AUTO THAILAND's Fan Box

AUTO THAILAND on Facebook

Facebook Fanpage QR Code

qrcode

เจอกันที่ใหม่ จัดเต็มกว่าเดิม!

๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๑

ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดเว็บไซท์ เรนเจอร์ แมกซ์ อย่างเป็นทางการ













ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดเว็บไซท์ เรนเจอร์ แมกซ์ อย่างเป็นทางการ

ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดเว็บไซท์ เรนเจอร์ แมกซ์ อย่างเป็นทางการ โดดเด่นด้วยดีไซน์แห่งอนาคต ที่แสดงถึงแนวทางการออกแบบอันแข็งแกร่ง และสะดุดตาของฟอร์ด เรนเจอร์ กระบะ 100% ในอนาคต การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากรูปโฉมเครื่องมือช่างยุคใหม่ผสานกับ อุปกรณ์กีฬากลางแจ้ง ผู้ออกแบบ เรนเจอร์ แมกซ์ ได้กล่าวว่า รูปลักษณ์ใหม่
ดีไซน์แกร่ง ของเรนเจอร์ แมกซ์ สะท้อนให้เห็นอย่างเด่นชัดจากฝากระโปรงหน้า และสปอร์ตบาร์

เรนเจอร์ แมกซ์ เพิ่มคุณลักษณะของรถเท่ของคนเมือง แต่ยังคงความแข็งแกร่งและทนทาน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของฟอร์ด เรนเจอร์ ได้อย่างลงตัว ยึดมหกรรมมอเตอร์เอ็กซ์โปเป็นเวทีเปิดตัวครั้งแรกของโลก รวบรวมความเป็นสุดยอดของกระบะและความคาดหวังของคนทั่วไป ทั้งด้านรูปลักษณ์ที่บึกบึนโดดเด่น ดูทรงพลังมีมัดกล้าม พร้อมเพิ่มบุคลิกเปี่ยมความมั่นใจ และด้วยความประณีตแม่นยำในการออกแบบและผลิต จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เรนเจอร์ แมกซ์ จะช่วยตอกย้ำชื่อเสียงในฐานะรถกระบะพันธ์ุแกร่งที่เก่งรอบตัวในตลาดไว้ได้ อย่างไร้ข้อกังขาพอล กิบสัน หัวหน้านักออกแบบ เรนเจอร์ แมกซ์ เผยว่า "เราทราบกันอยู่แล้วว่าฟอร์ด เรนเจอร์ ขึ้นชื่อด้านความเป็นกระบะพันธ์ุแกร่งและทนทาน เรนเจอร์ แมกซ์ จะยิ่งช่วยย้ำให้เด่นชัดมากขึ้น โชว์ ทรัค คันนี้ไม่ได้ออกมาตามกระแส แต่เป็นผู้สร้างกระแสใหม่ในด้าน ดีไซน์แกร่ง สำหรับตลาดรถกระบะ เรนเจอร์ แมกซ์ คือ กระบะพันธ์ุแกร่งที่พร้อมลุยทุกสถานการณ์ เพียบพร้อมด้วยรูปลักษณ์ที่สะดุดตาบนถนนในเมือง จนไม่ว่าใครๆ ก็ต้องหันมามอง"

เรนเจอร์ แมกซ์ โชว์ ทรัค คันนี้ ได้รับการสร้างสรรค์จากทีมฟอร์ดประเทศไทย ทำงานร่วมกับทีมดีไซน์ของฟอร์ด เอเชีย แปซิฟิก และแอฟริกา ที่สำนักงานในออสเตรเลีย โดยมี พอล กิบสัน เป็นหัวหน้าทีม ด้วยความร่วมมือของทุกฝ่ายทำให้ฟอร์ด สามารถแสดงถึงพลังและความโดดเด่นของ ผ่าน เรนเจอร์ แมกซ์ ซึ่งการนำ เรนเจอร์ แมกซ์ มาโชว์ในมอเตอร์ เอ็กซ์โปไม่ได้เพียงแค่เป็นการสร้างความตื่นเต้น แต่ยังเปิดโอกาสให้กับทีมของเรา ในการทดสอบว่าแนวการออกแบบรถรุ่นใหม่ที่จะ เข้าสู่สายการผลิตนั้นจะได้รับการตอบรับมากน้อยเพียงไร เรนเจอร์ แมกซ์ สื่อให้เห็นว่า ดีไซน์ของเรนเจอร์ในรุ่นต่อไป จะมีรูปโฉมเป็นอย่างไรนายสาโรช เกียรติเฟื่องฟู รองประธานอาวุโส ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า "ดีไซน์แกร่ง ของเรนเจอร์ แม็กซ์ นั้น มีที่มาจากสมรรถนะและความครบเครื่อง 100 % ของเรนเจอร์ ที่ทำให้เป็นรถกระบะที่ลูกค้ากระบะตัวจริงเลือกใช้ ผมมั่นใจว่า เรนเจอร์ แม็กซ์ ที่ออกแบบอย่างโดดเด่นสะดุดตา ผสานดีไซน์แกร่ง จะสร้างความฮือฮาในหมู่แฟนรถกระบะในเมืองไทยอย่างแน่นอน""กิบสัน และทีมนักออกแบบ ได้ทุ่มเทความพยายามในการสร้างสรรค์ ดีไซน์แกร่ง ให้กับโชว์ ทรัคคันนี้ เรนเจอร์ แมกซ์ ไม่ได้ออกแบบมาให้เป็นรถหรูหรา หรือสวยงามแบบผิวเผิน แต่คุณสมบัติหลักของเรนเจอร์ คือ การเป็นรถกระบะ 100 เปอร์เซ็นต์พันธ์ุแกร่ง เราจึงตั้งใจออกแบบให้ เรนเจอร์ แมกซ์ เท่ล้ำอนาคต โดยทีมนักออกแบบได้พยายามค้นหาแรงบันดาลใจมากมาย โดยศึกษาว่า ผู้ที่เป็นเจ้าของรถกระบะชื่นชอบอะไรบ้าง เรนเจอร์ แมกซ์ จึงใช้โทนสีที่ตัดกันอย่างสีส้ม และสีดำด้าน ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสีของอุปกรณ์เครื่องมือช่างยุคใหม่อย่างที่เจ้าของ เรนเจอร์หลายๆ คนใช้อยู่เป็นประจำ รวมทั้งประโยชน์ใช้สอย และความทนทานของเครื่องมือเหล่านี้ ล้วนเป็นแรงบันดาลใจให้ทีมนักออกแบบของฟอร์ด สร้างสรรค์ให้ เรนเจอร์ แม็กซ์ โดดเด่นโดนใจยิ่งขึ้น รวมทั้งการใช้รูปทรงของเครื่องจักรกล เช่น เฟือง ใช้ในการตกแต่งรายละเอียดตัวถังและซุ้มล้อ ทำให้แนวคิด ดีไซน์แกร่ง ของเรนเจอร์ แมกซ์ โดดเด่น และสื่อถึงความทนทานของเครื่องมือช่างได้ดี"

นอกจากนี้ ทีมออกแบบยังนำแรงบันดาลใจจาก เครื่องมือช่าง มาพัฒนาเพิ่มเติม ทีมนักออกแบบทราบดีว่าเครื่องมือช่างและเครื่องมืออื่นๆ มีการใช้ "คำ" มาเป็นส่วนประกอบในการออกแบบเพื่อเตือนหรือแนะนำการใช้งาน เรนเจอร์ แมกซ์ จึงได้ใช้ "คำ" มาเป็นส่วนประกอบ ในการออกแบบ เพื่อสื่อถึงประโยชน์ใช้สอย และความทนทานเช่น เดียวกันกับเครื่องมืออุตสาหกรรมเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น เรนเจอร์ แมกซ์ ติดคำว่า "GRAB" (จับ) ไว้ที่มือจับประตูสีดำที่ดูบึกบึน ซึ่งติดตั้งไว้ใกล้สปอร์ตบาร์ที่เชื่อมระหว่างตัวรถกับแค็บ ตัวอักษรแต่ละตัวใช้รูปแบบที่คมชัดที่สื่อถึงความทนทาน แกร่ง และประโยชน์ใช้สอย รวมทั้งสอดคล้องกับการออกแบบโดยรวมฟอร์ดจะเผยโฉม โชว์ ทรัค แห่งความภูมิใจนี้ได้ที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โป 28 พฤศจิกายน –10ธันวาคมนี้ "ประเทศไทย คือ บ้านเกิดของเรนเจอร์ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเป็นศูนย์กลางการส่งออกฟอร์ด เรนเจอร์ ไปยังตลาดอื่นๆ ทั่วโลก เราตระหนักดีว่า เอเชียเป็นภูมิภาคที่มีวัฒนธรรมหลากหลาย และเมืองไทยเป็นศูนย์รวมของรสนิยม สไตล์ และไอเดียใหม่ๆ ด้วยเหตุนี้ เราจึงตัดสินในที่จะพัฒนา เรนเจอร์ แมกซ์ ในประเทศไทย และเผยโฉม เป็นครั้งแรกของโลกที่เมืองไทย" นายสาโรชกล่าว

พบกับ ฟอร์ด เรนเจอร์ แมกซ์ ได้ในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2008 ในวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม พ.ศ.2551
ที่ อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี

พบกับFORD RANGER MAXได้ในเว็บไซต์www.rangermax.com

๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๑

มิตซูบิชิผนึกกำลังพันธมิตรหนุน มานะ พรศิริเชิด



มิตซูบิชิผนึกกำลังพันธมิตรหนุน มานะ พรศิริเชิด ขับปาเจโร สปอร์ต อีโวลู่ชั่น ลุยดาการ์ 2009

