสมัยในรุ่นโอเพ่น หรือ รุ่น TB1 ซึ่งในปี 2007 ที่ผ่านมา มาสด้ายังสามารถก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของการแข่งขัน ด้วยการประกาศศักดาความเป็นยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ตอย่างแท้จริงกับการคว้าชัยชนะของการแข่งขันในรุ่น TB1 และ TB2 ในรายการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทย นอกจากนี้ในประเภททางเรียบและซูเปอร์คาร์ มาสด้าก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน โดยเฉพาะมาสด้า บีที-50 ฟรีสไตล์แค็บ ขับเคลื่อน 2 ล้อ เครื่องยนต์คอมมอนเรล หนึ่งเดียวในการแข่งขันในสนามสุดท้ายที่บางแสนมาสด้าได้รับเสียงเชียร์และเสียงปรบมืออย่างท่วมท้นตลอดเกมส์การแข่งขัน พร้อมกับคว้าอันดับที่ 5 ในสนาม
สุดท้าย และยังก้าวขึ้นครองอันดับ 5 ประจำปี 2008 มาครองได้สำเร็จเกินความคาดหมาย
สุรีทิพย์ ละอองทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่านับเป็นโอกาสอันดีที่มาสด้าก้าวเข้ามาสู่วงการมอเตอร์สปอร์ตอย่างเต็มตัว ด้วยการสร้างทีมแข่งขันโดยเฉพาะของมาสด้าภายใต้ชื่อทีมแข่งรถที่แข็งแกร่ง "MAZDA MOTOR SPORT TEAM" โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเสริมสร้างการรับรู้ของแบรนด์ของมาสด้าภายใต้คอนเซ็ปต์ “ซูม-ซูม” ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในทุกกลุ่มลูกค้า และที่สำคัญเราเชื่อมั่นว่าการเข้าร่วมแข่งขันรถยนต์ในระดับประเทศตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา มาสด้าได้สร้างสีสันให้กับวงการณ์มอเตอร์สปอร์ตเมืองไทยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง พร้อมกับการสร้างความสนุกสนาน ตื่นเต้นตลอดการแข่งขัน และยังสามารถครองแชมป์มาโดยตลอด
จะทำให้ลูกค้ามาสด้าสัมผัสประสบการณ์การแข่งขัน และแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและสมรรถนะอันยอดเยี่ยมของรถสปอร์ตปิคอัพ มาสด้า บีที-50 ใหม่ ที่ไม่เป็นสองรองใคร

สำหรับรถปิคอัพที่ใช้ในการแข่งขันในปีนี้คือรถสปอร์ตปิคอัพมาสด้า บีที-50 เครื่องยนต์คอมมอนเรล 3000 ซีซี ให้แรงม้าสูงถึง 156 แรงม้า ที่ 3200 รอบ/นาที และให้แรงบิดมหาศาล 380 นิวตัน-เมตร/นาที สีเหลืองหมายเลข 17 หนึ่งเดียวในสนามแข่งลงทำการแข่งขันใน รายการ Thailand Cross Country 4x4 Championship 2008 โดยมีคุณธนภณ ทองเจือ ซึ่งเป็นดารานักแข่งชื่อดังที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการแข่งรถเมืองไทยมายาวนาน มีประสบการณ์อย่างโชกโชน พร้อมกับเนวิกเเตอร์คู่ใจคุณจุมพล ดวงทิพย์ ที่รู้ใจกันเป็นอย่างดี โดยออกเริ่มสตาร์ทสนามแรกที่จังหวัดเพชรบุรี และสิ้นสุดสนามสุดท้ายที่พัทยา
และนี่คือหนึ่งบทพิสูจน์ในสมรรถนะอันยอดเยี่ยมของรถสปอร์ตปิคอัพมาสด้า บีที-50 ด้วยเครื่องยนต์พลังแรงเต็มพิกัด มาพร้อมระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DE-S หนึบเหนือคู่แข่ง และนี่คืออีกหนึ่งในหลายๆ กิจกรรมการตลาดของมาสด้าในปีนี้ ที่นำเสนอสิ่งดี ๆ ให้ลูกค้าได้ร่วมสัมผัสความรู้สึก ซูม ซูม กับมาสด้าอย่างต่อเนื่อง
รายละเอียดรถสปอร์ตปิคอัพมาสด้า บีที-50 4x4
ด้วยหน้าตารูปร่างที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นสปอร์ตปิคอัพอย่างแท้จริง มาเติมเต็มความเป็นรถแข่งมาสด้า
บีที-50 คันนี้จะทรงพลังได้มากแค่ไหนมาดูกับเลย เครื่องยนต์ MZR-WLC 3000 cc. เพาเวอร์คอมมอนเรล
ความจุกระบอกสูบ 3000 ซีซี. DOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุดที่ 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตร
ให้พลังมากกว่ารถกระบะในระดับเดียวกัน มาพร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบแปรผัน VGT ให้พลังต่อเนื่อง อินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ ระบบจ่ายน้ำมันแรงดันสูง กล่องคอมพิวเตอร์สมองกลอัจฉริยะ 32 บิท
ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ ด้วยการคำนวณการฉีดเชื้อเพลิง การจุดระเบิดที่ละเอียดแม่นยำ
ให้รอบเครื่องยนต์รีดพลังได้เต็มประสิทธิภาพ

๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๑

NEW MAZDA3 SEDAN/HATCHBACK สวยขึ้นกว่าเดิม ประเทศไทยรออีก2ปีข้างหน้า













NEW MAZDA3 SEDAN/HATCHBACK สวยขึ้นกว่าเดิม ประเทศไทยรออีก2ปีข้างหน้า

มาสด้า3 ใหม่ รูปลักษณ์เน้นความสปอร์ตให้เด่นชัดยิ่งขึ้น สอดคล้องกับสโลแกน ZOOM-ZOOM เพิ่มความสนุกสนานเร้าใจในการขับ เพิ่มสมรรถนะของเครื่องยนต์และระบบกันสะเทือน ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย และเอาใจใส่
ต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมยกระดับอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เพิ่มความหรูหรายิ่งขึ้น

ซีดานรุกด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2 ระดับความแรง 2,000 ซีซี 148 แรงม้า และ 2,500 ซีซี 167 แรงม้าบล็อกเดียวกับมาสด้า6 ส่วนแฮทช์แบ็กมี 4 รุ่นเครื่องยนต์ให้เลือก แบ่งเป็นเบนซินและดีเซลอย่างละ 2 รุ่น รูปลักษณ์ด้านหน้าเป็นการนำจุดเด่นของรถยนต์ค่ายเดียวกัน มาผสมผสานไว้อย่างกลมกลืน โคมไฟหน้าทรงเพรียวสไตล์หยดน้ำคล้ายมาสด้า6
มีระบบไบ-ซีนอน ปรับระดับความสูงไฟหน้าอัตโนมัติ และระบบ Adaptive Front Lighting กันชนหน้าและกระจังที่รวมเป็นชิ้นเดียวกัน รวมทั้งทรงของโป่งล้อหน้า ดูคล้ายมาสด้า อาร์เอ็กซ์-8 คงเอกลักษณ์ของมาสด้าด้วยกระจังทรง 5 เหลี่ยม ประกบข้างด้วยช่องรับอากาศขนาดใหญ่ดุดัน พร้อมสปอตไลต์ทรงเฉียบ

