AUTO THAILAND's Fan Box

AUTO THAILAND on Facebook

Facebook Fanpage QR Code

qrcode

เจอกันที่ใหม่ จัดเต็มกว่าเดิม!

๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๒

HyundaiเปิดตัวH-1 Maesto SS เพื่อฉลองการทำตลาดในไทย2ปี

หลังจากที่ฮุนไดได้กลับมาทำตลาดในประเทศไทยเมื่อปลายปี2007 พร้อมเปิดตัวรถทั้ง3รุ่นได้แก่
โซนาต้า,ซานต้าเฟ่ และ คู้ป จนประสบความสำเร็จ ต่อมาในช่วงประมาณปี2008
ฮุนไดได้เปิดตัวรถตู้อเนกประสงค์ในนาม"H-1"จนเป็นรถอีกรุ่นนึงที่ประสบความสำเร็จ
ฮุนไดก็ได้จับน้องH-1มาตกแต่งในแบบพิเศษในชื่อ"H-1 Maesto SS "
เพื่อฉลองในวาระการทำตลาดไทยมา2ปีและยังฉลองยอดขายของเจ้าH-1อีกด้วย
บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ฮุนไดอย่างเป็นทางแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ฉลองความสำเร็จครบรอบ 2 ปี ในการนำรถยนต์ฮุนไดจากประเทศเกาหลีมาทำตลาดในประเทศไทยอีกครั้ง ด้วยยอดจำหน่ายรถยนต์ตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมาเกินกว่า 2,000 คัน ตอกย้ำความไว้วางใจจากผู้ใช้รถที่มั่นใจในคุณภาพของรถยนต์ฮุนไดยุคใหม่ รวมไปถึงเครือข่ายที่เพียบพร้อมในการให้บริการอย่างเต็มที่
มร. โยชิซึมิ คุราตะ ประธาน บริษัทฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวในระหว่าง “งานฉลองครบรอบ 2 ปี การกลับมาครั้งยิ่งใหญ่ของรถยนต์ฮุนไดในประเทศไทย” ว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในประเทศไทยของรถยนต์ฮุนไดท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังถดถอย และตลาดรถยนต์ที่หดตัวลงอย่างมากของปีนี้ คือเครื่องยืนยันถึงว่ารถยนต์ฮุนไดได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ในตระกูล H-1 Maesto Series, Sonata, Coupe, Santa Fe หรือ แม้แต่รถกระบะเพื่อการพานิชย์อย่าง H-100


ในปีนี้ยอดการจำหน่ายรถยนต์ฮุนไดในประเทศไทยขยายตัวกว่าร้อยละ 60 โดยคาดว่าจะสามารถทะลุเป้าที่วางไว้ 1,500 คัน อย่างไรก็ตามยอดขายที่เพิ่มขึ้นของฮุนไดไม่ได้มีแต่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ในตลาดอื่นๆ ทั่วโลกด้วยเช่นกัน จนทำให้ฮุนไดขยับขึ้นเป็นรถยนต์ขายดีอันดับ 4 ของโลกในช่วงที่ผ่านมา โดยมียอดส่วนแบ่งตลาดในช่วงไตรมาส 3 ที่ร้อยละ 5.5 จากร้อยละ 4.4 ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่ตลาดรถยนต์ทั่วโลก และบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต่างๆ ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากปัญหาวิกฤติการเงิน” มร. คุราตะกล่าวการเริ่มต้นของบริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด มาพร้อมพันธกิจสุดหิน หรือ Mission Impossible ซึ่งสิ่งที่ต้องสร้างคือความมั่นใจให้กับผู้ใช้รถยนต์ผ่านเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการ รวมไปถึงการพัฒนารถยนต์ที่ถูกใจผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งตัวอย่างที่เห็นชัดเจนก็คือรถยนต์ Hyundai H-1 Maesto Deluxe ที่พัฒนาภายในห้องโดยสารให้เป็นห้องนั่งเล่นหรือห้องทำงานเคลื่อนที่ในรูปแบบที่รถยนต์รุ่นอื่นๆ ทำไม่ได้ โดย Hyundai H-1 Maesto Deluxe ได้กลายเป็นรถยนต์ที่ขายดีที่สุดของฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) และสามารถทำยอดขายต่อเดือนได้กว่า 100 คัน ติดต่อกันเป็นเวลาหลายเดือน

บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์)จำกัด กำลังศึกษาตลาดเพื่อคัดเลือกรถยนต์ฮุนไดรุ่นอื่นๆ ที่กำลังเป็นที่นิยมในตลาดทั่วโลกมาให้คนไทยได้สัมผัสกันในอนาคต โดยในปัจจุบันฮุนไดมีรถยนต์ขนาด City Car อย่างรุ่น i10 รถยนต์ SUV ขนาดกลางที่เพิ่งเปิดตัวคือรุ่น Tucson หรือ iX 35 รถยนต์ SUV เต็มรูปแบบอย่าง Santa Fe รุ่น minor change และสุดยอดสปอร์ตขับเคลื่อน Genesis Coupe ซึ่งฮุนได มอเตอร์ คอมปานี ต้องการสนับสนุนการทำตลาดทั่วโลก” มร. คุราตะกล่าวเสริม สำหรับการฉลองความสำเร็จในการทำตลาดแบบก้าวประโดดในครั้งนี้ บริษัทฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์)ได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นพิเศษ Hyundai H-1 Maesto SS ในแบบ Limited Edition แทนคำขอบคุณต่อผู้ชื่นชอบรถยนต์ฮุนได โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าระดับ A+ ที่มีความต้องการและรสนิยมที่แตกต่าง โดยมีเอกลักณ์เฉพาะเพื่อบ่งบอกถึงความมีระดับ