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จับมือพันธมิตรประกาศสนับสนุนมานะ พรศิริเชิด นักแข่งหนึ่งเดียวของไทย พร้อมรถแข่งคันใหม่ ปาเจโร สปอร์ต อีโวลู่ชั่น เข้าร่วมการแข่งขันสุดยอดแรลลี่โลก “ดาการ์ 2009” หวังสร้างชื่อในศึกแรลลี่สุดหฤโหดอีกสมัย
มร.ทาคาอากิ คิชิอิ ผู้อำนวยใหญ่ สำนักการตลาด บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงการสนับสนุนนักแข่งไทยลงแข่งขันแรลลี่สุดหฤโหดรายการใหญ่ของโลก “ดาการ์ แรลลี่” ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ว่า บริษัทฯ จะยังคงให้การสนับสนุน “มานะ พรศิริเชิด” นักแข่งในสังกัด มิตซูบิชิ มอเตอร์สปอร์ต ทีม ไทยแลนด์ ซึ่งเป็นนักแข่งดาการ์หนึ่งเดียวของไทยลงแข่งขันแรลลี่สุดหฤโหด “ดาการ์ แรลลี่” อีกครั้งในฐานะตัวแทนจากประเทศไทย พร้อมเนวิเกเตอร์คนเดิม เธียรี่ ลาคอมบ์ และรถแข่งคันใหม่ ปาเจโร สปอร์ต อีโวลูชั่น (Pajero Sport Evolution) ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นจากพื้นฐานของรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ยนตรกรรมล่าสุดของมิตซูบิชิที่เพิ่งเปิดตัวสู่ตลาดเมืองไทยเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาเพื่อเป็นรถคู่ใจคันใหม่ของมานะ โดยมีบริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, ผลิตภัณฑ์ตกแต่งรถยนต์ TFP และ ผลิตภัณฑ์ Oakley ร่วมให้การสนับสนุน และถึงแม้การแข่งขันในปีนี้มีจะมีการเปลี่ยนแปลงสถานที่การแข่งขันจากแอฟริกาไปยังสนามใหม่ในทวีปอเมริกาใต้ แต่ชื่อเสียงและตำนานของความเป็นดาการ์ยังคงมีอยู่อย่างครบถ้วน พร้อมกับชื่อการแข่งขันที่ยังคงเป็น “ดาการ์ แรลลี” เหมือนที่เคยเป็นมา ทั้งนี้บริษัทฯ ยังมั่นใจว่ามานะ พร้อมด้วยปาเจโร สปอร์ต อีโวลูชั่น จะสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน
“กิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักที่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้ความสำคัญและดำเนินการสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เราก็ได้สนับสนุนทีมเข้าแข่งขันรายการต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ในส่วนของการเข้าร่วมการแข่งขันดาการ์ แรลลี่ ในครั้งล่าสุดซึ่งถือเป็นปีที่ 11 ที่เราได้สนับสนุนนักแข่งชาวไทยเข้าร่วมการแข่งขัน โดยเฉพาะในปีนี้ บริษัทฯ ได้ตัดสินใจส่ง มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีโวลูชั่น ที่มีพื้นฐานมาจาก รถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ซึ่งเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้เพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงสมรรถนะที่เป็นเยี่ยม รวมไปถึงเทคโนโลยีแห่งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ของรถคันนี้ในการแข่งขันแรลลี่หฤโหดระดับโลก สำหรับ มานะ พรศิริเชิด บริษัทฯ เข้าใจดีว่าการสนับสนุนนักแข่งไทยลงทำการแข่งขันในแต่ละครั้งนั้นจะไม่ใช่เพียงแค่การลงแข่งในฐานะนักแข่งในสังกัดของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย หากแต่เป็นการลงชิงชัยในฐานะตัวแทนของประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทฯ รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันนักกีฬามอเตอร์สปอร์ตของไทยสู่เวทีการแข่งขันระดับโลกเช่นนี้” มร.คิชิอิกล่าว
สำหรับเส้นทางการแข่งขันในปีนี้จะเริ่มจากเมืองบัวโนสไอเรส ประเทศอาเจนติน่า ไปยังประเทศชิลีและกลับมาจบการแข่งขันที่ประเทศอาเจนติน่า รวมระยะทางประมาณ 6,000 กิโลเมตร โดยสภาพเส้นทางแข่งขันยังคงความหฤโหดไว้อย่างครบครันเนื่องจากเส้นทางที่แข่งขันจะอยู่บนภูเขาสูงและคดเคี้ยวในสภาพอากาศที่เบาบาง ซึ่งในบางสเตจจะอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 1,500 – 3,200 เมตร ที่ผู้เข้าแข่งขันจะต้องวิ่งบนสภาพดังกล่าวเกือบ 1,000 กิโลเมตร และมีบางสเตจที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 4,000 เมตร อีกประมาณร้อยกว่ากิโลเมตร นอกจากนี้ยังคงมีมนต์เสน่ห์ของความหฤโหดของทะเลทรายได้อย่างเป็นอย่างดี โดยทะเลทรายในอเมริกาใต้นั้นก็ไม่ได้แตกต่างจากทะเลทรายซาฮารา ในขณะที่ทะเลทรายในประเทศชิลีก็จะคล้ายกับสภาพของทรายในมอริทาเนีย นอกจากนี้สภาพเส้นทางบางส่วนจะคล้ายกับเส้นทางวิ่งในเซเนกัลที่มีต้นไม้และต้นกระบองเพชรขนาดใหญ่
มร.คิชิอิ กล่าวเสริมถึงการเตรียมความพร้อมของเจ้าหนึ่งมานะ สำหรับการแข่งขันดาการ์ 2009 ที่กำลังจะมาถึงว่าในตอนนี้ถือว่ามานะมีความพร้อมเกือบ 100% แล้ว ทั้งนี้ตลอดปีที่ผ่านมามานะได้มีการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นการลงแข่งขันรายการใหญ่ๆ ในประเทศเพื่อฝึกฝนเทคนิคการขับรถ รวมทั้งการเตรียมความพร้อมของร่างกายเพื่อรับมือกับสภาพอากาศที่แตกต่างไปจากเดิม โดยบริษัทได้ส่งมานะไปฝึกการปรับสภาพของปอดเพื่อให้ระบบการหายใจดียิ่งขึ้น รวมถึงเตรียมความพร้อมของร่างกายเพื่อเตรียมรับสถาณการณ์ความกดอากาศต่ำในพื้นที่สูงซึ่งมีอากาศเบาบางมาก
“สำหรับการแข่งขันในปีนี้บริษัทฯ คาดหวังที่จะให้มานะสามารถขับรถเข้าไปโบกธงไทยที่เส้นชัยในประเทศอาเจนติน่าให้ได้เป็นผลสำเร็จ เพราะอย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดีว่าการแข่งขันดาการ์ แรลลี่ ถือเป็นการแข่งขันรถยนต์รายการใหญ่ที่มีความหฤโหดของเส้นทางมากที่สุดของโลก และที่สำคัญในปีนี้ได้ที่มีการเปลี่ยนเส้นทางใหม่ทำให้ไม่สามารถคาดเดาได้ว่านักแข่งจะต้องเผชิญกับอุปสรรคอะไรบ้าง ดังนั้นการจะนำรถเข้าสู่เส้นชัยได้ไม่ว่าจะเป็นลำดับที่เท่าไหร่ก็เป็นความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดของแล้วเนื่องจากความหฤโหดของเส้นทางเองก็จะเป็นบทพิสูจน์สำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของทั้งนักแข่งไทย รวมไปถึงทีมงาน และสมรรถนะของตัวรถได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว” มร.คิชิอิ กล่าวในตอนท้าย
การแข่งขัน ดาการ์ 2009 จะเริ่มขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 18 มกราคม 2552 ที่จะถึงนี้ โดยความคืบหน้าในการเตรียมตัวเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้นั้น มานะ พรศิริเชิด พร้อมด้วยทีมงานจะออกเดินทางสู่ประเทศสเปนในวันที่ 27 ธันวาคม 2551 และเดินทางต่อไปยังประเทศอาเจนติน่า ในวันที่ 28 ธันวาคม 2551 เพื่อเข้าเก็บตัวและวางแผนการแข่งขันร่วมกับทีมนักแข่งต่างๆ ในสังกัด มิตซูบิชิ มอเตอร์ส และจากนั้นในวันที่ 29 – 31 ธันวาคม มานะและเพื่อนนักแข่งในสังกัด ทีม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส จะนำรถแข่งของแต่ละทีมเข้าตรวจเช็คสภาพความพร้อมครั้งสุดท้ายก่อนเริ่มออกสตาร์ทจริงในวันที่ 3 มกราคม 2552 ที่เมือง บัวโนสไอเรส ประเทศอาเจนตินา
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของการแข่งขันและร่วมภาคภูมิใจไปกับมานะ พรศิริเชิด นักแข่งชาวไทย พร้อมให้กำลังใจเพื่อให้นักแข่งไทยเพียงหนึ่งเดียวสามารถคว้าชัยในการแข่งขัน Dakar 2009 ผ่านทางหนังสือพิมพ์ และรายการข่าวกีฬาของสถานีโทรทัศน์ทุกช่องหรือติดตามความคืบหน้า