วิศวกรของมาสด้าใช้แนวคิดใหม่ในการออกแบบที่เรียกว่า Aero Flow Management เพื่อให้อากาศไหลผ่านตัวรถได้อย่างลื่นไหล กระจังหน้าขนาดใหญ่ รับอากาศสำหรับการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ และการระบายความร้อนได้อย่างเพียงพอ โดยมีช่องรับอากาศไปยังหม้อน้ำติดตั้งอยู่ด้านหลังกันชนหน้า ในความเร็วสูงลิ้นในช่องรับอากาศจะเปิดออกเพื่อลดแรงต้าน อากาศที่ไหลผ่านด้านข้างตัวรถ ได้รับการทดสอบและปรับปรุงในอุโมงค์ลม โดยเฉพาะบริเวณใกล้ๆ
กับล้อทั้ง 4 รวมทั้งมุมด้านหน้าของห้องโดยสาร ออกแบบรูปทรงของเสาหน้า กระจกมองข้าง และใบปัดน้ำฝน
เพื่อลดเสียงลมปะทะ เฉพาะในส่วนของรูปทรงโคมไฟท้าย มีส่วนช่วยลดเสียงรบกวนที่เกิดจากลมได้ถึง 6% โดย
มีค่าสัมประสิทธ์แรงเสียดทานอากาศ 0.29 นับเป็นหนึ่งในรถยนต์คอมแพ็กต์ที่ลู่ลม ซึ่งช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิง
เมื่อขับด้วยความเร็วสูง

รุ่นแฮทช์แบ็กมีทั้งเบนซินและดีเซลอย่างละ 2 รุ่นย่อย เบนซินเป็นแบบ 4 สูบเรียงวางขวาง ฝาสูบ DOHC 16 วาล์ว
รุ่น 1.6 มีความจุ 1,598 ซีซี 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.8 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที
ผ่านมาตรฐานยูโร 4 เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 15.8 กม./ลิตร รุ่น 2.0 มีความจุ 1,999 ซีซี 150 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 19 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที ผ่านมาตรฐาน ยูโร 5 เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 13 กม./ลิตร เครื่องยนต์ดีเซลสำหรับตลาดยุโรป เป็นแบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบ
รุ่น 1.6 มีความจุ 1,560 ซีซี 109 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 24.5 กก.-ม. ที่ 1,750 รอบ/นาที
ผ่านมาตรฐาน ยูโร 4 เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ อัตราสิ้นเปลือง 22.2 กม./ลิตร

ลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร ด้วยการออกแบบโครงสร้างตัวถังให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นโดยไม่เพิ่มน้ำหนัก
ซึ่งส่งผลถึงแฮนด์ลิ่งในการขับที่ดีขึ้น และมีส่วนช่วยเสริมประสิทธิภาพของระบบกันสะเทือนให้ดีขึ้นด้วย โดยเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้าง ในจุดที่จะส่งความสั่นสะเทือนจากถนน และเครื่องยนต์มายังห้องโดยสาร จุดยึดช่วงล่างได้รับการเชื่อมเสริมความแข็งแรง เพื่อดูดซับความสะเทือนจากระบบบังคับเลี้ยวและช่วงล่าง เชื่อมซุ้มโช้กอัพเข้ากับโครงสร้างตัวถังรอบๆ เพิ่มความแข็งแรง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการเชื่อมที่ใช้ในมาสด้า6 รุ่นล่าสุด นอกจากนี้ยังเพิ่มความแข็งแรง
เพื่อลดการบิดตัวของจุดยึดบานพับประตู ส่งผลให้ประตูปิดสนิทแน่นยิ่งขึ้น ช่วยป้องกันเสียงจากภายนอก
ได้อีกทางมาตรวัดยังคงเป็นทรงกลมแยกออกจากกัน แทรกกลางด้วยตัวเลขบอกตำแหน่งเกียร์
มาตรวัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิง และวัดระยะทางแบบดิจิตอล พวงมาลัย 3 ก้านดูแล้วไม่สปอร์ตเท่าไร
เพราะติดตั้งสวิตช์ควบคุมระบบต่างๆ ไว้เพียบ

ระบบกันสะเทือนหน้าอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัต เลื่อนจุดติดตั้งคอยล์สปริงให้ต่ำลง ส่วนด้านหลังอิสระมัลติลิงก์
ใช้คอยล์สปริงกับเทรลลิ่งอาร์ม เพิ่มแขนยึดขวาง 2 ชุด และเพิ่มแขนสำหรับควบคุมมุมโทฝั่งละ 1 ชุด
ออกแบบคานขวางด้านหลังใหม่เพื่อความแข็งแรง ลดการโคลงของตัวถังด้วยโช้กอัพที่มีความหนืดเพิ่มขึ้น ปรับจุดติดตั้งเหล็กกันโคลงทั้งด้านหน้าและด้านหลังใหม่ มีตัวช่วย Dynamic Stability Control และ Traction Control เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในบางรุ่น ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ ด้านหน้ามีครีบระบายความร้อน ปรับปรุงระบบหม้อลมผ่อนแรงใหม่ เพื่อให้ตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยยังคงความสัมพันธ์ระหว่างน้ำหนักในการกดแป้นเบรก กับการจับตัวของผ้าเบรกไว้เช่นเดิม ปรับระบบกระจายแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ราคาประมาณ 700,000 บาทในรุ่นพื้นฐาน

สำหรับ มาสด้า 3 โฉมใหม่ จะมาในประเทศไทยในปี2553(อีก 2 ปี ข้างหน้า)แฟนๆมาสด้า3เตรียมทุบกระปุกได้เลย
แต่ปี 2552 เตรียมพบกับ มาสด้า 2 ได้ช่วงปลายปีหน้า บอกได้คำเดียวว่ามาประเทศไทยแน่นอนครับ

๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๑

มิตซูบิชิ จัดงาน Race For Thailand พร้อมส่ง มานะ พรศิริเชิดและรถแข่งคันใหม่ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีโวลูชั่น












มิตซูบิชิ จัดงาน Race For Thailand พร้อมส่ง มานะ พรศิริเชิดและรถแข่งคันใหม่ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีโวลูชั่น

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จัดงาน Race For Thailand ประกาศความพร้อมในการลงชิงชัยใน
การแข่งขันแรลลี่โหดระดับตำนาน “ดาการ์ แรลลี่ 2009” ที่จะระเบิดความมันส์กันในระหว่างวันที่ 3 – 18 มกราคมปีหน้า
ซึ่งในครั้งนี้บริษัทฯ ยังคงยืนยันส่งมานะ พรศิริเชิด จ้าวพายุทะเลทรายหนึ่งเดียวของไทยลงแข่งขัน พร้อมรถแข่งคันใหม่ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีโวลูชั่น (Mitsubishi Pajero Sport Evolution) รถต้นแบบของรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