นายบุญเคียง สุขพริยะกุล ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัทฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวถึงรายละเอียดของรถยนต์รุ่นพิเศษนี้ว่า บริษัทฯได้พัฒนารุ่น H-1 Maesto SS ขึ้นมาเพื่อทำให้ผู้ที่สนใจรถยนต์ในตระกูล H-1 ได้เห็นถึงศักยภาพของการตกแต่งและการเพิ่มบุคลิกให้กับรถยนต์ขนาด 12 ที่นั่งนี้ได้ตามต้องการ จากปรกติในรุ่น Deluxe และ Executive ที่ให้ความรู้สึกถึงความโอ่อ่าภูมิฐานในสไตล์รถใหญ่ มาเป็นสปอร์ตปราดเปรียว ที่ให้อารมณ์ถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร
เทอร์โบดีเซล CRDi มาตรฐาน ยูโร 4 ที่ให้แรงม้าสูงสุดถึง 175 แรงม้า และแรงบิดที่ 392 นิวตัน-เมตร
ที่เจ้าของรถสามารถสัมผัสได้ด้วยตัวเองหลังพวงมาลัย




“ความแตกต่างที่ชัดเจนของรุ่น Maesto SS อย่างแรกคือรหัส SS ที่มาจากคำว่า Sport Select ที่ให้ความหมายถึงรถสปอร์ตที่ถูกคัดสรรมาเฉพาะเท่านั้น ภายนอกสีขาวสปอร์ตไม่มีในรุ่นอื่น และจะมีเฉพาะในรุ่นนี้เท่านั้นในจำนวนจำกัดเพียง 60 คันเท่านั้น ชุดตกแต่งประกอบไปด้วยสปอยเลอร์ สเกิร์ตรอบคัน ล้ออัลลอยพิเศษ ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 235/55/18 ให้สมรรถนะที่เหนือกว่า แต่คงไว้ซึ่งความนิ่มนวล ภายในโดดเด่นด้วยเบาะหนังแท้สีดำสนิทสลับลายด้วยด้ายสีแดง ให้ความรู้สึกแบบรถสปอร์ตระดับพรีเมี่ยม เบาะหน้าทรงพิเศษไม่เหมือนใคร พร้อมพวงมาลัยหุ้มหนังแท้ คอนโซลกลางและแผงสวิตช์ลายเคฟล่า
ความสะดวกสบายยังมีพร้อมใน H-1 Maesto SS ด้วยเบาะ VIP หมุนได้ 180 องศา 2 ตำแหน่ง พร้อมรางเลื่อน
อุปกรณ์ความบันเทิงครบครัน
พร้อมเครื่องเล่น DVD และจอ LCD ทุกคันจะได้รับการติดตั้งอุปกรณ์เก็บสัมภาระบนหลังคาของ Thule ประเทศสวีเดน
เพื่อความลงตัวในการเดินไกล” นายบุญเคียงกล่าว






Hyundai H-1 Maesto SS สีขาวสปอร์ตในแบบ Limited Edition ฉลองความสำเร็จครบรอบ 2 ปี ของบริษัทฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จะเริ่มเปิดรับจองในเดือนพฤศจิกายนนี้และในระหว่างงาน Motor Expo 2009 ในราคา 1,647,000 บาท โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือผู้ที่ต้องการความโดดเด่น และแตกต่างอย่างแท้จริงในการใช้รถ MPV ขนาดใหญ่อย่างรถยนต์ในตระกูล H-1 Maesto Series นอกจากนี้ฮุนไดยังมีรถยนต์รุ่นต่างๆ มาจัดแสดงและจำหน่ายในงาน Motor Expo พร้อมแคมเปญพิเศษมอบให้กับลูกค้าอีกด้วยปัจจุบันบริษัทฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) มีเครือข่ายโชว์รูม และศูนย์บริการถึง 17 แห่ง โดยมีโชว์รูมในกรุงเทพฯจำนวน 8 แห่ง และต่างจังหวัดอีก 9 แห่ง




๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๒

ยอดจำหน่ายเดือนกันยายน ดีกว่าเดือนสิงหาคม

บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลล์ จำกัด ได้เผยยอดจำหน่ายรถ ยนต์รวมทุกประเภท ใน 9 เดือนแรกของปี 2552
จำหน่ายได้ทั้งสิ้น 366,484 คัน ลดลง 20.55% จากช่วง 9 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา
โดยทุกตลาดมีการหดตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตลาดที่หดตัวสูงสุด
คือ ตลาดรถตู้และรถขนาดครึ่งตันอื่นๆ โดยหดตัวลงถึง 37.78% ส่วนตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลหดตัวลงน้อยที่สุด คือ 8.16%
ในตลาดรถยนต์รวมทุกประเภท โตโยต้าจำหน่ายได้เป็นอันดับ 1 ด้วยยอดจำหน่าย 153,880 คัน คิดเป็น 41.99%
อีซูซุมาเป็นอันดับ 2 คือ 75,158 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 20.51% และอันดับ 3 คือ ฮอนด้า จำหน่ายได้ 62,999 คัน คิดเป็น 17.19%






สำหรับยอดจำหน่ายรถยนต์รวมทุกประเภทในเดือนกันยายน คือ 48,649 คัน เพิ่มขึ้น 12.48% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
โตโยต้าจำหน่ายได้มากที่สุด คือ 21,445 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 44.08% ฮอนด้ามาเป็นอันดับ 2 ด้วยยอดจำหน่าย 9,004 คัน
มีส่วนแบ่งตลาด 18.51% และอีซูซุมาเป็นอันดับ 3 จำหน่ายได้ 8,521 คัน คิดเป็น 17.52% ทั้งนี้
เพราะอีซูซุเตรียมการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ปลายเดือนกันยายนคือ
"อีซูซุดีแมคซ์ ซูเปอร์ แพลททินั่ม ใหม่!" และ "อีซูซุมิวเซเว่น ซูเปอร์ แพลททินั่ม ใหม่!"