ได้จาก www.dakar.com และ www.mitsubishi-motors.co.th

ทาทา รุกตลาดปลายปี เปิดตัว “ซีนอน ซูเปอร์ ซีเอ็นจี” ครั้งแรกในโลก


ทาทา รุกตลาดปลายปี เปิดตัว “ซีนอน ซูเปอร์ ซีเอ็นจี” ครั้งแรกในโลก


ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด สร้างสีสันกระหึ่มงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 25 ด้วยการเนรมิตบูธทาทา
ให้เป็นป่านิเวศน์ เน้นเรื่องความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมซึ่งตรงกับแนวคิดของงานปีนี้ พร้อมการเปิดตัว “ซีนอน ซูเปอร์ ซีเอ็นจี” รถปิคอัพคันแรกในตลาดรถของไทย ที่ใช้ระบบเครื่องยนต์ ซีเอ็นจี แท้ทั้งระบบ 100% ให้ความประหยัด และมีมลพิษต่ำกว่ารถปิคอัพทั่วไป นับเป็นการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลกอีกด้วย ทาทา ซีนอน ซูเปอร์ ซีเอ็นจี เอ็กซ์เท็นด์แค็บ CLE เปิดตัวดัวยราคาพิเศษช่วงแนะนำเพียง 519,000 บาทนายอาจิต เวนคาทารามัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงการเปิดตัวรถปิคอัพ เครื่องยนต์ซีเอ็นจีแท้ทั้งระบบว่า
“ทาทารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมยานยนต์ และมีโอกาสเข้ามาเป็นทางเลือกใหม่ๆ
ให้กับลูกค้า ด้วยสินค้าที่มีความแตกต่าง และโดดเด่นจากคู่แข่งในตลาดอย่างแท้จริง ซึ่งลูกค้าของทาทา
จะได้เลือกใช้รถปิคอัพที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ใช้ในการประกอบอาชีพอย่างแท้จริง
เป็นรถที่สร้างรายได้ ประหยัดกว่าทั้งในเรื่องการบำรุงรักษา และค่าเชื้อเพลิง ซึ่งนับเป็นความภาคภูมิใจสูงสุด
ที่ทาทาได้มีโอกาสเปิดตัวรถปิคอัพ “ซีนอน ซูเปอร์ ซีเอ็นจี” เป็นครั้งแรกในโลก ให้ลูกค้าชาวไทยได้มีโอกาสสัมผัส
รถยนต์พลังงานทางเลือกนวัตกรรมล่าสุด ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงต่ำกว่า ประหยัดกว่า
รถปิคอัพทุกคันที่มีวิ่งอยู่ในประเทศไทย จากนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดให้ราคาของก๊าซต่ำกว่าราคาดีเซลอย่างน้อยครึ่งต่อครึ่ง”ปิคอัพฉีกกฎ”ซีนอน ซูเปอร์ ซีเอ็นจี” เครื่องยนต์ 2.1 ลิตร DOHC หัวฉีดมัลติพอยต์ แรงม้าสูงสุด 115 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 175 นิวตันเมตร ที่รอบต่ำเพียง 3,750 รอบ/นาที โดดเด่นด้วย ระบบเครื่องยนต์ซีเอ็นจี แท้ทั้งระบบ
ใช้วัสดุอุปกรณ์ชั้นนำคุณภาพสูงสุด ที่ผ่านการทดสอบและคัดเลือกมาเพื่อระบบเครื่องยนต์ ซีเอ็นจีโดยเฉพาะอาทิ
ระบบท่อก๊าซใช้ของ Sandvik เยอรมัน และ Swagelok สหรัฐอเมริกา วาล์วนิรภัยของ OMB อิตาลี
ช่วยป้องกันอุบัติเหตุจากการรั่วซึม แรงดัน และอุณหภูมิ ส่วนระบบประมวลผลอัจฉริยะคำนวณการผสมผสานก๊าซ
อากาศ สภาพการขับขี่ ใช้ของ Bosch เยอรมัน และเซ็นเซอร์ของ Valeo ฝรั่งเศส เป็นต้นการปรับกำลังอัดภายใน
เครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับเชื้อเพลิง CNG เพื่อการเผาไหม้ที่สมบูรณ์สูงสุด เครื่องยนต์จึงทำงานอย่างราบเรียบ
และยิ่งไปกว่านั้น เครื่องยนต์ยังถูกออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานที่สมบุกสมบัน ทนทานในทุกสภาพการใช้งาน ประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุด และบำรุงรักษาง่ายจุดเด่นอื่นๆ ของทาทา ซีนอน ซูเปอร์ ซีเอ็นจี อาทิ• ผ่านการทดสอบอย่างหนักหน่วง ทุกสภาพการใช้งานจริง บนทุกสภาพถนนของไทย• ผ่านการทดสอบการใช้เชื้อเพลิงซีเอ็นจี ที่มาจากแหล่งต่างๆ ของประเทศไทย จากนั้นจึงได้นำข้อมูลมาปรับแต่งการทำงานของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมลงตัว กับแหล่งก๊าซในประเทศไทยให้มากที่สุด เพื่อตอบสนองการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัวกับทุกความต้องการของลูกค้าที่ต้องการรถปิคอัพที่สร้างเสริมรายได้ในยุคเศรษฐกิจปัจจุบัน• จัดวางถังซีเอ็นจี ไว้บนโครงสร้างตัวถัง ใต้พื้นกระบะ ให้ความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งทำให้พื้นที่สำหรับขนส่งสินค้ายังสามารถใช้งานได้เช่นเดียวกับรถปิคอัพทั่วไป ในขณะที่รถที่ถูกนำมาดัดแปลงเพื่อติดตั้งถัง ซีเอ็นจี ภายหลัง จะต้องเสียพื้นที่บรรทุกในกระบะไปพอสมควร• รับประกัน 3 ปี 100,000 กิโลเมตรกลุ่มลูกค้าเป้าหมายค่อนข้างจะชัดเจน และแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด อาทิกลุ่มผู้ใช้รถประจำถิ่นที่ใช้งานขนส่งสินค้าบนเส้นทางที่แน่นอน และอีกกลุ่มที่มีศักยภาพมาก คือลูกค้ากลุ่มบริษัทใหญ่ๆ ที่มีค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงสูงมากๆ
การเลือกใช้ CNG
จะทำให้ต้นทุนในการบริหารจัดการต่ำลงทันทีอย่างน้อย 30-50% เชิญพบกับรถทาทา ซีนอนใหม่ ได้ที่บูธทาทา
ซึ่งในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปครั้งนี้ ทาทา ได้สะท้อนแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อม ออกมาในการจัดแต่งบูธ ด้วยต้นไม้ใหญ่
นำป่ามาสู่เมือง จัดแสดงรถในสวนสวย ลูกค้าที่มาเยี่ยมชมบูธของทาทา จะได้ชมรถทาทา ซีนอน ครบทุกรุ่น ทั้งรุ่น
ดับเบิ้ลแค็บ เอ็กซ์เท็นด์แค็บ เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร และยังมีโอกาสร่วมสนุก เล่นเกมส์ ชิงของรางวัลมากมาย
ส่วนลูกค้าที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การขับขี่
ทาทาก็ยังได้จัดเตรียมรถทดสอบให้ลูกค้าได้ทดลองสมรรถนะได้อย่างเต็มที่
ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 10 ธันวาคม ศกนี้ ที่เมืองทองธานี

๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๑

อีซูซุเจ๋ง...คว้า “หม่ำ” ปะทะ “โปงลางสะออน”


ชาวกรุงเทพฯ เตรียมพบกับความสนุกครั้งใหม่! ในงานมหกรรม “อีซูซุ แพลททินั่ม หม่ำ-สะออน” มหกรรมความสุขเหนือระดับกับ “อีซูซุ แพลททินั่ม ใหม่!” ยอดรถประหยัดน้ำมันแห่งยุค ที่ขนทั้งสาระและบันเทิงมาเต็มรูปแบบ ร่วมกับทีมดาราคับคั่ง พร้อมโชว์สุดฮาครั้งแรกในเมืองไทยของซูเปอร์สตาร์ดัง “หม่ำ จ๊กม๊ก” และ “โปงลางสะออน” ที่จะมาดวลไมค์...ดวลมุข...ดวลแดนซ์ประชันความเป็นเจ้าเวที ประเดิมกระตุกต่อมฮา ในวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน ศกนี้
ตั้งแต่เวลา 14.00-20.00 น. ณ มอเตอร์สปอร์ตแลนด์ (แดนเนรมิตเก่า) ก่อนเดินสายกระจายความฮาทั่วประเทศ

อีซูซุเดินหน้าเติมเต็มความสุขเหนือระดับครั้งใหม่ให้ชาวไทยได้ร่วมสนุกลุ้นรางวัลมากมาย ใกล้ชิดดารา และอิ่มอร่อยฟรีตลอดงานกันอีกครั้ง ในงานมหกรรม “อีซูซุ แพลททินั่ม หม่ำ-สะออน” พื้นที่แห่งความสุขของประชาคมอีซูซุ
ซึ่งนอกจากจะได้สัมผัสกับขบวนรถรุ่นใหม่ล่าสุด “อีซูซุดีแมคซ์ แพลททินั่ม ใหม่!” ยอดรถประหยัดน้ำมันแห่งยุค
และ “อีซูซุ มิว-เซเว่น แพลททินั่ม ใหม่!” รถอเนกประสงค์ยอดประหยัดน้ำมันอย่างใกล้ชิดแล้ว ยังมีโอกาสได้พิสูจน์ความกล้าสุดท้าทายของสมรรถนะรถขับเคลื่อนสี่ล้อในสถานี “แกร่ง กล้า ท้าประลอง”
พร้อมด้วยกิจกรรมที่มีครบทั้งสาระและบันเทิง อาทิ
ร่วมเชียร์น้องๆ หนูๆ ในการประกวดร้องเพลงประกอบลีลา “อีซูซุดีแมคซ์ แพลททินั่ม”
การแสดงหลากหลายความสามารถจากทีม “ดันดารา” นำโดย “ปุ๊ย ตีสิบ” และ “โน๊ต เชิญยิ้ม”
เรียนรู้ทักษะการขับรถแบบประหยัดน้ำมันเพื่อประหยัดเงินในกระเป๋ากับการเข้าร่วมการแข่งขัน
“แข่งรถประหยัดอัจฉริยะสัญจรกับอีซูซุ”
ร่วมฟังเสวนาเรื่องยานยนต์ใน “อีซูซุ แพลททินั่ม ทอล์คโชว์”
ซึ่งเป็นการพูดคุยระหว่าง อ. พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ กูรูด้านยานยนต์และพลังงาน กับโน๊ต เชิญยิ้ม แบบสบายๆ
ยลโฉมสาวงามผู้เข้ารอบ 18 คนสุดท้ายของการประกวดนางสาวไทยประจำปี 2551 อย่างใกล้ชิด
สนุกไปกับเกมต่างๆ พร้อมชิงรางวัลมากมาย
และส่งท้ายด้วยโชว์ชุดพิเศษครั้งแรกในเมืองไทยที่ได้ซูเปอร์สตาร์อย่าง “หม่ำ จ๊กม๊ก” และ “โปงลางสะออน”
มาดวลไมค์...ดวลมุข...ดวลแดนซ์ แบบรับประกันความฮา งานนี้มีลุ้นกันว่าใครจะเป็นเจ้าของเวทีตัวจริง ชาวกรุงเทพฯ พลาดไม่ได้! กับการประเดิมความสนุกสุขสันต์เหนือระดับ
ในมหกรรม “อีซูซุ แพลททินั่ม หม่ำ-สะออน” วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน ศกนี้ ระหว่างเวลา 14.00 - 20.00 น.
ณ มอเตอร์สปอร์ตแลนด์ (แดนเนรมิตเก่า) เป็นแห่งแรก ก่อนเดินสายแจกจ่ายความสุข สนุก ฮาทั่วประเทศเร็วๆ นี้สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนลูกค้าสัมพันธ์อีซูซุโทร. 0-2966-2121 ต่างจังหวัดโทรฟรีที่ 1-800-251-318 และที่โชว์รูมอีซูซุ

๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๑

ฮอนด้าเปิดตัวซีวิค 2009 สไตล์สปอร์ต เพิ่มความหรูหราด้วยระบบนำทางเนวิเกเตอร์แบบสัมผัสหน้าจอ
















ฮอนด้าเปิดตัวซีวิค 2009 สไตล์สปอร์ต เพิ่มความหรูหราด้วยระบบนำทางเนวิเกเตอร์แบบสัมผัสหน้าจอ

รถยนต์นั่งขนาดคอมแพคท์รุ่นแรกที่มีระบบนำทางเนวิเกเตอร์แบบสัมผัสหน้าจอ
• กระจังหน้าและกันชนหน้าออกแบบใหม่เพิ่มความเป็นรถสปอร์ตเน้นกลุ่มเป้าหมายคนทำงานวัยหนุ่มสาว บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์นั่งอันดับสองของประเทศไทย เปิดตัวฮอนด้า ซีวิค 2009 ที่มีรูปลักษณ์ใหม่ดูสปอร์ตยิ่งขึ้น มีคุณสมบัติเด่นมากขึ้น มีห้องโดยสารที่สะดวกสบายและเครื่องยนต์ i-VTEC สมรรถนะสูงฮอนด้า ซีวิครุ่นล่าสุดมีระบบนำทางเนวิเกเตอร์แบบสัมผัสหน้าจอ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรถยนต์นั่งขนาดคอมแพคท์ เครื่องเล่นดีวีดี สัญญาณกะระยะกันชนหลัง 4 ตำแหน่ง กระจังหน้าและกันชนหน้าออกแบบใหม่ ไฟหน้าแบบ Smoked Chrome และไฟท้ายทรงแปดเหลี่ยม ราคาจำหน่ายเริ่มต้นตั้งแต่ 749,000 บาท ขึ้นอยู่กับเครื่องยนต์และรุ่นฮอนด้า ซีวิค 2009 สานต่อความเป็นรถยนต์สปอร์ตล้ำสมัยในตลาดรถยนต์นั่งชั้นนำด้วยรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวดุดัน ห้องโดยสารที่กว้างขวาง อัตราเร่งและตอบสนองที่เหนือกว่า นอกจากนี้เครื่องยนต์อัจฉริยะ i-VTEC ยังมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพมร. เคนจิ โอตะกะ ประธานบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้า ซีวิคมีประวัติยาวนานในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับรถยนต์นั่งในกลุ่มคอมแพคท์รุ่นต่อๆ มา ในการเปิดตัวฮอนด้า ซีวิค 2009 ในวันนี้ เราได้กำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับรถยนต์นั่งขนาดคอมแพคท์ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ด้วยคุณสมบัติและเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้รถยนต์สไตล์สปอร์ตรุ่นล่าสุดนี้ยอดเยี่ยมที่สุดในรถยนต์นั่งระดับเดียวกัน”