ศุภศักดิ์ ดุละลัมพะ ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและกิจกรรมส่งเสริมการตลาด บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงการสนับสนุนนักแข่งไทยในการลงแข่งขันแรลลี่หฤโหดระดับโลก ดาการ์ แรลลี่ 2009 อาร์เจนตินา – ชิลี ในต้นปีหน้าว่า “กิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักที่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) ให้ความสำคัญและสนับสนุนทีมเข้าร่วมการแข่งขันรายการต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าเป็นการช่วยผลักดันด้านกีฬามอเตอร์-สปอร์ตในประเทศไทย และที่สำคัญบริษัทฯ ยังให้การสนับสนุนนักแข่งไทยสู่เวทีการแข่งขันแรลลี่ระดับโลกอย่างดาการ์ แรลลี่ ซึ่งในครั้งนี้ถือเป็นปีที่ 11 โดยการแข่งขันในครั้งนี้มีความพิเศษกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาคือ
นอกจาก มานะ พรศิริเชิด จะเป็นนักแข่งไทยคนเดียวในรายการแล้ว ในส่วนของรถแข่งที่ใช้ในการแข่งขันในครั้งนี้ ทางบริษัทฯ ยังได้ตัดสินใจส่งรถแข่งคันใหม่ คือ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีโวลูชั่น เป็นรถคู่ใจคันใหม่ของมานะอีกด้วย

สำหรับรถแข่ง มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีโวลูชั่น คือรถแข่งที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาสำหรับการแข่งขันในรายการดาการ์ แรลลี่ 2009 อาร์เจนตินา – ชิลี โดยเฉพาะ ซึ่งทีมพัฒนาจากประเทศไทย ฝรั่งเศส และญี่ปุ่นได้พัฒนารถแข่งคันนี้โดยยึดตามกฎข้อบังคับเพื่อความปลอดภัยของ FIA ซึ่งให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่งของโครงสร้างด้วย Tubular flame, ระบบช่วงล่างที่ได้รับการออกแบบมาพิเศษ รวมถึงอุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆ และผ่านขั้นตอนการทดสอบและเตรียมความพร้อมของรถทั้งด้านเครื่องยนต์และระบบต่างๆ มาแล้วและพร้อมเต็มที่สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ ยิ่งไปกว่านั้น
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต

อีโวลูชั่น คือรถต้นแบบที่ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีมาสู่รถยนต์ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ที่ผลิตและจำหน่ายให้คนไทยได้สัมผัสกันแล้วตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งผมเชื่อว่าการตัดสินใจส่งมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีโวลูชั่น ลงแข่งขันดาการ์ในปีนี้น่าจะมีส่วนสำคัญในการช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้ารถยนต์มิตซูบิชิ
โดยเฉพาะ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ได้เป็นอย่างดี” นายศุภศักดิ์กล่าว

การแข่งขัน ดาการ์ แรลลี่ เป็นการแข่งขันแรลลี่ทางไกลที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความโหดและอันตรายที่สุดของโลกรายการหนึ่ง ซึ่งการแข่งขันในต้นปีหน้าที่กำลังจะมาถึงนี้เป็นปีที่ 31 ของการแข่งขันแล้ว จึงนับว่าเป็นแรลลี่ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และจากปัญหาภัยก่อร้ายที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2008 ทำให้ผู้จัดการแข่งขันต้องประกาศยกเลิกการแข่งก่อนวันออกสตาร์ทเพียง 1 วัน และเพื่อความปลอดภัยของนักแข่งทุกคนนั้น ในการแข่งดาการ์ แรลลี่ 2009 ผู้จัดการแข่งขันจึงต้องทำการเปลี่ยนเส้นทางการแข่งขันใหม่ จากเดิมที่แข่งขันจากทวีปยุโรปมุ่งหน้าสู่กรุงดาการ์ ประเทศเซเนกัลในทวีปอัฟริกา มาเป็นการแข่งกันในทวีปอเมริกาใต้ โดยจะเริ่มออกสตาร์ทกันที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินามุ่งหน้าสู่ประเทศชิลี และวนกลับมาเข้าเส้นชัยที่กรุงบัวโนสไอเรส อีกครั้ง รวมระยะทาง 9,574 กิโลเมตร โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 14 สเตจ
และแม้เส้นทางการแข่งขันในครั้งนี้จะเปลี่ยนไปแต่ผู้จัดการแข่งขันยืนยันว่าจะยังคงความโหดไว้ตามแบบฉบับของดาการ์ แรลลี่เช่นเดิม เพราะนักแข่งต้องเผชิญเส้นทางการแข่งขันอันทรหด ทั้งภูเขาสูงชัน หินก้อนใหญ่ ทะเลทรายอันร้อนระอุ และอุปสรรคใหม่ที่สำคัญ อีกอย่างหนึ่งก็คือนักแข่งทุกคนจะต้องแข่งขันกันบนความสูง 4,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งมีอากาศที่เบาบาง ส่งผลให้เหนื่อยง่าย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายในการปรับตัวสำหรับคนที่ใช้ชีวิตประจำวันบนความสูงปกติ
ดังนั้นครั้งนี้นอกจากรถแข่งที่แข็งแกร่งแล้ว ตัวนักแข่งเองก็ต้องแข็งแกร่งไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ารถแข่ง
ถึงจะพากันฟันฝ่าอุปสรรคในครั้งนี้ได้

การแข่งขันดาการ์ แรลลี่ 2009 อาร์เจนตินา – ชิลี จะเริ่มขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 18 มกราคม 2552 โดยความคืบหน้าใน
การเตรียมตัวเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้นั้น มานะ พรศิริเชิด พร้อมด้วย ประสาน ดวงวิบูลย์ ผู้จัดการทีม
มิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต สิงห์ ทีมไทยแลนด์ จะออกเดินทางเพื่อเข้าร่วมประชุมและวางแผนการแข่งขันกับ
ทีม “ทิบัล” (Tibau Team) และทีมใหญ่ของบริษัทแม่ ณ กรุงเรอัล มาดริด ประเทศสเปน ในวันที่ 27 ธันวาคม 2551
พร้อมตรวจเอกสารและความพร้อมของนักแข่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนลงชิงชัยในครั้งนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มานะ พรศิริเชิด พร้อมด้วยผู้จัดการทีม ได้เดินทางไปยังเมือง Le Havre ประเทศฝรั่งเศส
เพื่อนำรถแข่ง มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีโวลูชั่น เข้ารับการตรวจสภาพตามกฎระเบียบการแข่งขันกับผู้จัดการแข่งขันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะนำรถแข่งคันดังกล่าวลงเรือข้ามทวีปจากยุโรปสู่ทวีปอเมริกาใต้ ณ เมืองบัวโนส ไอเรส
ประเทศอาร์เจนตินา

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของการแข่งขันและร่วมส่งแรงใจเชียร์นักแข่งไทย “มานะ พรศิริเชิด” และ “รถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีโวลูชั่น หมายเลข 368” ให้พิชิตชัยในการแข่งดาการ์ แรลลี่ 2009
อาร์เจนตินา – ชิลี ในครั้งนี้ได้ทาง http://www.pajerosport2dakar.com หรือ http://www.dakar.com
และทางหนังสือพิมพ์รวมไปถึงรายการข่าวกีฬาของสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง

Specifications MITSUBISHI PAJERO SPORT EVOLUTION

Engine:MITSUBISHI 3.2
4M414-cylinder DOHC 16-valve turbocharged diesel engine
Displacement (cc): 3,200
Clutch: Single-disk AP Racing clutch
Gearbox: 5-speed manual with transfer
Chassis: Tubular
Body: Carbon-kevlar body