สำหรับ ตลาดรถปิกอัพขนาด 1 ตันใน 9 เดือนแรก มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 177,517 คัน ลดลง 27.64%
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โตโยต้าจำหน่ายได้สูงสุด คือ 72,701 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 40.95%
อีซูซุตามมาเป็นอันดับ 2 คือ 69,881 คัน

มีส่วนแบ่งตลาด 39.37% และนิสสันมาเป็นอันดับ 3 ด้วยยอดจำหน่าย 13,367 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 7.53%

ตลาดรถปิกอัพขนาด 1 ตันในเดือนกันยายน มียอดจำหน่ายรวม 22,259 คัน เพิ่มขึ้น 5.85%
เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม โตโยต้าจำหน่ายได้สูงสุด คือ 9,812 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 44.08%
ตามมาด้วยอีซูซุจำหน่ายได้ 7,768 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 34.90%
และนิสสันมาเป็นอันดับ 3 ด้วยยอดจำหน่าย 1,624 คัน คิดเป็น 7.30%

ยอดจำหน่ายของตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 9 เดือนแรกของปีนี้รวมทั้งสิ้น 152,805 คัน ลดลง 8.16%
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โตโยต้าจำหน่ายได้เป็นอันดับ 1 คือ 67,522 คัน คิดเป็น 44.19%
ฮอนด้ามาเป็นอันดับ 2 ด้วยยอดจำหน่าย 59,339 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 38.83%
และนิสสันจำหน่ายได้เป็นอันดับ 3 คือ 6,139 คัน คิดเป็น 4.02%


สำหรับตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในเดือนกันยายนนี้ เพิ่มขึ้น 20.44% จากเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
โดยมียอดจำหน่ายรวมทุกยี่ห้อ 21,426 คัน
โตโยต้าจำหน่ายได้สูงสุด 9,935 คัน คิดเป็น 46.37%
ฮอนด้ามาเป็นอันดับ 2 จำหน่ายได้ 8,378 คัน
คิดเป็น 39.10%
และนิสสันมาเป็นอันดับ 3 คือ 865 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 4.04%

ยอดจำหน่ายของตลาดรถแต่ละประเภทมีรายละเอียดดังนี้

1. ตลาดรถปิกอัพขนาด 1 ตัน (ไม่รวม SUV)
ลำดับ ผู้จำหน่าย ยอดจำหน่าย(คัน) : พ.ศ. 2552 ส่วนแบ่งตลาด % เพิ่ม / ลด
ก.ย. % เพิ่ม / ลด ม.ค.-ก.ย. ( % ) ยอดจำหน่าย
(เทียบ ส.ค.) ม.ค.-ก.ย. (เทียบ ม.ค.-ก.ย. 51)
1 โตโยต้า 9,812 13.33% 72,701 40.95% -25.77%
2 อีซูซุ 7,768 -5.14% 69,881 39.37% -26.75%

3 นิสสัน 1,624 7.69% 13,367 7.53% -27.62%
4 มิตซูบิชิ 1,248 15.45% 8,480 4.78% -42.17%
5 ฟอร์ด 600 7.33% 4,289 2.42% -26.09%

2. ตลาดรถบรรทุกขนาด 2 ตันขึ้นไป
ลำดับ ผู้จำหน่าย ยอดจำหน่าย(คัน) : พ.ศ. 2552 ส่วนแบ่งตลาด % เพิ่ม / ลด
ก.ย. % เพิ่ม / ลด ม.ค.-ก.ย. ( % ) ยอดจำหน่าย
(เทียบ ส.ค.) ม.ค.-ก.ย. (เทียบ ม.ค.-ก.ย. 51)
1 อีซูซุ 722 6.49% 4,969 42.58% -10.00%
2 ฮีโน่ 666 2.94% 4,784 40.99% -11.82%
3 มิตซูบิชิ 57 -40.00% 1,031 8.83% -12.18%
4 นิสสัน UD 49 -15.52% 400 3.43% -47.58%
5 วอลโว่ 16 -69.23% 243 2.08% -4.33%

3. ตลาดรถตู้และรถขนาดครึ่งตันอื่นๆ
ลำดับ ผู้จำหน่าย ยอดจำหน่าย(คัน) : พ.ศ. 2552 ส่วนแบ่งตลาด % เพิ่ม / ลด
ก.ย. % เพิ่ม / ลด ม.ค.-ก.ย. ( % ) ยอดจำหน่าย
(เทียบ ส.ค.) ม.ค.-ก.ย. (เทียบ ม.ค.-ก.ย. 51)
1 โตโยต้า 1,024 7.34% 8,093 71.47% -25.27%
2 ซูซูกิ 200 -6.54% 1,451 12.81% -73.57%
3 ฮุนได 182 50.41% 891 7.87% 87.18%
4 โฟล์ค 37 -17.78% 294 2.60% 14.40%
5 นิสสัน 39 39.29% 219 1.93% -42.97%

4. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ (ไม่รวม SUV)
ลำดับ ผู้จำหน่าย ยอดจำหน่าย(คัน) : พ.ศ. 2552 ส่วนแบ่งตลาด % เพิ่ม / ลด
ก.ย. % เพิ่ม / ลด ม.ค.-ก.ย. ( % ) ยอดจำหน่าย
(เทียบ ส.ค.) ม.ค.-ก.ย. (เทียบ ม.ค.-ก.ย. 51)
1 โตโยต้า 10,836 12.73% 80,794 40.29% -25.72%
2 อีซูซุ 8,490 -4.25% 74,850 37.33% -25.83%
3 นิสสัน 1,663 8.27% 13,586 6.78% -27.94%
4 มิตซูบิชิ 1,305 10.97% 9,511 4.74% -39.94%
5 ฮีโน่ 666 2.94% 4,784 2.39% -11.82%