“ฮอนด้า ซีวิค 2009 มีรูปลักษณ์ภายนอกที่ออกแบบใหม่ ด้วยกระจังหน้าและกันชนหน้าออกแบบใหม่ไฟหน้าแบบ Smoked Chrome และไฟท้ายทรงแปดเหลี่ยม เพื่อให้ดูสปอร์ตและโดดเด่นสะดุดตายิ่งขึ้น ภายในรถยนต์นั่งสไตล์สปอร์ตรุ่นนี้มีระบบนำทางเนวิเกเตอร์แบบสัมผัสหน้าจอ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งระบบนี้ในรถยนต์นั่งขนาดคอมแพคท์”
“คุณสมบัติอื่นๆ ได้แก่ สัญญาณกะระยะกันชนหลัง 4 ตำแหน่ง เครื่องเล่นดีวีดี และสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ช่วยเสริมให้ฮอนด้า ซีวิค 2009 สไตล์สปอร์ตใหม่นี้มีเสน่ห์ดึงดูดใจยิ่งขึ้น และยังตอกย้ำความเป็นผู้นำของฮอนด้า ซีวิคในตลาดรถยนต์นั่งขนาดคอมแพคท์” มร.โอตะกะกล่าว
ฮอนด้า ซีวิค 2009 มีให้เลือกสามรุ่นหลัก คือ ซีวิค S ซีวิค E และรุ่นสูงสุด ซีวิค EL ซึ่งสามารถใช้ได้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ฮอนด้า ซีวิค S และ E มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตรให้กำลังสูงสุด 140 แรงม้า และเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด โดยรุ่น S มีเกียร์ธรรมดาให้เลือก ส่วนรุ่นสูงสุด ซีวิค EL ใช้เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด และเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 155 แรงม้าฮอนด้า ซีวิค 2009 ทั้งสามรุ่นมีสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย ทำให้คนขับได้เพลิดเพลินกับความบันเทิงภายในรถยนต์โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย ส่วนคุณสมบัติมาตรฐานอื่นๆ ได้แก่ มาตรวัดสองชั้นเรืองแสงแบบ Multiplex Meter ที่มีชื่อเสียงของฮอนด้า ซีวิค กุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย และปลายท่อไอเสียแบบคู่

ซีวิค 1.8 S รุ่นเกียร์ธรรมดา
ราคา 749,000 บาท
และรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ราคา 789,000 บาท
รุ่นเกียร์อัตโนมัติ พร้อมถุงลมคู่หน้า ราคา 831,000 บาท
ซีวิค 1.8 E ราคา 909,000 บาท มาพร้อมกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว
ซีวิค 1.8 E Navi ราคา 964,000 บาท
ติดตั้งระบบนำทางเนวิเกเตอร์แบบสัมผัสหน้าจอและเครื่องเล่นดีวีดี ทั้งสองรุ่นมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
ซีวิค 2.0 EL ราคา 1,046,000 บาท
มีสัญญาณกะระยะกันชนหลัง 4 ตำแหน่ง ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบเกียร์ธรรมดา
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ สวิทช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัยและล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว รุ่นสูงสุด ซีวิค 2.0 EL Navi ราคา 1,101,000 บาท
มีระบบนำทางแบบสัมผัสหน้าจอ เครื่องเล่นดีวีดีและสัญญาณกะระยะกันชนหลัง 4 ตำแหน่ง
ฮอนด้า ซีวิค 2009 จะจัดแสดงในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2008 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม
ผู้สนใจสามารถสั่งจองฮอนด้า ซีวิค 2009 ได้แล้วที่ผู้จำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ

นิสสันเปิดตัว ฟรอนเทียร์ นาวารา คาลิเบอร์ ใหม่ รถปิคอัพ หรูหรา สไตล์คนเมือง











นิสสันเปิดตัว ฟรอนเทียร์ นาวารา คาลิเบอร์ ใหม่ รถปิคอัพ หรูหรา สไตล์คนเมือง
พรีเซนเตอร์ใหม่ เจษฏาภรณ์ ผลดีและแคมเปญโฆษณาภายใต้แนวคิด ความท้าทายใหม่ แห่งป่าคอนกรีต

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอรถยนต์ตระกูลฟรอนเทียร์ นาวารา ในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ
บริษัท สยามนิสสัน ออโตโมบิล จำกัด ได้เปิดตัวรถยนต์ ฟรอนเทียร์ นาวารา คาลิเบอร์ ใหม่ ปิคอัพ 4x2 ด้วยรูปลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่ง นาวารา คาลิเบอร์ ใหม่นี้จะช่วยปรับตำแหน่งทางการตลาดของนิสสัน
ในตลาดรถปิคอัพสไตล์หรู
นาวารา คาลิเบอร์ ใหม่เป็นรถปิคอัพเหนือระดับสำหรับชีวิตคนเมือง ลูกค้าสามารถสัมผัสได้ถึงสมรรถนะ ความทนทาน ความปลอดภัยและการผสมผสานระหว่าง 4x4 และ 4x2 แบบมาตรฐานที่พร้อมท้าทายทุกอุปสรรคในชีวิตเมือง
จุดเด่นของ ฟรอนเทียร์ นาวารา คาลิเบอร์ คือ
• คิ้วล้อสไตล์ออฟโรด
• บันไดข้างสไตล์ออฟโรด
• กันชนหลัง
• ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว สไตล์ออฟโรด
• ระบบป้องกันล้อล๊อค ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรค EBD
• สติกเกอร์ คาลิเบอร์
นาย โคจิ โอคูดะ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโสการตลาดและขาย กล่าวว่า นิสสันเปิดตัวนาวารา คาลิเบอร์ ใหม่เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับประสบการณ์การขับขี่รถปิคอัพสไตล์หรูสำหรับวิถีชีวิตคนเมือง นาวารา คาลิเบอร์มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยสมรรถนะอันโลดแล่น พร้อมความปลอดภัยและความทนทาน ที่ลูกค้าต้องมาสัมผัสกับประสบการณ์นั้นด้วยตนเอง
สำหรับแคมเปญโฆษณาตัวใหม่นั้น นิสสันได้เลือก ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดีเพื่อยืนยันภาพลักษณ์ของรถปิคอัพสไตล์หรูสำหรับคนเมือง สื่อโฆษณาและกิจกรรมสนับสนุนทั้งหมดอาทิ โฆษณาทางทีวี สปอตวิทยุ สื่อพิมพ์และอื่นๆนั้นได้ออกแบบภายใต้แนวคิด ความท้าทายใหม่ แห่งป่าคอนกรีต
นาวารา คาลิเบอร์รวบรวมเอาสมรรถนะอันทรงพลัง รูปลักษณ์ที่แข็งแกร่งและนวัตกรรมเหนือระดับสู่ตลาดรถปิคอัพ
เป็นการนำเสนอนวัตกรรมของทุกองค์ประกอบที่ออกแบบมาเพื่อฟันฝ่าทุกอุปสรรคบนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่เพื่อทำงานหรือท่องเที่ยว ฟรอนเทียร์ นาวารา เป็นรถยนต์เหนือระดับและหนึ่งเดียวในประเทศไทยด้วยระบบขับเคลื่อนเกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด
สมรรถนะ
นาวารา คาลิเบอร์ สัมผัสความแรงแห่งสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์ดีเซล YD25DDTi-144 คอมมอนเรลแบบไดเร็กอินเจ็กชั่น เครื่องยนต์ 144 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 356 นิวตันเมตร เทอร์โบแบบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ ให้อัตราเร่งสูงสุดและ
ลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพจากการถ่ายทอดพละกำลังในทุกรอบของเครื่องยนต์
ซึ่งนับเป็นอันดับหนึ่งของเมืองไทย ยิ่งไปกว่านั้น ระบบเครื่องยนต์เพลาถ่วงสมดุลช่วยลดเสียงดังของเครื่องยนต์
ทำให้เครื่องยนต์ทำงานอย่างราบเรียบและลดแรงสั่นสะเทือน เครื่องยนต์ดีเซล YD-144 คอมมอนเรลให้อัตราเร่งสูงสุดมีกำลังต่อเนื่องในทุกจังหวะเปลี่ยนเกียร์ สมรรถนะอันทรงพลังเหมาะสมกับการใช้งานทุกรูปแบบและ
ทุกกิจกรรมด้วยอัตราการประหยัดน้ำมันอย่างสูงสุด

ความทนทาน
นิสสันได้ออกแบบโครงสร้างแชสซีส์ของ นาวารา คาลิเบอร์ ใหม่ ทำให้นาวารา คาลิเบอร์นั้นแข็งแกร่ง ทนทาน และปลอดภัยด้วยมาตรฐานระดับโลก โครงสร้างมีขนาดใหญ่ขึ้น เพิ่มพื้นที่หน้าตัดและความหนาของเฟรมโดยทำจากเหล็กกล้าขึ้นรูปประกบ 2 ชั้น ชิ้นเดียวยาวตลอดในจุดที่ต้องรับน้ำหนักสูง เพิ่มความแข็งแกร่งทนทานได้ดี ฐานล้อที่ยาวขึ้นและร่องยางที่กว้างขึ้นช่วยให้การเกาะถนนดีเยี่ยม

ความปลอดภัย
นาวารา คาลิเบอร์ มีมาให้ครบครัน อาทิ ด้านหน้าเสริมด้วยระบบการยุบตัวของพวงมาลัย, มั่นใจด้วยระบบเบรก เทคโนโลยี LSV (Load Sensing Valve) จะตรวจจับการกระจายน้ำหนักของแรงกดบนล้อหลังและจะปรับแรงดันน้ำมันเบรกในล้อหลังให้สมดุลกันทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการเบรก, ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS ควบคุมแรงดันน้ำมันเบรกทั้ง 4 ล้อ ด้วยคอมพิวเตอร์ พร้อมระบบควบคุมและกระจายแรงเบรกด้วยอิเล็คทรอนิกส์ EBD ปรับแรงดันน้ำมันเบรกล้อหลังให้เท่ากัน เพื่อให้เบรกมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดระยะเบรกให้สั้นลงเพื่อการขับขี่อย่างมั่นใจกับ
นาวารา คาลิเบอร์