Suspensions:

Front: Double wishbone2 coil-over Öhlins shock absorbers
Rear:Multi-link2 coil-over Öhlins shock absorbers
Steering:Rack-and-pinion short-ratio

Brakes:

Front: ALCON ventilated disk
Diameter (mm): 325
Caliper: ALCON 4-piston
Rear: ALCON ventilated disk
Diameter (mm): 325
Caliper: ALCON 4-piston

Wheels and tires:
Wheels:16" magnesium Technomagnesio

Tires:BF Goodrich G1

Dimensions:

Overall length (mm):4,354

Overall width (mm):2,000

Overall height (mm): 1,848

Wheelbase (mm):2,780

Front overhang (mm): 742

Rear overhang (mm):822

Front wheel track (mm):1,686

Rear wheel track (mm):1,724

๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๑

ผ่านพ้นพฤศจิกายน...ตลาดรถยนต์ 11 เดือน ลดลง 1.9% ยอดขายรวม 556,268 คัน

ผ่านพ้นพฤศจิกายน...ตลาดรถยนต์ 11 เดือน ลดลง 1.9%
นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์เดือนพฤศจิกายน 2551 ด้วยปริมาณการขาย 46,068 คัน ลดลง 20.2 % แบ่งออกเป็น รถยนต์นั่ง 18,176 คัน เพิ่มขึ้น 33.2% รถเพื่อการพาณิชย์ 27,892 คัน ลดลง 36.7% รวมทั้ง รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ จำนวน 24,285 คัน ลดลง 38.0%


ทางด้านสถิติการขายสะสม 11 เดือนของปี 2551 มีปริมาณทั้งสิ้น 556,268 คัน ลดลง 1.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแบ่งออกเป็น รถยนต์นั่ง 202,980 คัน เพิ่มขึ้น 28.4% รถเพื่อการพาณิชย์ 353,288 คัน ลดลง 13.6% รวมทั้ง รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซ็กเมนท์นี้จำนวน 303,072 คัน ลดลง 15.5%


วิกฤตการณ์จากสหรัฐฯ ส่งผลกระทบเศรษฐกิจโลก รวมถึงประเทศไทยด้วยตลาดรถยนต์ 11 เดือน มีปริมาณการขายรวม 556,268 คัน ลดลง 1.9% โดยตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มีอัตราการเติบโตลดลง 13.6% รวมถึงตลาด รถกระบะขนาด 1 ตัน มีอัตราการเติบโตลดลง 15.5% โดยในช่วงครึ่งปีแรกปัจจัยหลักมาจากภาวะตระหนกต่อราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นมากตั้งแต่ต้นปี จนถึงกลางเดือนกรกฎาคม หลังจากนั้นวิกฤตการณ์ทางการเงินจากในสหรัฐอเมริกา ได้เริ่มส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย ตลอดจนสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ แต่ทั้งนี้ตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโต 28.4% เนื่องจากความต้องการรถยนต์นั่งพลังงานทางเลือก อี20 ที่แนะนำเข้าสู่ตลาดมาตั้งแต่ต้นปี รวมถึงรถยนต์นั่งรุ่นใหม่ที่มีการแนะนำเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ โคโรลล่า อัลติส, ฮอนด้า แจ๊ส และ ฮอนด้า ซิตี้


ตลาดรถยนต์ในเดือน พฤศจิกายน มีอัตราการเติบโตลดลง 20.2% ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยเป็นการลดลงที่ต่ำสุดในรอบปี มีปริมาณการขายทั้งสิ้น 46,068 คัน เนื่องจากการเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการหดตัวของเศรษฐกิจโลก ประกอบความไร้เสถียรภาพ และความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศ ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน พฤศจิกายนลดลงต่ำที่สุดในรอบ 82 เดือน เป็นผลให้ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ปรับตัวลดลง 36.7% รวมทั้งรถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซ็กเมนท์นี้ที่ลดลงถึง 38.0% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน ของปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ดีตลาดรถยนต์นั่งที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 33.2% ทั้งนี้เนื่องจากในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคได้ชะลอการตัดสินใจซื้อ เพื่อรอนโยบายการปรับลดภาษีสรรพษามิตสำหรับรถยนต์ อี20


ตลาดรถยนต์เดือนธันวาคม คาดว่าจะมีแน้วโน้มทรงตัว แม้ว่าโดยปกติเดือนธันวาคมจะเป็นเดือนที่มียอดขายสูงสุดในรอบปี ด้วยข้อเสนอพิเศษต่างๆ ที่แต่ละค่ายนำมาเสนอต่อผู้บริโภค รวมกับการจัดงานมอเตอร์เอ็กซ์โปที่ผ่านมามียอดจองทั้งสิ้น 14,690 คัน ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อตลาดรถยนต์ แต่อย่างไรก็ดี ผลกระทบวิกฤตการณ์ทางการเงินโลกที่ยังไม่คลี่คลาย ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญกดดันเศรษฐกิจภายในประเทศ ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศ ที่ได้ลดความตึงเครียดลง น่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญต่อภาวะเศรษฐกิจและตลาดรถยนต์


ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนพฤศจิกายน 2551ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 46,068 คัน ลดลง 20.2%

- อันดับที่ 1 โตโยต้า 19,771 คัน ลดลง 24.5% ส่วนแบ่งตลาด 42.9%

- อันดับที่ 2 อีซูซุ 10,208 คัน ลดลง 36.3% ส่วนแบ่งตลาด 22.2%

- อันดับที่ 3 ฮอนด้า 7,855 คัน เพิ่มขึ้น 124.0% ส่วนแบ่งตลาด 17.1%


ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 18,176 คัน เพิ่มขึ้น 33.2%

- อันดับที่ 1 โตโยต้า 8,097 คัน ลดลง 1.6% ส่วนแบ่งตลาด 44.5%

- อันดับที่ 2 ฮอนด้า 7,480 คัน เพิ่มขึ้น 136.6% ส่วนแบ่งตลาด 41.2%

- อันดับที่ 3 นิสสัน 579 คัน เพิ่มขึ้น 63.6% ส่วนแบ่งตลาด 3.2%


ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* ปริมาณการขาย 24,285 คัน ลดลง 38.0%