5. ตลาดรถขับเคลื่อน 4 ล้ออเนกประสงค์(SUV)
ลำดับ ผู้จำหน่าย ยอดจำหน่าย(คัน) : พ.ศ. 2552 ส่วนแบ่งตลาด % เพิ่ม / ลด
ก.ย. % เพิ่ม / ลด ม.ค.-ก.ย. ( % ) ยอดจำหน่าย
(เทียบ ส.ค.) ม.ค.-ก.ย. (เทียบ ม.ค.-ก.ย. 51)
1 โตโยต้า 674 13.47% 5,564 42.25% -15.40%
2 ฮอนด้า 626 35.21% 3,660 27.79% -49.89%
3 มิตซูบิชิ 186 43.08% 1,506 11.44% 917.57%
4 เชฟโรเลต 292 126.36% 1,298 9.86% -41.98%
5 อีซูซุ 31 82.35% 308 2.34% -47.53%

6. ตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล
ลำดับ ผู้จำหน่าย ยอดจำหน่าย(คัน) : พ.ศ. 2552 ส่วนแบ่งตลาด % เพิ่ม / ลด
ก.ย. % เพิ่ม / ลด ม.ค.-ก.ย. ( % ) ยอดจำหน่าย
(เทียบ ส.ค.) ม.ค.-ก.ย. (เทียบ ม.ค.-ก.ย. 51)
1 โตโยต้า 9,935 16.85% 67,522 44.19% -16.20%
2 ฮอนด้า 8,378 31.61% 59,339 38.83% 4.77%
3 นิสสัน 865 3.22% 6,139 4.02% 9.96%
4 เชฟโรเลต 418 21.51% 5,279 3.45% -37.36%
5 มาสด้า 437 31.63% 3,463 2.27% 16.17%

7. ตลาดรถยนต์รวมทุกประเภท
ลำดับ ผู้จำหน่าย ยอดจำหน่าย(คัน) : พ.ศ. 2552 ส่วนแบ่งตลาด % เพิ่ม / ลด
ก.ย. % เพิ่ม / ลด ม.ค.-ก.ย. ( % ) ยอดจำหน่าย
(เทียบ ส.ค.) ม.ค.-ก.ย. (เทียบ ม.ค.-ก.ย. 51)
1 โตโยต้า 21,445 14.63% 153,880 41.99% -21.46%
2 อีซูซุ 8,521 -4.09% 75,158 20.51% -25.96%
3 ฮอนด้า 9,004 31.85% 62,999 17.19% -1.48%
4 นิสสัน 2,528 6.49% 19,768 5.39% -19.49%
5 มิตซูบิชิ 1,760 8.37% 13,260 3.62% -30.00%

๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๒

Toyota Camry 2.0G Extremo ออกมาอีกครั้งสำหรับรุ่นพิเศษ

หลังจากเปิดตัวได้ไม่นานสำหรับคัมรี่ไมเนอร์เชนและคัมรี่ ไฮบริด
ล่าสุดโตโยต้าก็กระตุ้นตลาดช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี2009ด้วยCamry Extremo




หลังเมื่อมอเตอร์โชว์2009 โตโยต้าก็เปิดตัวCamry Extremo ในรุ่น2.4 G ไป
เมื่อโตโยต้าได้ไมเนอร์เชนเจ้าคัมรี่ก็มีเรียกร้องของลูกค้าว่าขอให้ผลิค ดังนั้นโตโยต้าจึงผลิตอีกครั้ง
นับเป็นรุ่นที่ 3 ที่ออกจำหน่ายสู่ตลาด โดยรุ่นใช้นั้นเป็นรุ่น2.0G ด้วย
เครื่องยนต์ 1AZ-FE DOHC 16 วาล์ว VVT-iความจุกระบอกสูบ 1,998 ซีซี
แรงม้าสูงสุด 108 กิโลวัตต์ (147ps) ที่ 6,000 รอบต่อนาทีแรงบิดสูงสุด 190 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที
มาพร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด Super ECT สามารถใช้น้ำมันE20ได้




สำหรับภายนอกของCamry Extremo มีการตกแต่งดังนี้
-สเกิร์ตกันชนรอบคัน และ สปอยเลอร์หลัง
- ป้ายสัญญลักษณ์ “EXTREMO”
- โคมไฟหน้า และโคมไฟท้ายแบบ Smoke Chrome
-ล้อแม็กซ์ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 215/60/R16 สีเทาดำ







ส่วนภายในนั้นตกแต่งด้วยโทนสีดำทั้งเบาะนั่ง แผงประตู คอนโซล พวงมาลัยลายไม้ และหัวเกียร์หุ้มหนัง



ช่วงล่าง
ด้านหน้า- ระบบกันสะเทือนหน้า แม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง
ด้านหลัง-ระบบกันสะเทือนหลังแบบ อิสระดูอัลลิงค์สตรัท

ความปลอดภัยแบบป้องกัน
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS)
- ระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
- ระบบเสริมแรงเบรก (BA)

ความปลอดภัยแบบปกป้อง
- โครงสร้างนิรภัย GOA
- พวงมาลัยยุบตัวได้
- ถุงลมเสริมความปลอดภัยคู่หน้า
- โครงสร้างเบาะนั่งแบบ WIL (Whiplash Injury Lessening)



มี 3 สีให้เลือกคือ
-Silver Metallic
-Black Mica
-White Pearl

ราคา 1,305,000 บาท (เพิ่มอีก 10,000 บาท สำหรับสี White Pearl)

เชิญสัมผัส คัมรี 2.0G Extremo ใหม่
ที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า 311 แห่งทั่วประเทศ

๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๒

NISSAN TIIDA / TIIDA LATIO ไมเนอร์เชน ถึงเวลาปรับเสียที

นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย รุกตลาดในด้านSub-Compact หลังช่วงต้นปีได้เปิดนิสสัน เทียน่าใหม่(J32)
และเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมก็เปิดนิสสัน นาวาร่า คาลิเบอร์ เกียร์อัตโนมัติ ในช่วงไตรมาวที่ 4 นี
นิสสันก็จับทีด้าและทีด้า ลาติโอมาไมเนอร์เชนซะเลย ก่อนที่จะพบกับการกลับมาของนิสสัน เอ็กซ์เทิร์ล


Nissan Tiida เปิดตัวครั้งแรกเมื่อช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี2006 ซึ่งในช่วงเปิดตัวนั้น
มีปัญหาในด้านการสื่อสารให้คนเข้าใจว่าทีด้าเป็นที่มีราคาแพงกว่าHonda JazzและToyota Yaris
พอเข้ามาช่วงปี2007 ก็ได้ดึงคุณปลื้มมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในสโลแกนที่ว่า"ทุกคนรู้จักผม แต่ไม่รู้จักนิสสันทีด้า"
สามารถทำยอดได้ดีขึ้น เพราะสามารถสื่อสารกับผู้บริโภคได้ว่านิสสันทีด้าจัดอยู่ในระดับเดียวกับ JazzและYaris
ต่อมาในปี 2008 นิสสัน ทีด้าสามารถใช้น้ำมันE20ได้ ส่งผลให้ราคาของทีด้านั้นลดลง
หลังจากนั้นนิสสันก็ได้ปรับเปลี่ยนชื่อของทีด้า 4 ประตูให้เป็น ทีด้า ลาติโอ(Tiida Latio)เพื่อแบ่งตลาดทั้ง2ด้าน
นอกจากจะเปลี่ยนชื่อแล้ว ยังมีการปรับรุ่นย่อยจากรุ่นมี 6 รุ่น ลดเหลือ 4 รุ่น เพื่อตอบสนองต่อผู้บริโภค
จากนั้นก็มีการปล่อยโฆษณาาชุด Think about your love ones ของรุ่น 4 ประตู Latio
ก็ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของรุ่น 4 ประตูโดดเด่นขึ้น แถมด้วยการเปิดตัว Latio B ที่มีราคาเริ่มต้นห้าแสนกลางๆ
ปิดท้ายด้วยการเปลี่ยนพรีเซ็นเตอร์จากคุณปลื้มเป็นวงVie troมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในรุ่น 5 ประตู


โดยนิสสัน ทีด้า (5 ประตู) ยังเน้นคอนเซ็ปต์โฉบเฉี่ยวทันสมัย พื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง และด้วยรูปลักษณ์
ที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ทีด้า แตกต่างจากรถยนต์ตลาดทั่วไป การออกแบบภายนอก-ภายใน
เน้นที่ความกว้างและพื้นที่ใช้สอยภายใน เรียกว่ากว้างพอที่จะใส่ทุกจินตนาการของชีวิต
สามารถดึงจุดเด่นของความเป็นรถสำหรับคนรุ่นใหม่ออกมาได้อย่างชัดเจน

สำหรับ ทีด้า ลาติโอ สามารถให้พื้นที่ๆกว้างพอที่จะเติมเต็มทุกความสุขของคนที่คุณรัก
มั่นใจจะสามารถแข่งขันในตลาดรถระดับเดียวกันได้อย่างสบาย พร้อมเปิดตัวฟังค์ชั่นใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้ามา
เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความได้เปรียบ เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาดมากยิ่งขึ้น
แต่ยังคงไว้ซึ่งความกว้างขวาง ทันสมัย และเน้นที่ความสะดวกสบายมากที่สุด





สิ่งไมเนอร์เชนในมีอะไรบ้าง?
รุ่น 5 ประตู
1.กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ มีรูปทรงคล้ายกับรถยนต์นิสสัน มูราโน
2.โคมไฟหน้า(รุ่น1.8ตัวท้อปใช้
ฮาโลเจน ยกเลิกใช้Xenon)
3.กันชนหน้าและไฟตัดหมอกดีไซน์ใหม่
4. ไฟเลี้ยวแก้มข้าง เปลี่ยนจากทรงเหลี่ยมเป็นทรงรี
5.ไฟท้ายดีไซน์ใหม่
6.กันชนหลังดีไซน์ใหม่


รุ่น 4 ประตู (ลาติโอ)
1.กระจังหน้าดีไซน์ใหม่
2.โคมไฟหน้า
3.กันชนหน้าและไฟตัดหมอกดีไซน์ใหม่
4. ไฟเลี้ยวแก้มข้าง เปลี่ยนจากทรงเหลี่ยมเป็นทรงรี

ภายใน

เพิ่มโทนสีเทาเมทัลลิก ที่ดูเคร่งขรึม แต่เงางามภายใต้แสงที่สาดส่อง

ชวนให้พาเข้าคาร์แคร์ขยันลงแว็กซ์เป็นยิ่งนัก(รุ่น 5 ประตูก็มีสีนี้ให้เลือกนะ)



สำหรับภายใน จุดที่สังเกตได้ทันทีที่ก้าวเข้าไปนั่งคือแผงแดชบอร์ดส่วนกลางในรุ่น 1.6G และ 1.8G
ซึ่งมีการคาดแผงสีเงินตามแนวตั้ง ไล่ตั้งแต่ช่องแอร์ลงมาจนครอบคลุมแผงควบคุมเครื่องปรับอากาศ
ตำแหน่งของวิทยุติดตั้งไว้ตำกว่าปกติเล็กน้อย พร้อมทั้งได้ช่องเก็บของตรงกลางซึ่งมีฝาปิดขนาดใหญ่
ใช้วิธีกดเพื่อให้กลไกสปริงดันเปิด ทั้งหมดนี้ทำให้หน้าตาโดยรวมน่าพิศมัยขึ้นมากกว่ารุ่นเดิมที่ค่อนข้างจะดู
เรียบง่ายไปนิด โดยในรุ่น 5 ประตู 1.6G และ 1.8G จะเน้นโทนภายในสีดำอย่างที่เคยใช้มาในรุ่นเก่า