นาวารา คาลิเบอร์ รุ่นใหม่มีให้เลือก 2 รุ่นคือ
นาวารา คาลิเบอร์ คิงส์แคบ ด้วยราคาโดนใจ 639,000 บาท
นาวารา คาลิเบอร์ ดับเบิ้ล แคบ ราคา 715,000 บาท
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและการทดลองขับนิสสัน ฟรอนเทียร์ นาวารา คาลิเบอร์ ใหม่
กรุณาติดต่อที่โชว์รูมนิสสันใกล้บ้านท่านหรือเข้าชมที่เว็บไซด์ www.nissan.co.th

หนังโฆษณารถ NISSAN NAVARA CALIBRE ใหม่ ได้พระเอกชื่อดัง ติ๊กเจษฎาภรณ์ ผลดี เป็นพรีเซนเตอร์



หนังโฆษณารถ NISSAN NAVARA CALIBRE ใหม่ ได้พระเอกชื่อดัง ติ๊กเจษฎาภรณ์ ผลดี เป็นพรีเซนเตอร์

นิสสันเปิดตัวรถรุ่นใหม่ นิสสัน นาวารา คาลิเบอร์ พร้อมโฆษณาชุด Built for the Concrete Jungle โดยได้พระเอกชื่อดัง ติ๊กเจษฎาภรณ์ ผลดี มาเป็นพรีเซนเตอร์ในโฆษณานี้ด้วย
แนวความคิดของโฆษณา ป่าเป็นที่รวมของสิ่งมีชีวิตและต้นไม้ที่ถูกสร้างด้วยฝีมือธรรมชาติ
แต่มีป่าอีกชนิดหนึ่งที่เต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้าง หรือที่เราเรียกว่า “ป่าคอนกรีต”
ณ ป่าคอนกรีต ทุกคนต่างต้องแข่งขันกันเพื่อความสำเร็จ ดังนั้นจึงเป็นที่มาของรถที่ออกแบบมาเพื่อชีวิตในเมือง
และสมบุกสมบันสำหรับป่าคอนกรีต ซึ่งก็คือ “นิสสัน นาวารา คาลิเบอร์” ด้วยดีไซน์ที่ดุดัน น่าเกรงขาม พร้อมท้าทายทุกอุปสรรคในชีวิตเมือง สิ่งเหล่านี้ทำให้ นิสสัน นาวารา คาลิเบอร์ เป็นความท้าทายใหม่แห่งป่าคอนกรีต นั่นเอง
เปิดเรื่อง… ยามเช้าวันหนึ่ง ใจกลางมหานคร ขณะที่ทุกชีวิตกำลังเริ่มต้นวันใหม่ ชายหนุ่มขับรถนาวารา คาลิเบอร์ สีดำสนิทค่อยๆ แล่นผ่านผู้คนต่างๆ พร้อมได้สัมผัสสัญชาตญาณแห่งป่าในเมือง พนักงานออฟฟิศที่ข้ามถนนมองเห็นเงาสะท้อนเป็นม้าลายฝูงใหญ่ หญิงสาวเซ็กซี่ราวกับแม่เสือดาวเจ้าเสน่ห์ และอีกหลากหลายชีวิต ซึ่งต่างก็ถูกสะกดให้จับจ้องรูปลักษณ์ที่แข็งแกร่งดุดันของนาวารา คาลิเบอร์ จนได้พบกับสาวสวยที่ดูสง่าราวนางราชสีห์ แล้วชายหนุ่มก็พานาวารา คาลิเบอร์ ไล่ทะยานฝ่าอุปสรรคต่างๆ จนในที่สุด ชายหนุ่มก็ได้พบกับหญิงสาวบนชั้นดาดฟ้าใจกลางป่าคอนกรีต นิสสัน นาวารา คาลิเบอร์ ความท้าทายใหม่แห่งป่าคอนกรีต
เพื่อเสริมความท้าทายใหม่ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เราจึงเลือก ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี มาเป็นพรีเซนเตอร์
ติ๊กเป็นผู้ชายลุยๆ มีจิตใจรักการผจญภัย แต่ก็ต้องทำงานในเมือง วันหยุดก็ออกไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัด
เขาจึงเลือก นิสสัน นาวารา คาลิเบอร์เป็นรถคู่ใจ เพราะสามารถตอบไลฟ์สไตส์และตัวตนของติ๊ก
และชีวิตคนเมืองที่มีใจแอดแวนเจอร์ได้อย่างครบถ้วน

๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๑

สมาร์ท คาราวาน 8,800 กม.กับไฮลักซ์ วีโก้ใหม่ สมาร์ท แค็บ






สมาร์ท คาราวาน 8,800 กม.กับไฮลักซ์ วีโก้ใหม่ สมาร์ท แค็บ


เปิดโลกสวยงามเมืองไทย ไปกับการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่สมาร์ท คาราวาน 8,800 กม.กับไฮลักซ์ วีโก้ใหม่ สมาร์ท แค็บ เทคโนโลยีเพื่อขีดสุดแห่งความสะดวกสบาย
นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงข่าวกิจกรรม “สมาร์ท คาราวาน 8,800 กิโลเมตรรอบประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ศกนี้ ที่ ห้องรามเกียรติ์ สยามนิรมิต กรุงเทพฯ นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า “คาราวาน ไฮลักซ์ วีโก้ ได้สร้างประวัติศาสตร์การเดินทางโดยรถยนต์บนเส้นทางอันยาวไกล มาตั้งแต่ ปี 2547 ถึง 2550 ไปยังดินแดนที่เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ และเป็นที่ใฝ่ฝันของนักเดินทางทั่วโลก จากกรุงเทพ ลีเจียง ทิเบตและเส้นทางสายแพรไหมไปสิ้นสุดที่ประเทศอุซเบกิสถาน ในการเดินทางทั้ง 3 ครั้งที่ผ่านมา ก็ได้นำเรื่องราวกลับมาถ่ายทอดให้คนไทยได้รับทราบ ไม่ว่าจะเป็น ความสวยงามของภูมิประเทศ ผู้คน วัฒนธรรม ประเพณี สถานที่ศักดิ์สทธิ์ และในครั้งนี้ เรามองว่าเมืองไทยก็มีสิ่งที่น่าสนใจ มีเอกลักษณ์ ภูมิทัศน์ที่สวยงามมีความหลากหลายของวัฒนธรรม ประเพณี ประวัติศาสตร์ และน่าจะนำมาเผยแผ่ให้คนไทยได้รับทราบ ประกอบกับ เราได้แนะนำ ไฮลักซ์ วีโก้ ใหม่ สมาร์ท แค็บ รถกระบะที่ออกแบบสำหรับลูกค้าชาวไทยโดยเฉพาะ เข้าสู่ตลาดเมื่อเดือนกันยายน ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี เราจึงได้จัดการเดินทางสมาร์ท คาราวาน 8,800 กม.ทั่วไทย ขึ้นเพื่อถ่ายทอดความสวยงามของเมืองไทย และตอกย้ำถึงอรรถประโยชน์ใช้สอย และความสะดวกสบายในการขับขี่ ของ ไฮลักซ์ วีโก้ สมาร์ท แค็บ ตลอดการเดินทาง”
“สมาร์ท คาราวาน จะเป็นการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ อีกครั้งหนึ่ง ของไฮลักซ์ วีโก้ โดยมีระยะเวลาการเดินทางตั้งแต่วันที่ 3 - 25 ธันวาคม เป็นเวลา 23 วัน รอบประเทศไทย จากกรุงเทพมุ่งหน้าสู่ภาคใต้ชมความสวยงามของทะเลอ่าวไทย ผ่านใต้สุดของสยาม และทะเลสีครามของอันดามัน จากนั้นขับผ่านผืนป่าตะวันตกของประเทศ เข้าสู่ภาคเหนือ เลียบแม่น้ำโขง เข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สู่ตะวันออกสุดของสยาม ผ่านชายฝั่งทะเลตะวันออก สิ้นสุดการเดินทางที่ กรุงเทพมหานคร รวมระยะทาง 8,800 กิโลเมตร โดยตลอดการเดินทาง จะสัมผัสความหลากหลายของผู้คน วัฒนธรรม ประเพณี ความสวยงามของสถานที่ ตลอดจนพบปะบุคคลที่น่าสนใจ พร้อมได้นำเสนอประสบการณ์อันล้ำค่า ในการเดินทางมาถ่ายทอดให้ชาวไทย ได้รับรู้ นับเป็นที่การเดินทางน่าจดจำครั้งหนึ่ง” นายวุฒิกรกล่าว สมาร์ท คาราวาน ประกอบด้วย ลูกค้า ไฮลักซ์ วีโก้ ใหม่ สมาร์ท แค็บ จากผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ ร่วมกับสื่อมวลชน กว่า 50 ชีวิต ที่จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนการเดินทางตลอด 23 วัน รอบประเทศไทย นับเป็นคาราวานครั้งประวัติศาสตร์ ครั้งหนึ่งของประเทศไทย ที่จะมีผู้ร่วมเดินทางมากที่สุดโดยรถกระบะไฮลักซ์ วีโก้ ใหม่ สมาร์ทแค็บ นอกจากจะเป็นการทดสอบสมรรถนะของรถกระบะ ไฮลักซ์ วีโก้ สมาร์ท แค็บ แล้ว ยังเป็นการเปิดโลกการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศและส่งเสริมเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง
“สิ่งที่เป็นพิเศษของการเดินทางครั้งนี้ โตโยต้า ได้เชิญนักวิชาการที่มีความรู้ ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์กับคาราวาน ในเรื่องราวต่างๆ ทั้งด้านวิถีชีวิต ผู้คน สถานที่สำคัญ และประเพณีท้องถิ่น ตลอดการเดินทาง ทำให้การเดินทางมีเรื่องราวที่เปี่ยมไปด้วยสีสัน มีชีวิตชีวา อาทิอาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ,อาจารย์ทรงยศ แววหงษ์,อ.สมฤทธิ์ ลือชัย,ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์,อ.อัครพงษ์ ค่ำคูณ หรือ นักเดินทางอย่างคุณธีรภาพ โลหิตกุล”
“สมาร์ท คาราวาน จะร่วมงานสำคัญๆ ของจังหวัดต่างๆ ในพื้นที่ และนำสิ่งดีงามไปมอบให้กับเด็กและเยาวชนที่ขาดแคลน โดยจะนำอุปกรณ์การศึกษา เสื้อผ้ากันหนาวและผ้าห่ม ไปมอบให้นักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน 2 แห่ง ที่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดสุรินทร์ ชมงานแสดงแสงสีเสียง สะพานข้ามแม่น้ำแคว พร้อมเงินสมทบทุนบูรณะสะพานข้ามแม่น้ำแคว ร่วมศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน ที่บางปู จังหวัดสมุทรปราการ โดยจะนำภาพของการเดินทาง ออกอากาศให้คนไทยได้เห็นความสวยงามและความหลากหลายทางวัฒนธรรมของประเทศทุกวัน ทางรายการ สยามทูเดย์ ทาง ททบ.5 เราเชื่อมั่นว่า สมาร์ท คาราวาน 8,800 กม. จะเป็นการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ ที่เปิดโลกสวยงามของไทย และทำให้คนไทยรักเมืองไทยมากขึ้น” นายวุฒิกร กล่าวในที่สุด