- อันดับที่ 1 โตโยต้า 10,604 คัน ลดลง 34.9% ส่วนแบ่งตลาด 43.7%

- อันดับที่ 2 อีซูซุ 9,554 คัน ลดลง 37.2% ส่วนแบ่งตลาด 39.3%

- อันดับที่ 3 นิสสัน 1,402 คัน ลดลง 46.2% ส่วนแบ่งตลาด 5.8%*

ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน:2,208 คัน

โตโยต้า 1,093 คัน - มิตซูบิชิ 625 คัน - อีซูซุ 457คัน - ฟอร์ด 33 คัน

ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 22,077 คัน ลดลง 40.0%

- อันดับที่ 1 โตโยต้า 9,511 คัน ลดลง 36.9% ส่วนแบ่งตลาด 43.1%
- อันดับที่ 2 อีซูซุ 9,097 คัน ลดลง 35.8% ส่วนแบ่งตลาด 41.2%
- อันดับที่ 3 นิสสัน 1,402 คัน ลดลง 46.2% ส่วนแบ่งตลาด 6.4%
ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 27,892 คัน ลดลง 36.7%
- อันดับที่ 1 โตโยต้า 11,674 คัน ลดลง 34.9% ส่วนแบ่งตลาด 41.9%
- อันดับที่ 2 อีซูซุ 10,208 คัน ลดลง 36.3% ส่วนแบ่งตลาด 36.6%
- อันดับที่ 3 นิสสัน 1,412 คัน ลดลง 47.6% ส่วนแบ่งตลาด 5.1%
สรุปสถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2551ตลาดรถยนต์รวม
ปริมาณการขาย 556,268 คัน ลดลง 1.9%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 236,227 คัน ลดลง 6.1% ส่วนแบ่งตลาด 42.5%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 122,000 คัน ลดลง 8.8% ส่วนแบ่งตลาด 21.9%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 80,000 คัน เพิ่มขึ้น 40.4% ส่วนแบ่งตลาด 14.4%
ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 202,980 คัน เพิ่มขึ้น 28.4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 96,721 คัน เพิ่มขึ้น 14.1% ส่วนแบ่งตลาด 47.7%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 71,851 คัน เพิ่มขึ้น 47.8% ส่วนแบ่งตลาด 35.4%
อันดับที่ 3 เชฟโรเลต 9,410 คัน เพิ่มขึ้น 40.4% ส่วนแบ่งตลาด 4.6%
ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* ปริมาณการขาย 303,072 คัน ลดลง 15.5%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 126,440 คัน ลดลง 16.8% ส่วนแบ่งตลาด 41.7%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 115,021 คัน ลดลง 7.6% ส่วนแบ่งตลาด 38.0%อั
นดับที่ 3 นิสสัน 21,462 คัน ลดลง 25.2% ส่วนแบ่งตลาด 7.1%
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 20,222 คัน
โตโยต้า 12,754 คัน – อีซูซุ 5,583คัน- มิตซูบิชิ 1,403 คัน – ฟอร์ด 482 คัน
ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 282,850 คัน ลดลง 16.3%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 113,686 คัน ลดลง 17.9% ส่วนแบ่งตลาด 40.2%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 109,438 คัน ลดลง 7.6% ส่วนแบ่งตลาด 38.7%
อันดับที่ 3 นิสสัน 21,462 คัน ลดลง 25.2% ส่วนแบ่งตลาด 7.6%
ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 353,288 คัน ลดลง 13.6%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 139,506 คัน ลดลง 16.4% ส่วนแบ่งตลาด 39.5%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 122,000 คัน ลดลง 8.8% ส่วนแบ่งตลาด 34.5%
อันดับที่ 3 นิสสัน 21,985 คัน ลดลง 27.8% ส่วนแบ่งตลาด 6.2%

๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๑

ปิดฉาก มอเตอร์ เอกซ์โป 2008 ยอดจองเกินคาดหมาย กว่า 14,000 คัน




ปิดฉาก มอเตอร์ เอกซ์โป 2008 ยอดจองเกินคาดหมาย กว่า 14,000 คัน

ยอดจองรถยนต์ในงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 25 ยังเป็นบทพิสูจน์สภาวะเศรษฐกิจของเมืองไทย
แม้การเมืองจะผันผวน แต่ผู้บริโภค ก็ยังจองรถในงานเกินความคาดหมาย พุ่งสูงกว่า 14,000 คัน โดย ค่ายโตโยต้า
เจ้าตลาด คว้ายอดนำโด่งนายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานบริษัท สื่อสากล จำกัด และประธานกรรมการจัดงาน
มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 25 เปิดเผยถึงยอดจองรถในงานครั้งนี้ว่า "นับเป็นบทพิสูจน์สภาวะเศรษฐกิจเมืองไทยได้เป็นอย่างดี ว่ายังมีความแข็งแกร่งพอสมควร ทำให้ผู้บริโภคกล้าตัดสินใจจองรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ในงานรวมทั้งสิ้น 14,690 คัน โดยโตโยต้า ที่ถึงแม้ไม่มีรถใหม่มาเปิดตัว แต่ทำยอดได้ถึง 4,193 คัน"

สำหรับอันดับค่ายรถยนต์ที่ได้รับยอดจองสูงสุด มีดังนี้
- อันดับหนึ่ง โตโยต้า ยอดจอง 4,193 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งในงาน 28.5%
- อันดับสอง ฮอนด้า ยอดจอง 2,552 คัน ส่วนแบ่ง 17.4 %
- อันดับสาม อีซูซุ ยอดจอง 1,760 คัน ส่วนแบ่ง 12.0%
- อันดับสี่ เชฟโรเลต ยอดจอง 1,194 คัน ส่วนแบ่ง 8.1%
- อันดับห้า นิสสัน ยอดจอง 1,008 คัน ส่วนแบ่ง 6.9%
- อันดับหก โปรตอน ยอดจอง 863 คัน ส่วนแบ่ง 5.9%
- อันดับเจ็ด มาสด้า ยอดจอง 767 คัน ส่วนแบ่ง 5.2%
- อันดับแปด มิตซูบิชิ ยอดจอง 756 คัน ส่วนแบ่ง 5.1%
- อันดับเก้า ฟอร์ด ยอดจอง 301 คัน ส่วนแบ่ง 2.0%
- อันดับสิบ นาซ่า ยอดจอง 154 คัน ส่วนแบ่ง 1.0%
- อันดับที่สิบเอ็ด ฮุนได ยอด 153 คัน ส่วนแบ่ง 1.0%

ค่ายเกาหลี ฮุนได ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร เพราะมีรถโซนาตา ที่ติดตั้งก๊าซธรรมชาติจากโรงงาน นำมาให้ลูกค้ารับจอง ทางด้านมาเลเซียก็นับว่าประสบผลสำเร็จอย่างสูงโดย โปรตอน คว้ายอดจองเป็นอันดับที่หก ส่วน นาซ่า น้องใหม่จากค่ายยนตรกิจ ก็ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคไม่น้อยในส่วนของรถยนต์ที่ติดตั้งระบบเชื้อเพลิงกาซธรรมชาติจากโรงงาน ทั้ง เชฟโรเลต ออพตร้า ซีเอนจี และเอสเตท โคโลราโด ซีเอนจี / ฮุนได โซนาตา ซีเอนจี / โปรตอน เพอร์โซนา ซีเอนจี และ ทาทา ซีนอน ซีเอนจี ต่างก็ได้รับยอดจองเป็นที่น่าพอใจ นาทีนี้ถึงแม้ราคาน้ำมันจะลดลง แต่ก็ไม่มีใครการันตีได้ว่า ในอนาคตจะเป็นเช่นไร ดังนั้นรถพลังงานทางเลือก จึงยังเป็นที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ด้านค่ายรถหรู ก็นับว่าประสบความสำเร็จสวนกระแสเศรษฐกิจ โดย ออดี้ มียอดจองถึง 20 คัน เอ็มทีเอ็ม 16 คัน, แลนด์ โรเวอร์ ยอดจอง 15 คัน, มิตซูโอกะ 9 คัน, จากัวร์ 6 คัน และ พอร์ช 1 คัน