ส่วนรุ่น4 ประตู จะมาในโทนสีครีมคัสตาร์ด หรูหรา ยิ่งในรุ่น 1.6 มีลายไม้สีตัดกันได้อย่างลงตัว
(เริ่มรู้สึกอยากกินคัสตาร์ดดีๆสักถ้วยละทีนี้)


ส่วนเครื่องเสียงนั้ได้เพิ่มMP3 และการเชื่อมแบบ AUX มาใส่ Tiida ให้ครบทุกรุ่นยกเว้น Latio B
นอกจากนี้หากเป็นรุ่น G เครื่องเสียงดังกล่าวจะถูกต่อเชื่อมเข้ากับพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น
ให้ผู้ขับสามารถควบคุมเครื่องเสียงจากพวงมาลัยได้อีกต่างหาก



แผงหน้าปัดดีไซน์ใหม่จากรุ่นก่อนที่ใช้พื้นหลังสีดำ ตอนนี้เปลี่ยนมาใช้พื้นหลังสีขาว



นอกจากนี้อย่างได้เพิ่มพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น ที่เพิ่มเข้ามาที้งรุ่น 5 ประตู และ รุ่นลาติโอ(ยกเว้นรุ่นB)




สำหรับราคานั้นในรุ่น4ประตู ต้องเพิ่ม 5,000-16,000 บาท ส่วนรุ่น5ประตูไม่มีการเพิ่มราคาแต่อย่างใด

ราคานิสสัน ทีด้า
- ทีด้า รุ่น 1.8 G ร 799,000 บาท
- ทีด้า รุ่น 1.6 G 762,000 บาท
- ทีด้า รุ่น 1.6 S 688,000 บาท

ราคานิสสัน ทีด้า ลาติโอ
- ทีด้า ลาติโอ รุ่น 1.6 G 737,000 บาท
- ทีด้า ลาติโอ รุ่น 1.6 M 681,000 บาท
- ทีด้า ลาติโอ รุ่น 1.6 B AT 594,000 บาท
- ทีด้า ลาติโอ รุ่น 1.6 B MT 564,000 บาท



นอกจากนี้ เตรียมพบกับกิจกรรม “ New Tiida Roadshow ” ตลอดเดือน ตุลาคม
ตามสถานที่ต่างๆ ที่จะให้คุณสนุกไปกับเกมส์ “ ความกว้างที่คาดไม่ถึง” (Tiida Wider The Champion)
ที่คุณและเพื่อนๆจะได้ร่วมพิสูจน์ความกว้างของ นิสสัน ทีด้า และ ทีด้า ลาติโอ ไปด้วยกัน
พร้อมสนุกไปกับเหล่าดีเจจากค่าย เอไทม์ มีเดีย
นวันเสาร์และอาทิตย์ ณ โลตัส ซุปเปอร์มาร์เก็ต เวลา 14.00 – 18.00 และ
วันจันทร์ถึงศุกร์ ณ อาคารสำนักงานชั้นนำ เวลา 11.00 – 14.00 ดังรายละเอียดต่อไปนี้

วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม 2552 ตึก SCB Park เวลา 11.00 – 14.00 น.
วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม 2552 โลตัส พระราม 1 เวลา 14.00 – 18.00 น.
วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม 2552 โลตัส พระราม 3 เวลา 14.00 – 18.00 น.
วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม 2552 ตึก All Season เวลา 11.00 – 14.00 น.
วันอังคารที่ 20 ตุลาคม 2552 ตึกพหลโยธินเพลส เวลา 11.00 – 14.00 น.
วันพุธที่ 21 ตุลาคม 2552 ตึกสาธรซิตี้ เวลา 11.00 – 14.00 น.
วันพฤหัสที่ 22 ตุลาคม 2552 ตึก ซันทาวเวอร์ เวลา 11.00 – 14.00 น.
วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม 2552 โลตัส พระราม 4 เวลา 14.00 – 18.00 น.
วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2552 โลตัส ปิ่นเกล้า เวลา 14.00 – 18.00 น.
วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม 2552 โลตัสลาดพร้าว เวลา 14.00 – 18.00 น



Specifications











๐๘ ตุลาคม ๒๕๕๒

SPY SHORT:ว้าว! Mazda 2 ใหม่ สวยมาก

หลังจากที่ได้ปล่อยภาพSpyShortของMazda 2 ที่ทางออโต้ไทยแลนด์ได้นำเสนอไป
วันนี้มาสด้าจึงปล่อยภาพMazda 2 ใหม่ เป็นครั้งแรกก่อนพบตัวจริง 17 พ.ย. 2009


งานแถลงข่าวครั้งนี้ จัดขึ้นที่ โรงงาน AAT ในนิคมอุตสาหกรรม อิสเทิร์น ซีบอร์ด
จังหวัดระยอง โดยมีผู้บริหารจาก มาสด้า สำนักงานใหญ่ ฮิโรชิมา ทั้ง ประธานใหญ่
และ Senior Managing Executive Officer Masazumi Wakayama รวมทั้ง Managing
Executive Officer Mr.Yuji Nakamine ให้เกียรติเดินทางมาร่วมงานนี้ด้วยตนเองจาก
ญี่ปุ่น และงานนี้มีการเชิญสื่อมวลชน สายหนังสือพิมพ์รายวัน ในเมืองไทย 10 คน
และ สื่อมวลชนต่างประเทศอีก 15 คน