ขอเชิญลูกค้า ไฮลักซ์ วีโก้ ใหม่ สมาร์ท แค็บ ที่สนใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทาง สมาร์ท คาราวาน 8,800 กม.สอบถามได้ที่ 1800 – 238 444 หรือ website www.vigosmartcaravan.com
ร่วมสัมผัสประสบการณ์กับการเดินทาง ในรายการ สยามทูเดย์ ทาง ททบ.5ทุกวัน เวลา 18.00 น. ตั้งแต่ 3-25 ธันวาคม 2551
เปิดโลกการเดินทาง กับไฮลักซ์ วีโก้
คาราวานไฮลักซ์ วีโก้ ได้เริ่มต้นเดินทางในรูปแบบคาราวานเมื่อปี พ.ศ. 2547 โดยได้สร้างตำนานการเดินทางอันยาวไกลจากประเทศไทย ไปยังดินแดนที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และนักเดินทางทั่วโลกใฝ่ฝ้นได้ไปเยือน ออกเดินทางครั้งแรกในเดือนกันยายน 2547 ไปยังเมืองมรดกโลก ลี่เจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านเส้นทางสุดโหดของเทือกเขาสูงในลาวเหนือ ลัดเลาะเลียบหน้าผาชัน ก่อนเข้าสู่ชายแดนจีนมุ่งหน้าไปตามถนนสายไฮเวย์ บางกอก-คุนหมิง ไปสิ้นสุดที่ภูเขาหิมะมังกรหยก เมืองลี่เจียง
และอีก 1 ปีต่อมา คาราวานไฮลักซ์ วีโก้ เดินทางต่อจากเมืองลี่เจียง สู่กรุงลาซา เขตปกครองตนเองทิเบต ดินแดนที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหลังคาของโลก ผ่านเส้นทางสุดโหดในหลายรูปแบบ ตลอดเส้นทาง 2,548 กม. ที่ขับโดยสื่อมวลชนเป็นระยะเวลา 12 วัน หรือ รวมตลอดการเดินทางจากกรุงเทพฯ เป็นระยะทางกว่า 11,000 กม.ตลอด 34 วัน ผ่านระดับความสูงตั้งแต่ 2.5 เมตร จากระดับน้ำทะเลที่กรุงเทพฯ จนถึงระดับความสูงกว่า 5,000 เมตร บนดินแดนหลังคาโลก นับเป็นการทดสอบที่ทรหด แต่ด้วยสมรรถนะที่โดดเด่นของไฮลักซ์ วีโก้ ทำให้อุปสรรคต่างๆ ตลอดการเดินทาง เป็นไปอย่างราบรื่น และง่ายดาย ซึ่งในแต่ละวัน ใช้เวลาเดินทางไม่ต่ำกว่า 10-15 ชั่วโมง พลังจากเครื่องยนต์คอมมอนเรล ดีโฟร์ดี เจนเนอเรชั่นที่ 2 ที่ให้แรงบิดเพียงพอสำหรับการไต่ระดับ พร้อมด้วยสมรรถนะของช่วงล่าง ที่ความนุ่มนวล แข็งแกร่ง ง่ายต่อการบังคับควบคุม ห้องโดยสารที่กว้างขวาง ทำให้การเดินทางเป็นไปด้วยความสะดวกสบาย ไม่เมื่อยล้า เป็นเวลายาวนานกว่า 10 ชั่วโมง ตลอดเวลา 12 วัน ผ่านระดับความสูงเฉลี่ย 2,700-3,800 เมตร จากระดับน้ำทะเล การเดินทางครั้งที่ 3 ที่คาราวานของไฮลักซ์ วีโก้ ได้เริ่มเดินทางบนเส้นทางสำคัญของเอเชียขบวนคาราวาน 20 คัน ออกเดินทางจากกรุงเทพฯไปยังจังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2550 มุ่งหน้าตามไฮเวย์สายคุนหมิง-บางกอก ผ่านเมืองหลวงน้ำทา ของ “สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว” เข้าสู่ ชายแดนของสาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านคุนหมิง เมืองหลวงของมณฑลยูนนาน มุ่งหน้าสู่เมืองซีอาน เป็นระยะเวลา 8 วัน เพื่อรอคณะสื่อมวลชน ที่จะบินจากกรุงเทพฯ ไปยังเมือง “ซีอาน” เพื่อเริ่มต้นการเดินทางของคาราวานไฮลักซ์ วีโก้ บนทางสายแพรไหม ไปสิ้นสุดที่เมืองทัชเค้นท์ ประเทศอุซเบกิสถาน เส้นทางสายแพรไหม ที่มีจุดเริ่มต้นจากนครฉางอาน หรือซีอานในปัจจุบัน ไปสิ้นสุดที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล หรือกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี เป็นเส้นทางการค้าที่เชื่อมระหว่างโลกตะวันออกและตะวันตก มายาวนานกว่า 2,000 ปี ตลอดระยะเวลา 14 วัน ของการเดินทางนับจากนี้ บนเส้นทางกว่า 5,000 กม. ข้ามที่ราบระหว่างทะเลทรายโกบี และตากลามากัน ที่แห้งแล้ง และร้อนระอุ มุ่งหน้าสู่ตะวันตกเลียบเทือกเขาเทียนซานที่สูงใหญ่ มีความยาวกว่า 250 กิโลเมตร เข้าสู่เขตทุ่งหญ้าแพรรี่ของประเทศคาซัคสถาน และสิ้นสุดที่เมืองทัชเค้นท์ ศูนย์กลางของเอเชียกลาง ซึ่งจะเป็นจุดสิ้นสุดการทดสอบของคณะสื่อมวลชน ทั้งนี้ ขบวนคาราวานของไฮลักซ์ วีโก้ จะเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยใช้เส้นทางเดิม รวมระยะทางทั้งสิ้น 18,000 กิโลเมตร เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 43 วันคาราวาน ไฮลักซ์ วีโก้ สู่เส้นทางสายแพรไหมในครั้งนั้น โตโยต้า ได้นำรถกระบะไฮลักซ์ วีโก้ ไฮลักซ์ วีโก้ พรีรันเนอร์ และฟอร์จูนเนอร์ขับเคลื่อน 2 ล้อ รวมทั้งสิ้น 20 คัน โดยไฮไลท์ของการทดสอบ เราได้จัดให้มีการทดสอบสมรรถนะประหยัด ด้วยน้ำมัน 1 ถัง กับระยะทาง 1,465 กิโลเมตร สำหรับ ไฮลักซ์ วีโก้ ขับเคลื่อน 2 ล้อ เครื่องยนต์ 2500 ซีซี เทอร์โบ อินเตอร์คูลเล่อร์ และ ระยะทาง 1,200 กิโลเมตร สำหรับ ไฮลักซ์ วีโก้ พรีรันเนอร์ เครื่องยนต์ 3000 ซีซี เทอร์โบ อินเตอร์คูลเล่อร์ ซึ่งเป็นสิ่งท้าทายความสามารถของสื่อมวลชนกับ ไฮลักซ์ วีโก้ ณ จุดสิ้นสุดการทดสอบที่ เนินทรายหมิงซาซา ที่เมืองตุนหวง
Toyota Hilux Vigo ดีเซล คอมมอนเรล 2500 ซีซี เทอร์โบ อินเตอร์ คูลเลอร์ บทท้าทาย 1,510 กม. กับน้ำมันหนึ่งถัง ข้ามสามมณฑล
หลังจากเติมพลังด้วยอาหารจีน ในโรงเตี๊ยมเล็กๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาราวานไฮลักซ์ วีโก้ ขับไต่เทือกเขาสูงเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด ระยะทางผ่านไปอีก 105 กิโลเมตร จึงพักเติมน้ำมันเพื่อเริ่มต้นกิจกรรม Eco Run Challenge ท้าทายสมรรถนะประหยัดน้ำมันของไฮลักซ์ วีโก้ ด้วยน้ำมัน 1 ถัง กับระยะทาง 1,400 กิโลเมตร และ ไฮลักซ์ พรี รันเนอร์ ด้วยน้ำมัน 1 ถัง กับระยะทาง 1,200 กิโลเมตร กับการขับในรูปแบบคาราวาน มันเป็นความท้าทายที่ต้องมีการพิสูจน์ให้เห็นถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ คอมมอนเรล ที่ใช้ความเร็วระหว่าง 90-100 กม./ชม. กับน้ำมันเชื้อเพลิงเต็มถังที่ 76 ลิตร ในขบวนรถทั้งหมด 22 คัน เวลาเริ่มจะพลบค่ำ ความท้าทายที่เกิดขึ้นครั้งแรกเลยนั้น ไม่ใช่เรื่องของความมืดบนท้องถนน แต่กลับเป็นหมอกที่หนาแน่นลงมาปกคลุมบนพื้นถนนที่เปียกชื้น ชนิดที่เรียกว่า ต้องขับให้ชิดกับคันหน้าเพื่อมองสัญญาณไฟฉุกเฉินที่กระพริบให้เห็นเป็นจังหวะ ความเร็วแม้จะทำได้ไม่มากนักแต่ก็อยู่ในช่วง 90-110 กม./ชม. ระยะทางในช่วงแรกของวันแรกที่เริ่มขับประหยัดน้ำมันนั้นอยู่ที่ 198 กม.บนถนนกำลังก่อสร้าง อุณหภูมิภายนอกที่ลดต่ำลงเรื่อยๆ ประกอบกับสายฝนที่โปรยปรายลงมา ทำให้เครื่องวัดอุณหภูมิของ Fortuner แสดงผลตัวเลขตัวเดียว ใบปัดน้ำฝนยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา กว่า 8 ชั่วโมงแล้ว เกล็ดน้ำแข็งที่ เกาะผิวกระจกหน้า และยางปัดที่แข็งตัว ความหนาวเย็นได้แทรกผ่านถุงมือจนนิ้วทั้งสิบ และเท้าทั้งสองข้าง จนไร้ความรู้สึก เราต้องอบอุ่นร่างกายเป็นระยะ
กว่าจะถึงจุดหมายที่หลานโจว ปาเข้าเกือบ 4 ทุ่ม