๐๕ ธันวาคม ๒๕๕๑

มิตซูบิชิ เปิดตัว ไทรทันโฉมใหม่ ในงาน มอเตอร์ส เอ็กซ์โป ครั้งที่ 25







มิตซูบิชิ เปิดตัว ไทรทันโฉมใหม่ ในงาน มอเตอร์ส เอ็กซ์โป ครั้งที่ 25

กรุงเทพฯ - 28 พฤศจิกายน 2551; มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยึดเวทีมอเตอร์ส เอ็กซ์โปประกาศเปิดตัวมิตซูบิชิ ไทรทัน โฉมใหม่ หรูหราโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นและไทรทันรุ่นพิเศษเครื่องยนต์เบนซินรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 10 (E10) เป็น อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับลูกค้า พร้อมยกขบวนสุดยอดยนตรกรรมสายพันธุ์แกร่ง ทั้งปาเจโร สปอร์ต แลนเซอร์ สเปซ แว กอนและรถต้นแบบไอ มีฟ (i MiEV) ร่วมโชว์ ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายนถึง 10 ธันวาคมนี้ที่เมืองทองธานี

มร. มิจิโร่ อิมาอิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเปิดตัวมิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 25 โดยมาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่หรูหราโฉบเฉี่ยวและแข็งแกร่งยิ่งขึ้นทั้งจากกระจังหน้า ดีไซน์ใหม่และกระบะท้ายออกแบบใหม่สูงขึ้นกว่าเดิม 57 มิลลิเมตร เพื่อเพิ่มปริมาตรการบรรทุกแต่ยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย ได้อย่างครบครัน โดยในช่วงแรกจะแนะนำ 2 รุ่น ได้แก่ เมกะแค็บ (รุ่นพลัส และรุ่น ขับเคลื่อน 4 ล้อ) และซิงเกิ้ลแค็บ ก่อนจะทยอยแนะนำรุ่นที่เหลือภายในปีหน้า
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังได้แนะนำ มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นพิเศษ เครื่องยนต์เบนซินสู่ตลาดเมืองไทยอีกหนึ่งรุ่นเพื่อเป็นอีก หนึ่งทางเลือกให้กับลูกค้า ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นในสไตล์รถขับเคลื่อน 2 ล้อยกสูง เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร
ที่รองรับการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 10 โดยมีให้เลือก 2 รุ่น 2 สไตล์ ได้แก่ ซิงเกิ้ลแค็บ 2.4 GL และ
พลัส ดับเบิ้ลแค็บ 2.4 GLX
“บริษัทฯ ได้แนะนำ มิตซูบิชิ ไทรทัน สู่ตลาดเมืองไทยอย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2548 ที่ผ่านมา ด้วยจุด เด่นของผู้สร้างอารยธรรมใหม่ของรถกระบะในเมืองไทย ที่มาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่ที่ฉีกกฎเกณฑ์ของรถกระบะแบบเดิมๆ ความแข็งแกร่งของระบบช่วงล่าง และพลังขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์ไฮเปอร์ คอมมอนเรล ทำให้มิตซูบิชิ ไทรทันได้รับ การตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศเห็นได้จากยอดขายโดยรวมในประเทศนับตั้งแต่เปิดตัว
จนถึงปัจจุบันอยู่ที่กว่า 77,000 คัน ในขณะที่ยอดการส่งออกอยู่ที่ประมาณ 400,000 กว่าคัน พร้อมการันตีด้วยการคว้ารางวัลรถยอดเยี่ยมมาได้กว่า 10 รางวัล จากทั้งในและต่างประเทศ และจากการพัฒนารถใหม่ให้มีความลงตัวมากยิ่งขึ้น ไม่ว่า จะเป็นในเรื่องของรูปลักษณ์ เทคโนโลยี รวมไปถึงฟังก์ชั่นใช้งานต่างๆ รวมทั้งนำเสนอเครื่องยนต์เบนซินเป็นอีกหนึ่ง ทางเลือกทำให้ผมมั่นใจว่า มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ จะได้รับความนิยมเหมือนที่เคยเป็นมาอย่างแน่นอน”
มร. อิมาอิ กล่าว

นอกเหนือจากการเปิดตัวมิตซูบิชิ ไทรทันใหม่ และมิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นพิเศษ เครื่องยนต์เบนซิน แล้วเพื่อให้สอดคล้อง กับแนวคิดของการจัดงานมหกรรมยานยนต์ในปีนี้ คือ “พันธกิจมนุษย์ หยุดโลกร้อน” บริษัทฯ ยังได้นำ มิตซูบิชิ ไอมีฟ( i MiEV) รถพลังงานไฟฟ้าที่ไม่สร้างมลพิษซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐานมาจากรถยนต์ขนาดเล็ก“ไอ” มาร่วมโชว์โดยเป็นรถที่ มา พร้อมความก้าวล้ำทางเทคโนโลยียนตรกรรมของมิตซูบิชิ ไม่ว่าจะเป็นความโดดเด่นของโครงสร้างการวางเครื่อง ยนต์ไว้ตรงกลางด้านหลัง (rear-midship layout) รวมไปถึงแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ความหนาแน่นสูงและมอเตอร์ประสิทธิ ภาพสูงที่ให้กำลังสูงสุด 47 กิโลวัตต์ พร้อมแรงบิดสูงสุด 180 นิวตัน-เมตร และความเร็วสูงสุดที่ 130 กิโลเมตร ต่อชั่ว โมง โดยสามารถวิ่งได้ไกลถึง 160 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟเต็ม ทั้งนี้มิตซูบิชิ ไอ มีฟ ยังมาพร้อมกับอัตราเร่งเครื่องที่ดี เยี่ยมด้วยอัตราเร่งจาก 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้เร็วกว่ารถยนต์มิตซูบิชิไอซึ่งเป็นรถที่ใช้น้ำ มันถึง 30% ในขณะเดียวกันยังให้การทำงานที่เงียบหรือการสั่นสะเทือนที่น้อยมาก นอกจากนี้ไอมีฟยังสามารถชาร์จไฟ ได้ 3 รูปแบบ ทั้งจากตู้ชาร์จแบตเตอรี่ ที่ชาร์จไฟในบ้านประเภท 100 วัตต์ และที่ชาร์จไฟในบ้านประเภท 200 วัตต์ โดย ในส่วนของตู้ชาร์จแบตเตอรี่นั้นยังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างมิตซูบิชิและ Tokyo Electric Power Company โดยตู้ชาร์จแบตเตอรี่สามารถชาร์จได้ถึง 80% ภายใน 30 นาทีเท่านั้น ในขณะที่การชาร์จด้วยไฟฟ้า ภายในบ้านหากชาร์จด้วยไฟฟ้าขนาด 100 V/15 A จะใช้เวลาประมาณ 14 ชั่วโมง และหากชาร์จด้วยไฟฟ้าขนาด 200 V/15A จะใช้เวลาเพียง 7 ชั่วโมงเท่านั้น โดยมิตซูบิชิ มอเตอร์ส มีแผนจะเปิดขาย ไอ มีฟ อย่างเป็นทางการครั้งแรกใน ประเทศญี่ปุ่นในปี 2552 นี้
ทั้งนี้ มร.อิมาอิ กล่าวเสริมถึงผลการตอบรับของมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต เอสยูวีใหม่ที่ได้รับการออกแบบขึ้นภายใต้ แนวคิด “ The Stylish Riding-On-Demand SUV...ตอบชีวิต ตามใจคุณ” ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาและเป็น อีกหนึ่งไฮไลท์ของงานในครั้งนี้ว่าบริษัทฯ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าโดยยอดขายเฉลี่ยยังอยู่ที่ 600 คันต่อ เดือนและเชื่อว่าหลังจบปีงบประมาณ 2551 (มีนาคม 2552) จะสามารถทำยอดได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ 3,000 คัน ได้อย่างแน่นอน โดยในขณะนี้บริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมทางการตลาดในรูปแบบต่างๆ ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดเพื่อเข้า ถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
สำหรับการร่วมงาน มหกรรมยานยนต์ในครั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้นำยนตรกรรมมาร่วมโชว์ถึง 18 คัน ซึ่ง จะรวมไปถึง มิตซูบิชิ สเปซ แวกอน รถยนต์นั่งอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ (Full Size MPV) ยานยนต์ที่ตอบรับกับทุกรูป แบบการใช้ชีวิต ที่มาพร้อมความสมบูรณ์แบบของเทคโนโลยีผนวกกับความสวยงามของดีไซน์และอัจฉริยะของฟังก์ชั่น การใช้งานต่างๆ มีให้เลือก 3 รุ่น 3 สไตล์ ได้แก่ มิตซูบิชิ สเปซ แวกอน GT สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความหรูหราแบบ สปอร์ต มิตซูบิชิ สเปซ แวกอน GLS Limited เน้นความหรูหราสะดวกสบายยิ่งขึ้น และมิตซูบิชิ สเปซ แวกอน GLS ที่มา พร้อมความสวยงามเรียบง่าย แฝงไว้ด้วยความสะดวกสบายครบครัน พร้อมรองรับการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 20
มิตซูบิชิ แลนเซอร์ รถยนต์นั่งที่ให้ทั้งสมรรถนะ และการประหยัดที่เป็นเยี่ยม มาพร้อมนิยามของคำว่า “...มากกว่า … you get more ...” ซึ่งมีให้เลือก 4 รุ่น 2 สไตล์ ได้แก่ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ GLX เกียร์ธรรมดา , GLX เกียร์อัตโนมัติ CVT และ GLX เกียร์อัตโนมัติ CVT Leather Package สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความหรูหรา และมิตซูบิชิแลนเซอร์ SEi เกียร์อัตโน มัติ CVT ที่มาพร้อมกับอารมณ์สปอร์ต พร้อมรองรับการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 20 นอกจากนี้ยังมีมิตซูบิชิ แลนเซอร์ ซี เอ็นจี (CNG) เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับลูกค้าที่กำลังมองหารถยนต์นั่งที่ให้การประหยัดและเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด สำหรับการใช้งานในแต่ละวันซึ่งสามารถเลือกใช้งานได้ 2 ระบบทั้ง ซีเอ็นจี (CNG) และแก๊สโซฮอล์อี 20 ที่ให้ความประ หยัดยิ่งกว่าตอบรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่
แคมเปญ เงื่อนไขพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิในงานมหกรรมยานยนต์
และที่โชว์รูมรถยนต์มิตซูบิชิ ทั่วประเทศ