ถึงแม้ว่าออโต้ไทยแลนด์จะไม่ได้ไปงานแถลงข่าว(เพราะอยู่เชียงใหม่)แต่ทางเราก็ได้เอารายละเอียดของมาสด้า 2
อย่าง(ไม่)เป็นทางการมาเปิดเผยก่อนพบตัวในเดือนพฤศจิกายนนี้


สำหรับมาสด้า2 ใหม่นี้จะเปิดตัวในประเทศไทยเป็นที่แรก ก่อนประเทศอื่นในโลก
โดยใช้ฐานผลิตที่โรงงานAATที่จังหวัดระยองด้วยงบประมาณ1.7หมื่นล้านบาท
และวางเป้าหมายยอดขายในภูมิภาคอาเซียนไว้ประมาณ 20,000 คันต่อปี
นอกจากนี้มาสด้า2ได้ร ับรางวัลต่าง ๆ จากทั่วโลกมาแล้วกว่า 50 รางวัล
รวมทั้งรางวัล Car of the Year ในกว่า 20 ประเทศ ในปี 2551
มาสด้า2 ยังคว้ารางวัล World Car of The Year ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ถึงคุณสมบัติอันโดดเด่นที่ดึงดูดใจผู้คนทั่วโลก
ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่สวยงาม สมรรถนะการขับขี่แบบรถสปอร์ต และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

สำหรับรายละเอียด ของมาสด้า2 ใหม่ ในเรื่องของการออกแบบทางออโต้ไทยแลนด์ได้นำเสนอภาพสเก็ตจากHeadlightmagมา
แล้วซึ่งถือว่าใกล้เคียงตัวจริง ส่วนเครื่องยนต์นั้นวางแบบ4สูบ DOCH16 วาล์ว ขนาด1,500ซีซี
ส่วนแรงม้าคงยังไม่เป็นที่แน่นอนแต่คาดว่าจะมีกำลังสูงสุด103แรงม้า
มีทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติสำหรับราคานั้นรุ่นต่ำสุดน่าจะอยู่ประมาณ 5.2แสนบาท
ส่วนรุ่นสูงสุดน่าจะอยู่ที่ประมาณ 6.2 แสนบาทยังไงก็ตามนี่คือรายละเอียดที่ยังไม่เป็นทางการ
ซึ่งคงต้องรอการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2009



๐๗ ตุลาคม ๒๕๕๒

Test Riding:Honda Scoppy-i ฟีโน่ในร่างของฮอนด้า

Test Riding:Honda Scoppy-i ฟีโน่ในร่างของฮอนด้า

นี่หรือ! ออโต้หัวฉีดรุ่นใหม่ของฮอนด้า? นี่คือคำถามแรกที่เกิดขึ้นจากหัวสมองผม
หลังจากเจอHonda Scoppy-i ครั้งแรกนั้นก็มีความรู้สึกว่ามันไม่ใช่ต้นตำรับแท้จากญี่ปุ่น

แต่มันน่าจะเป็นต้นตำรับแท้จากยามาฮ่า ฟีโน่!!! สาเหตุที่ผมพูดอย่างนี้นั้น
เกิดมาจากคนรอบข้างของผม(เพื่อน,พี่ชายและคนอื่นๆ)พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า”ก็อปฟีโน่ชัดๆ”
แต่อีกคนหนึ่งก็พูดว่า”คล้ายฟีโน่ว่ะ ถ้าไฟหน้ายื่นออกล่ะก็เหมือนชิ..หาย”
แม้กระทั้งวันที่ผมไปทดสอบก็ยังมีคนมามุงดูและพูดว่า”มันเหมือนฟีโน่นะ”
หรือแม้กระทั้งมีแม่ลูกคู่หนึ่งก็พูดเกี่ยวกับScoppy-iว่า

ลูก:”แม่ๆเหมือนฟีโน่ไหม?”
แม่:”เหมือนนะๆ”
คำพูดดังกล่าวเป็นเสียงสะท้อนจากผู้พบเห็นครั้งแรก
แต่สำหรับหลังจากเจอครั้งก็เหมือนกับคนรอบข้างของผม แต่พอดูนานๆไปมีบ้างจุดที่แตกต่างบ้าง
และมีจุดที่เหมือนฟีโน่บ้าง ที่จริงผมก็หาเวลาในการทดลองเจ้าScoppy-iมาพอสมควรแต่ไปไม่ได้ซะที
เพราะในเรื่องสภาพอากาศไม่เป็นใจ รวมถึงการหาวันที่เหมาะสมที่สุดจนได้ทดลองเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2009
เอาล่ะเรามาดูรายละเอียดต่างๆในตัวรถScoppy-iกันบ้างครับ


History
Honda Scoppy-i(หรือในตลาดญี่ปุ่นเรียกว่าScoppy)เป็นรถประเภทเอ.ที.หรือรถสายพาน
เกิดขึ้นเมื่อปี1992และมีการปรับเปลี่ยนมาด้วยตลอด Honda Scoppyได้จำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น
โดยในช่วงเวลาการปรับเปลี่ยนดังกล่าวมีการเพิ่มซีซีเพื่อให้มีสมรรถนะที่ดีขึ้น
กลุ่มเป้าหมายของHonda Scoppyคือกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบในสไตล์Retro
นี่คือประวัติคราวๆของฮอนด้าสคู้ปปี้-ไอเดี๋ยววันหลังผมจะนำเสนอประวัติฮอนด้าสคู้ปปี้-ไอ


ดีไซน์

รูปทรงตัวรถนั้นถือว่ามีความคลายคลึงกับยามาฮ่า ฟีโน่ แต่มีหลายส่วนที่แตกต่างไป
มาดูที่ไฟหน้า ส่วนนี้ล่ะครับที่มีคนพูดถึงกัน เพราะมีความคลายคลึงกับฟีโน่
ถ้าดูด้านหน้าแล้วมันเหมือน ผมก็เลยถ่ายด้านข้างซะเลย