เช้าวันรุ่งขึ้น จากหลานโจวไปเมืองจางเย่ ระยะทางประมาณ 545 กม. ซึ่งยังคงอยู่บนที่สูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 1,500 เมตร ท่ามกลางอุณหภูมิที่หนาวเย็น เลียบผ่าน สภาพถนนลาดยาง 2 เลนสวนสลับทางด่วน 4 เลน เมืองหลานโจว ซึ่งเป็นเมืองหลวงของ มณฑลกานซูตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำฮวงโห หรือแม่น้ำเหลือง แม่น้ำฮวงเหอเป็นมหานทีอันยิ่งใหญ่ เป็นหนึ่งในสองสิ่งที่องค์ฮ่องเต้ต้องทำพิธีบวงสรวง ตามคติของชาวจีนนั้น แม่น้ำฮวงเหอ เป็นเทพที่ไม่มีรูปลักษณ์ หลังจากลงจากที่สูงลงมา สภาพอากาศเริ่มจะดีขึ้น แต่อุณหภูมิภายนอกก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำ 10 แต่ความเร็วในช่วงที่ใช้ยังคงอยู่ที่ 90-100 กม./ชม.ลมจากภายนอกเริ่มแรงขึ้น ในวันนี้เรามาถึงที่พักเร็วกว่าวันวาน เรียกว่ายังมองเห็นแสงตะวันอยู่ ระยะทางทั้งหมดผ่านไปแล้ว 726 กม. เข็มบอกระดับน้ำมันลงไปเกือบครึ่งถัง
วันที่สามของการท้าทาย รถทุกคันยังมีน้ำมันมากกว่าครึ่งถังนิดหน่อยซึ่งดูจากเกจ์วัดระดับน้ำมัน วันนี้สภาพเส้นทางจะอยู่บนทางด่วนเป็นส่วนใหญ่ แต่ก่อนจะขึ้นทางด่วนต้องวิ่งในเมืองฝ่าการจราจรไม่น้อยทีเดียว กระนั้นก็ตามเมื่อขึ้นทางด่วนแล้ว ความเร็วของรถหลายคัน อยู่ในช่วง 60-80 กม./ชม. และบางช่วงถีบความเร็วขึ้นไปที่ 80-90 กม./ชม.
วันที่สามของการท้าทาย การขับท้าทายสมรรถนะประหยัดน้ำมันในวันนี้ เป็นการขับตามปกติของขบวนคาราวาน มีการใช้อัตราเร่งอยู่เสมอเพื่อให้เครื่องยนต์มีแรงบิดที่จะขับตามกัน โดยเฉพาะเมื่อขบวนคาราวานต้องขับผ่านเขตเมืองที่มีการจราจรแน่นหนา และสัญญาณไฟจราจรอยู่มาก และต้องรักษาเวลาในการเดินทางเพื่อมิให้ไปถึงจุดหมายช้าเกินไป
เมื่อมาถึงหลัก 1,200 กม. ไฮลักซ์ วีโก้ เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล 2500 ซีซี เทอร์โบ อินเตอร์ คูลเล่อร์ ยังมีปริมาณน้ำมันเหลืออยู่หนึ่งขีด สภาพเส้นทางในช่วงนี้เป็นถนนเลนเดียว มีรถวิ่งสวนไปมาตลอดระยะทาง และเมื่อถึงจุดหมาย หน้าปัทม์ บอกระยะที่วิ่งไปแล้ว 1318 กม. และเริ่มมีไฟสัญญาณเตือนขึ้น บนถนนไฮเวย์ ความเร็วระหว่าง 100-120 กม./ชม. รถกระบะไฮลักซ์ วีโก้ 2.5 IC สามารถผ่านระยะทางที่เป้าหมายที่ต้งไว้ 1,400 กิโลเมตร ที่เนินทราย หมิงซาซาน เมืองตุนหวง ได้อย่างสบาย และมีรถกระบะไฮลักซ์ วีโก้ 2.5 IC ที่ผ่านความท้าทาย 1,500 กิโลเมตร จำนวน 5 คัน และสามารถทำระยะทางได้ไกลสุดถึง 1,510 กม.และไฮลักซ์ วีโก้ พรีรันเนอร์ เครื่องยนต์ 3000 ซีซี เทอร์โบ อินเตอร์คูลเล่อร์ มีระยะทางท้าทายตั้งไว้ 1,200 กิโลเมตร นั้นสามารถผ่านระยะทาง 1,200 กิโลเมตร ได้ 3 คัน และ
สามารถวิ่งเป็นระยะทางได้ไกลสุดถึง 1,460 กม.

ไฮลักซ์ วีโก้ Smart Cab ใหม่เทคโนโลยีเพื่อขีดสุดแห่งความสะดวกสบาย
รถกระบะอัจฉริยะ ออกแบบโดยวิศวกรคนไทย จากศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของโตโยต้า ในประเทศไทย เพื่อตอบสนองการใช้งานของคนไทย เปิดชีวิตตอบรับทุกการใช้งาน ตอบสนองอรรถประโยชน์สูงสุด พร้อมบานเปิด สะดวกสบายทุกการเข้าออก พื้นที่กว้างขวางสำหรับการบรรทุกสิ่งของ
รูปลักษณ์ใหม่ โดดเด่นทั้งภายในและภายนอก สะดวกสบายทุกการเข้าออกและการใช้งานด้วยประตูและบานเปิด Smart Cabý ที่เปิดกว้างได้มากถึง 92 องศา เพิ่มความกว้างของทางเข้า-ออกห้องโดยสารอีก 51 เซนติเมตร เสริมด้วยเทคโนโลยีระบบล็อค 2 ชั้น เพิ่มอรรถประโยชน์ของการใช้งาน ปลอดภัยด้วยระบบป้องกันการหนีบขณะปิด พร้อมสัญญาณเตือนเมื่อบานเปิดปิดไม่สนิท พื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสารกว้างขวาง กระจังหน้าลายใหม่ สะท้อนบุคลิกเข้มแข็ง ดุดัน - โคมไฟคู่หน้าใหม่ แบบฮาโลเจน มัลติรีเฟลกเตอร์ ส่องสว่าง ชัดเจน พร้อมไฟตัดหมอกหน้า ล้ออัลลอยลายใหม่และยางขนาดใหญ่ 215/65R16 ในรุ่นระบบขับเคลื่อนสองล้อ และ 255/70 R15C ในรุ่นพรีรันเนอร์ และขับเคลื่อนสี่ล้อ
สบายเหนือระดับ กับความหรูหราของห้องโดยสาร พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก แผงคอนโซลกลางและแผงควบคุมข้างประตูสีเมทัลลิก พร้อมมาตรวัดเรืองแสง “Optitron” (เฉพาะในรุ่น 2.5G,2.7G,3.0G) ชุดเครื่องเสียง แบบ 2 Din 1CD รองรับ MP3 และ WMA จอแสดงข้อมูลจากการขับขี่ (Multi-Information Display) (เฉพาะในรุ่น 2.5G,2.7G,3.0G)แสดงข้อมูลได้ 7 โหมดคือ อุณหภูมิภายนอก อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันในขณะขับขี่ ความเร็วของรถโดยเฉลี่ย ระยะเวลาในการขับขี่ ระยะทางในการขับขี่ และเข็มทิศ กระจกหน้าต่างไฟฟ้า ปรับขึ้น-ลงอัตโนมัติ พร้อมระบบ Jam-Protection ด้านคนขับ - กระจกมองข้างแบบปรับอัตโนมัติ...(Electrical Retraction) พับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า
ช่วงล่างปรับใหม่ เพื่อความนุ่มนวลสะดวกสบายในการขับขี่ กุญแจรีโมท Immobilizer
พร้อมระบบหน่วงการโจรกรรม TDS (เฉพาะในรุ่น 2.5G,2.7G,3.0G)

ปลอดภัย มั่นใจ ในทุกการขับขี่ ดิสก์เบรกขนาด 15 นิ้ว เพิ่มประสิทธิภาพการเบรกที่ดีขึ้น ถุงลมนิรภัยคู่ด้านหน้า ปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารจากแรงกระแทกด้านหน้า ด้วยถุงลมระบบ Dual SRS Airbag (เฉพาะในรุ่น 2.5G,2.7G,3.0G) ระบบเบรก ABSý (Anti-lock Braking System) ระบบป้องกันล้อล็อคขณะเบรกโดยอัตโนมัติ จากการตรวจจับของเซ็นเซอร์จากล้อทั้ง 4 ล้อ ซึ่งควบคุมการทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมทิศทางและหักหลบสิ่งกีดขวางได้ในขณะเบรก (เฉพาะในรุ่น 2.5G,2.7G,3.0G และ Prerunner 3.0E ABS) โครงสร้างนิรภัย GOA พร้อมคานประตูใหญ่ขึ้น และหนากว่าเดิม คานกันกระแทกด้านข้าง - พวงมาลัยแบบยุบตัวได้– เข็มขัด ELR 3 จุด ปรับระดับสูงต่ำได้ - แป้นเหยียบเบรกแบบยุบตัวได้ – วาล์วตัดน้ำมันอัตโนมัติ - โครงเสาหลังคา และหลังคารถด้านในได้รับการออกแบบให้มีความอ่อนนุ่มเป็นพิเศษ ช่วยผ่อนแรงกระแทกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ลดการบาดเจ็บรุนแรง บริเวณศีรษะของผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร
มี 3 เครื่องยนต์ให้เลือก
เครื่องยนต์ 1 KD-FTV (I/C) 3.0 ลิตรดีเซลคอมมอนเรล
เจนเนอเรชั่นที่ 2 ไดเร็กอินเจกต์ชัน 16 วาล์ว เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์

เครื่องยนต์ 2KD-FTV (I/C) 2.5 ลิตรดีเซลคอมมอนเรล
เจนเนอเรชั่นที่ 2 ไดเร็กอินเจกต์ชัน 16 วาล์ว เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์

เครื่องยนต์ 2 TR-FE 2.7 ลิตร VVT-i
DOHC 16 วาล์วเครื่องยนต์เบนซิน ตอบสนองนุ่มนวล...ด้วยเทคโนโลยีระบบวาล์วอัจฉริยะ VVT-i

พร้อมให้เลือกเป็นเจ้าของ ด้วย 10 รุ่นมาตรฐาน
3.0 G สมาร์ทแค็บ 4WD สีเมทัลลิก ราคา 774,000 บาท
3.0 E สมาร์ทแค็บ 4WD สีเมทัลลิก ราคา 724,000 บาท
2.5 E สมาร์ทแค็บ 4WD สีเมทัลลิก ราคา 689,000 บาท
3.0 E สมาร์ทแค็บ (พรีรันเนอร์ ABS) ราคา 685,000 บาท
3.0 E สมาร์ทแค็บ (พรีรันเนอร์) ราคา 656,000 บาท
3.0 G สมาร์ทแค็บ สีเมทัลลิก ราคา 688,000 บาท
2.7 G สมาร์ทแค็บ เกียร์อัตโนมัติ เครื่องเบนซิน ราคา 669,000 บาท
2.5 G สมาร์ทแค็บ สีเมทัลลิก ราคา 653,000 บาท
3.0 E สมาร์ทแค็บ สีเมทัลลิก ราคา 629,000 บาท
2.5 E สมาร์ทแค็บ สีเมทัลลิก ราคา 605,000 บาท