มิตซูบิชิ ไทรทัน เมกะแค็บ 2.5 GLX เกียร์ธรรมดา
ดาวน์ 29,000 บาท* (เงื่อนไขเงินดาวน์ 15%)

มิตซูบิชิ ไทรทัน พลัส เบล็คเอดิชั่น
ดอกเบี้ยต่ำเพียง 1 %* (สำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดา)

(เงื่อนไขเงินดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน)

ฟรีอุปกรณ์ GPS เนวิเกเตอร์ มูลค่า 19,800 บาท

ฟรี ไดมอน อินชัวรันซ์ 1 ปี

มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ ขับเคลื่อน 4 ล้อ
ดอกเบี้ยต่ำ 1.55%*

(เงื่อนไขเงินดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน)

ฟรีอุปกรณ์ GPS เนวิเกเตอร์ มูลค่า 19,800 บาท

ฟรีไดมอน อินชัวรันซ์ 1 ปี

มิตซูบิชิ แลนเซอร์ ซีเอ็นจี
ดอกเบี้ยต่ำพิเศษ ผ่อนเริ่มต้นเพียง 7,999 บาท* ต่อเดือน (สำหรับรุ่น CNG 1.6 GLX เกียร์ธรรมดา)

(เงื่อนไขเงินดาวน์ 25% ผ่อน 72 เดือน )

ฟรีไดมอนด์ อินชัวรันซ์ 1 ปี

มิตซูบิชิ สเปซ แวกอน :
ดอกเบี้ยต่ำพิเศษทุกรุ่น เริ่มต้นที่ 0.85% (สำหรับรุ่น GLS)

(เงื่อนไขเงินดาวน์ 25% ผ่อน 72 เดือน)

ฟรีไดมอนด์ อินชัวรันซ์ 1 ปี

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต
ฟรีไดมอนด์ อินชัวรันซ์ 1 ปี

ทุกรุ่นรับไดมอนวารันตี รับประกัน 5 ปี 150,000 กิโลเมตร ** (ยกเว้นมิตซูบิชิ แลนเซอร์ ซีเอ็นจี)
* ขึ้นอยู่กับเงินไขการพิจารณาของสถาบันการเงินที่ร่วมรายการ ** เฉพาะระบบส่งกำลังและเงื่อนไขการรับประกันตามรายละเอียดคู่มือประจำรถ
สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถเข้าชมพร้อมทดสอบสุดยอดยนตรกรรมของมิตซูบิชิได้ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 25 ที่บูธรถยนต์มิตซูบิชิ หมายเลข A05 ณ อาคารชาเลนเชอร์ ฮอล์ เมืองทองธานี
ในระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2551 หรือ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 1800 900 009

๐๔ ธันวาคม ๒๕๕๑

รถต้นแบบมาสด้า ไทกิ แม่เหล็กสร้างความคึกคักงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป




รถต้นแบบมาสด้า ไทกิ แม่เหล็กสร้างความคึกคักงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป

บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด นำรถต้นแบบแห่งอนาคต มาสด้า ไทกิ เผยโฉมเป็นครั้งแรก พร้อมเปิดตัวแนะนำรถสปอร์ตปิคอัพ มาสด้า บีที-50 รุ่นตกแต่งพิเศษ Sport Series เครื่องยนต์คอมมอนเรล พร้อมขบวนยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ตครบครัน โดยมี 3 ทหารเสือแห่งวงการรถยนต์ คุณขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ (ขวาสุด) ประธานจัดงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป พร้อมด้วย ดร. ปราจิน เอี่ยมลำเนา (ซ้ายสุด) ประธาน กรังด์ปรีซ์ และ คุณจรวย ขันมณี (ที่2 จากซ้าย) ประธานยานยนต์ กรุ๊ป ให้เกียรติเยี่ยมชมบูธมาสด้า โดยมี มร. จอห์น เรย์ (ที่2 จากขวา) กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้การต้อนรับในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 25 ณ อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี
MAZDA 3 : ตุลาคม 2551 - 5 ปีกับ 4 เดือน ยอดผลิตมาสด้า3 ทะลุสองล้านคันแล้ว
มาสด้า3 เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางจากผู้บริโภคทั่วโลกในทั้งในด้านสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมและดีไซน์ที่มีสไตล์ คุณสมบัติอันโดดเด่นดังกล่าว ทำให้รถยนต์รุ่นนี้พิชิตยอดการผลิตจำนวน 2 ล้านคันได้ในเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนี้ มาสด้า3 ยังเป็นรถรุ่นแรกของมาสด้า ที่มียอดการผลิตในแต่ละปี เพิ่มสูงขึ้นทุก ๆ ปีเป็นเวลา 4 ปีติดต่อกันตั้งแต่รถรุ่นนี้เริ่มผลิต มาสด้า3 เริ่มผลิตครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน 2546 ที่โรงงานโฮฟู จังหวัดยามากูชิ ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันตกของญี่ปุ่น นับแต่นั้นมา รถยนต์นั่งขนาดกลางรุ่นนี้ ก็ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยมีจำหน่ายในกว่า 101 ประเทศทั่วโลก และปัจจุบัน มาสด้า3 คว้ารางวัลด้านยานยนต์ต่าง ๆ จากทั่วโลกมาถึง 94 รางวัลแล้ว รวมทั้งรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีในหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่ารถยนต์รุ่นนี้เป็นที่ชื่นชอบของทั้งผู้บริโภคและสื่อมวลชนด้านยานยนต์
มาสด้ามีความมุ่งมั่นในการพัฒนารถยนต์ที่มีรูปลักษณ์อันโดดเด่นที่ชวนขับขี่ เป็นรถยนต์ที่ขับสนุก และรู้สึกอยากขับอีกเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันก็มีการผสมผสานระหว่างความสนุกสนานในการขับขี่ ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยอย่างลงตัวและกลมกลืน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด ซูม ซูม อย่างยั่งยืน หรือ Sustainable Zoom-Zoom ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ระยะยาวในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีของมาสด้า
มาสด้า3 โฉมใหม่กำหนดเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่งานลอสแองเจอลีสมอเตอร์โชว์ ในเดือนพฤศจิกายน 2551 นี้

๐๒ ธันวาคม ๒๕๕๑

มหกรรม อีซูซุ แพลททินั่ม หม่ำ-สะออน เปิดตัวที่กรุงเทพฯ อย่างสวยงาม

















มหกรรม อีซูซุ แพลททินั่ม หม่ำ-สะออน เปิดตัวที่กรุงเทพฯ อย่างสวยงาม


มหกรรม อีซูซุ แพลททินั่ม หม่ำ-สะออน ประเดิมครั้งแรกที่กรุงเทพฯ ได้รับความสนใจจากชาวกรุงอย่างล้นหลามเกินหมื่นคน แถมได้รับยอดจอง มากกว่าพันคัน สร้างความภูมิใจให้กับผู้บริหารอีซูซุอย่างมาก อีซูซุ แพลททินั่ม หม่ำ-สะออน เป็นหนึ่งในกิจกรรมขอบคุณลูกค้าอีซูซุ ที่มอบความสุขเหนือระดับ ความคุ้มค่าเหนือระดับ ทั้งสาระและบันเทิงเหนือระดับ โดยเฉพาะโชว์สุดฮาครั้งแรกในเมืองไทยของซูเปอร์สตาร์ตลกดัง หม่ำ จ๊กม๊ก ที่ขนมุขหลากหลายมาปะทะกับ โปงลางสะออน พร้อมออกเดินสายฮากระจายแบบเหนือระดับทั่วประเทศแล้ววันนี้

ภายในงาน มหกรรม อีซูซุ แพลททินั่ม หม่ำ-สะออน ซึ่งประเดิมจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ เป็นแห่งแรกนี้อัดแน่นด้วยความสุขเต็มพื้นที่ นอกจากจะมีการจัดทัพ ประชันโฉมรถรุ่นใหม่ล่าสุด อีซูซุดีแมคซ์ แพลททินั่ม ใหม่! ยอดรถประหยัดน้ำมันแห่งยุค และ อีซูซุ มิว-เซเว่น แพลททินั่ม ใหม่! รถอเนกประสงค์ ยอดประหยัดน้ำมัน ที่พร้อมให้สัมผัสความหรูหรา สะดวกสบาย และความบันเทิงสมบูรณ์แบบอย่างใกล้ชิดเพื่อสะดวกในการตัดสินใจเป็นเจ้าของแล้ว ยังเปิดโอกาสให้พิสูจน์ความกล้าของหัวใจแกร่ง กับสมรรถนะรถขับเคลื่อนสี่ล้อในสถานี แกร่ง...กล้า...ท้าประลอง ที่สุดแสนท้าทาย รวมถึงกิจกรรมน่ารู้หลากหลาย ที่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าอาทิเช่น การเรียนรู้ทักษะการขับรถแบบประหยัดน้ำมันในการแข่งขัน ขับรถประหยัดอัจฉริยะสัญจรกับอีซูซุ หรือร่วมลุ้นรางวัลกับเกมนานาชนิด พร้อมชมการแสดงหลากหลายความสามารถจากทีม ดันดารา นำโดย ปุ๊ย ตีสิบ และ โน๊ต เชิญยิ้ม ชมและเชียร์ความสามารถที่โตเกินตัว ของน้องๆ หนูๆ ในการประกวดร้องเพลงประกอบลีลา อีซูซุดีแมคซ์ แพลททินั่ม รวมทั้งกระทบไหล่สาวงามผู้เข้ารอบ 18 คนสุดท้ายจากเวทีนางสาวไทย 2551 ซึ่งหนึ่งในนั้นจะได้รับ อีซูซุ มิว เซเว่น แพลททินั่ม ใหม่! เป็นรางวัลในฐานะนางสาวไทยปีนี้ส่งท้ายด้วยโชว์สุดฮาที่ทุกคนรอคอย เพราะความสุขระดับแพลททินั่มครั้งนี้ไม่ได้มาแค่หนึ่ง แต่เป็นการดวลไมค์... ดวลมุข... ดวลแดนซ์ ประชันความเป็นเจ้าเวทีของซูเปอร์สตาร์ตลกร้อยล้าน หม่ำ จ๊กม๊ก ที่ต้องมาร่วมทำภารกิจฮา ทั้งเล่นจริง ร้องจริง ตลกจริง กับ โปงลางสะออน บนเวทีเดียวกันเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งงานนี้บอกได้คำเดียวว่า ผู้ชมต้องเตรียมขากรรไกรไว้ให้พร้อม เพราะพวกเขาประกาศศักดาฮากระจาย

"มหกรรม อีซูซุ แพลททินั่ม หม่ำ-สะออน ครั้งแรกที่กรุงเทพฯ นี้ได้รับการตอบรับอย่างดียิ่ง เราจัดงานนี้เป็นประจำทุกปี เพราะต้องการตอบแทน ความไว้วางใจของผู้ใช้รถชาวไทย ที่มีต่ออีซูซุมานานกว่า 5 ทศวรรษ โดยภายในสิ้นปีนี้จะมีจัดอีก 2 จังหวัด ได้แก่ วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคมที่ จ.สุราษฎร์ธานี และวันเสาร์ที่ 27 ธันวาคมที่ จ.ขอนแก่น และในปีหน้ายังจะมีมหกรรมอีซูซุที่สนุกๆ แบบนี้ในอีกหลาย ๆ จังหวัด ต้องติดตามกันต่อไป" มร.โมริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการ
บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวทิ้งท้าย