เห็นความแตกต่างแล้วใช่ไหมครับ
ความแตกต่างก็คือสคู้ปปี้-ไอ ไฟแบน ส่วนฟีโน่ ไฟกลม ง่ายไหม(บอกว่าง่ายโครตๆ)



มาดูด้านข้าง สติ๊กเกอร์ดูแนวสปอร์ตครับ แล้วมาดูที่จับกันตกถือว่าดูโค้งและยาว


ไฟท้ายนั้นดูเหมือนรถสกูตเตอร์ยี่ห้อJRD มาก ดูออกแนวแบ็วๆนิด



การขับขี่


พอมาลองปุ๊ปรู้สึกสบายตูดมาก เพราะว่าเบาะของScoppy-iได้ออกแบบให้สูงและกระชับจึงนั่งสบายตูดไม่เมื้อยล้า



พอมาดูที่พักเท้า ก็อยู่ในระดับใช้ได้มีแคบเล็กน้อยสามารถวางกระเป๋านักเรียนหรือเป้ได้



แผงหน้าปัดนั้นดูแล้วสบายตา เรียบร้อย มีไฟแสดงความผิดปกติของระบบหัวฉีด
เกจวัดประมาณน้ำมันได้แยกออกจากมาตรวัดความเร็ว


ที่เก็บของนั้นสามารถในแผ่นซีดี โทรศัพท์ I-Pod Touch หรือของกระจุกกระจิกได้




ระบบSuper Key Sutterระบบนี้นั้นเหมือนฮอนด้าเวฟ110ไอที่เราได้รีวิวไปแล้ว
ผมก็สรุปการทำงานคือเวลาที่เราล็อกคอรถแล้วเอากุญแจออก ม่านปิดกุญแจดังกล่าวก็จะปิดอัตโนมัติ
ดังภาพด้านล่าง


ส่วนพื้นที่เก็บของใต้เบาะหรือU-Boxนั้นมีความกว้างในระดับพอดี แต่ความลึกอยู่ในระดับปานกลาง
แถมมีฝาปิด เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวเวลาเติมน้ำมัน
ขณะปิด


ขณะเปิดสามารถใส่ของพวกเสื้อแจ็คเก็ต เสื้อกันหนาว แว่นตาหรือแม้กระทั้งของขวัญเล็ก
ที่ให้แฟนแบบเซอร์ไพรส์ได้







เครื่องยนต์





------------------รายละเอียดมาจากทางวิศวกร หลังจาการขับขี่------------------

เครื่องยนต์ แบบ4จังหวะ SOHC แบบซิงเกิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ ระบายความร้อนด้วยอากาศ
ปริมาณกระบอกสูบ(ซีซี)108ซีซี ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI




สามารถใช้น้ำมันเบนซินออกเทน91,แก็สโซฮอล์91,แก็สโซฮอล์95และสามารถใช้ E20ได้
และผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ6และรับประกันคุณภาพอุปกรณ์ระบบหัวฉีด PGM-FI นานถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมต



สมรรถนะ
หลังจากที่ผมได้ทดลองขี่Scoppy-iไปประมาณ2รอบ รอบแรกผมได้ทดสอบในเรื่องการออกตัว
โดยการจอดสนิทแล้วบิดเต็มที่! หลังจากเทสการออกตัวก็พบว่ามีอาการอืดนิดนึง เนื่องจากรถรุ่นนี้เป็นระบบหัวฉีดจึงมีอาการอืดนิดนึง แต่ออกไปสักพักมีอัตราเร่งในระดับดีมาก สามารถตอบสนองได้รวดเร็วทันใจไม่มีอากาอืดในขณะขับขี่ด้วยความเร็วประมาณ40กม/ชม.(เป็นความเร็วขณะขับขี่)แต่มีอาการในช่วงออกตัวเท่านั้น พอมาถึงรอบสองก้มาทดสอบระบบเบรกถือว่าไม่เหลวเลยทีเดียวซึ่งผมลองบิดด้วยความเร็วสูงแล้วก็ค่อยๆเบรก สามารถทำงานได้ดี


Specifications



สรุป
เป็นรถเอ.ที.ที่ถือว่าน่าจับตามองมากที่สุด เพราะโดยรูปทรงที่มีความคลายคลึงกับยามาฮ่าฟีโน่ก็ตาม
แต่ในเรื่องสมรรถนะนั้นถืออยู่ในระดับดีมาก แต่มีอาการอืดอยู่นิดนึงซึ่งเป็นธรรมดาของรถเอ.ที.อยู่แล้ว
สำหรับราคาเริ่มต้น44,300บาท ถ้าถามผมว่าในด้านรูปทรงนั้นเหมือนฟีโน่ไหม?
ผมก็ตอบว่าคลายคลึงฟีโน่แต่มีบ้างส่วนที่แตกต่าง แต่ในด้านสมรรถนะผมยกย่องให้เลยว่า”เยี่ยมจริงๆ”



และอีกอย่างคือในด้านการใช้งาน คุณมั่นใจได้เลย เพราะมีการรับประกันระบบหัวฉีด5ปีหรือ50,000กม.
และตัวรถก็รับประกัน3ปีหรือ30,000กม. เพียงเท่านี้คุณก็มั่นใจได้เลยว่าหัวฉีดและตัวรถนั้นทนทาน ประหยัดน้ำมัน
เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยังเติมE20ได้ ดังนั้นผมจึงเรียกว่า”ฟีโน่ในร่างของฮอนด้า”



ขอขอบคุณ

บริษัท นิยมพานิช จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในเชียงใหม่และเอื้อเฟื้อสถานที่ในการทดลอง

หมายเหตุ:รถที่ปรากฏในภายดังกล่าวเป็นรถที่ใช้ในการทดสอบ