ไฮลักซ์ วีโก้ Smart Cab ใหม่ เทคโนโลยีเพื่อขีดสุดแห่งความสะดวกสบาย

๐๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๑

มันส์สุดขีดกับVIGO STUNT SHOWในงานVIGO SMART WORLD ON TOUR







มันส์สุดขีดกับVIGO STUNT SHOWในงานVIGO SMART WORLD ON TOUR


เตรียมกล้องถ่ายรูป,กล้องวีดีโอและตัวคุณให้พร้อม เพราะความยิ่งใหญ่กำลังจะมาหาคุณ
ในงานVIGO SMART WORLD ON TOUR

พบกับกิจกรรมมากมายไม่ว่าจะเป็น

  • วีโก้ท้าโหลด การแข่งขันบรรทุกของบนรถกระบะไฮลักซ์วีโก้
  • ดวลไมค์เสียง การแข่งขันร้องเพลงระดับประถมศึกษาปี่ที่4-6และมัธยมศึกษาปีที่1-6
  • ประชันไอเดียสมาร์ท ประกวดไอเดียโดนๆ ใช้รถวีโก้แบบสมาร์ท คว้ารางวัลใหญ่
  • โชว์ตลก ฮากันให้สนั่นกับเหล่าบรรดาศิลปินตลก ที่มาสร้างความบันเทิง

และพลาดไม่ได้กับการกลับมาอีกครั้งในรอบ10ปีของสตั้นท์แมนระดับฮอลลีวู้ด

ที่เคยสร้างยิ่งใหญ่มาแล้วในรอบ10ปี โดยทีมงานสตั้นท์แมนจากประเทศฝรั่งเศส

ซึ่งจะใช้รถกระบะ ไฮลักซ์ วีโก้ สมาร์ท แค็บมาโชว์สมรรถนะและเทคโนโลยีเพื่อขีดสุดแห่งความสดวกสบาย

พบกับความยิ่งใหญ่ตามตารางดังต่อไปนี้

วันที่ สถานที่

5 พฤศจิกายน 2551 พิษณุโลก (กองบิน 46)

8 พฤศจิกายน 2551 เชียงใหม่ (ลานม่วนใจ๋ เซ็นทรัลแอร์พอร์ต)

12 พฤศจิกายน 2551 แพร่ (สนามบินแพร่)

19 พฤศจิกายน 2551 เพชรบุรี (สนามหน้า บขส. ข้างวัดถ้ำแก้ว)

22 พฤศจิกายน 2551 นครปฐม (ลานหน้าแมคโคร นครปฐม)

26 พฤศจิกายน 2551 สุพรรณบุรี (ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง สุพรรณบุรี)

29 พฤศจิกายน 2551 ชลบุรี (สนามหน้าศาล จังหวัดชลบุรี)


อย่าพลาด! งานนี้ถ้าใครพลาดคงต้องรอกันอีก!

๐๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๑

Lexus IS 250














Lexus IS 250

มร.มิทซึฮิโระ โซโนดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วย นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส นายนิกร ประเสริฐสม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
ร่วมแถลงข่าวแนะนำรถยนต์สปอร์ตซีดานหรู เลกซัส IS250 ใหม่เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ศกนี้
ณ ห้องคริสตัลฮอลล์ แอทธินีทาว์เวอร์ กรุงเทพฯ
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำรถยนต์สปอร์ตซีดานคันหรู เลกซัส IS250 ใหม่ หลังจากที่
ประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวในประเทศญี่ปุ่น และ
สหรัฐอเมริกาโดยได้รับการตอบรับด้วยยอดขายมากที่สุดติดอันดับ
ท๊อปเท็น ในกลุ่มตลาดรถยนต์หรู ด้วยยอดขายหลังการเปิดตัวถึง 49,000 คัน
มร. มิทซึฮิโระ โซโนดะ กล่าวว่า “เลกซัส IS250 รุ่นนี้ เป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 หลังจากที่ได้มีการแนะนำครั้งแรกในเมืองไทยในปี พ.ศ. 2549 โดย IS250 นี้จะเป็นมาตรฐานใหม่ในตลาดรถยนต์หรู ด้วยความเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำอนาคต ประสานกับความลงตัวทางด้านดีไชน์ L-finesse อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเลกซัส ทำให้ IS250
จะเป็นผลิตภัณฑ์หลักของเลกซัส ในการทำตลาดรถยนต์หรูในเมืองไทย โดยตั้งเป้าหมายในอนาคตที่จะทำให้ IS250 ครองตลาดรถยนต์ระดับหรูเมืองไทย เช่นเดียวกับที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงการยกระดับมาตรฐานการบริการให้ทั่วถึงมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับ ลูกค้าเลกซัส โดยทางบริษัทฯ มีแผนการที่จะจัดตั้ง
ศูนย์บริการรถยนต์เลกซัส Exclusive Service Corner อย่างเป็นทางการ
ณ โชว์รูมโตโยต้าใน 5 จังหวัดใหญ่ ทั่วประเทศ”
เลกซัส IS250…สปอร์ตซีดานอัจฉริยะสุดหรูเลกซัส IS250 ใหม่ มี
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้แนวคิด “Nothing Impossible” หรือ “ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้” ให้เกิดขึ้นกับ
เลกซัส IS250 โดยการนำเทคโนโลยีการผลิตที่ก้าวหน้าและความพิถีพิถันของมืออาชีพ
เฉพาะทางมาผสมผสานไว้เป็นหนึ่งเดียวอย่างลงตัว
นายนิกร ประเสริฐสม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวแนะนำ เลกซัส IS250 ใหม่ว่า “IS250 ส่งตรงจากสายพาน
การผลิตโรงงานเลกซัส ทาฮาร่า ซึ่งวิศวกรมีแรงบันดาลใจให้เป็นยานยนต์ระดับหรูอย่างสมบูรณ์แบบ
โดยใช้การผสมผสานกันระหว่าง นวัตกรรมทางด้านเทคนิคการผลิตด้วยวิศวกรรมการผลิตที่ล้ำสมัย
โดยใช้ วิศวกรรมทางดิจิตอล (Digital Engineering) และ การใช้หุ่นยนต์ระดับสูง (Pioneering Robotics)
ในการผลิต เพื่อความสามารถในการควบคุมการผลิตให้เกิดผลลัพธ์ที่แม่นยำ
และ เที่ยงตรง ก่อให้เกิดประสิทธิภาพทางการผลิตได้อย่างชัดเจน เพื่อให้“เลกซัส IS250”
เป็นยานยนต์หรูสปอร์ต ระดับพรีเมียม ที่มีเอกลักษณ์แห่งความเป็นหนึ่งเดียว”
นายนิกรยังกล่าวแนะนำต่อไปอีกว่า “จุดเด่นของโรงงานทาฮาร่า
คือการใช้ช่างฝีมือที่มีทักษะและความชำนาญระดับสูงทางด้านการผลิต หรือ “Craftsmanship”
ซึ่งโรงงานแห่งนี้ มีการแบ่งระดับช่างฝีมือ (Takumi) ที่ได้ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีจนเรียกว่าอยู่ใน
ระดับ Hands of God หรือ หัตถ์แห่งพระเจ้า ที่สามารถใช้ทักษะความประณีตจากประสาทสัมผัสทั้งห้า
ในการควบคุมและปรับปรุงการผลิตอย่างละเอียด ประกอบกับความตั้งใจและเอาใจใส่
ทำให้สามารถตรวจสอบ และรับรู้ถึงความผิดปรกติ และส่วนต่างอันไม่สามารถวัดค่าได้ด้วยเครื่องวัดใด ๆ
และสามารถทำการแก้ไขจุดบกพร่องต่าง ๆ ได้
นับเป็นการผลิตที่ละเอียดถี่ถ้วนและก่อให้เกิดคุณภาพมาตรฐานระดับ เลกซัส”
การพัฒนาของเลกซัส IS250 ใหม่ภายใต้มาตรฐานการผลิตที่เหนือระดับ
เกิดขึ้นภายใต้แนวคิดพื้นฐาน อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ของ IS250 ดังนี้
ความเป็นเอกลักษณ์ ของ Lexus – ด้วยความลึกซึ้งทางด้านดีไซน์
ทั้งภายในและภายนอกภายใต้ปรัชญาการออกแบบที่โดดเด่น L-finesse อันเป็นเอกลักษณ์ที่น่าภูมิใจ
และสุขใจในการเป็นเจ้าของ
ความเป็นสปอร์ต และขับขี่เร้าใจ – ด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นสปอร์ตมากขึ้นทั้งภายในและภายนอก
พร้อมเครื่องยนต์ Advanced 2500 ซีซี V6 Direct-Injection Stoichiometric D-4 ที่ล้ำหน้า
และเต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะสูงกว่าเครื่องยนต์ขนาดเดียวกัน พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
พร้อม Paddle Shift ใหม่ที่สามารถควบคุมการเปลี่ยนจังหวะเกียร์ได้จากตำแหน่ง D ทันที
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี – ด้วยความก้าวล้ำในการออกแบบให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ต่ำสุดที่ 0.26
และความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีในการเก็บเสียง ทำให้เสียงรบกวนเข้ามาในห้องโดยสารอยู่ในระดับต่ำสุดพร้อม
ระบบกระจกหน้าต่างควบคุมความเร็ว สามารถควบคุมการเคลื่อนตัวของหน้าต่างในการเริ่มต้นและสิ้นสุด
เพื่อกันการส่งเสียงรบกวนแก่ผู้โดยสารอย่างต่ำที่สุด และเต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับสูง
ระบบรวมศูนย์การสั่งการควบคุม VDIM ( Vehicle Dynamics Integrated Management)
ระบบจัดการไดนามิคของตัวรถ ที่จะควบรวมการควบคุมของการเบรก กำลังเครื่องยนต์
และการควบคุมพวงมาลัยอย่างอัจฉริยะและสมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยที่สุดในโลก
ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าอัจฉริยะ EPS (Electric Power Steering) – สามารถตอบสนองเพื่อความสมดุลย์ในการขับขี่
ควบคู่ไปกับระบบควบคุมความปลอดภัยอัจฉริยะ VDIM โดยจะช่วยออกแรงตาม หรือ
สวนทางการหักพวงมาลัยเพื่อลดแรงหมุนของรถ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ง่ายขึ้น ความหรูหราเหนือระดับ
– ด้วยการใช้วัสดุคุณภาพสูง และใส่ใจแม้เพียงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ บ่งบอกถึงความหรูหราเหนือระดับ
อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเลกซัส อาทิ ระบบเครื่องเสียงคุณภาพสูง Mark Levinson Surround Sound System อุปกรณ์ระบายอากาศในเบาะหน้า และ เบาะหนังแท้หรูหรา ตามมาตรฐานที่เหนือระดับของเลกซัส
จากแนวคิดพื้นฐานของการพัฒนาเลกซัส IS250 ทำให้เลกซัส IS 250 สามารถสร้างความประทับใจและความสบายใจ
ในทุกสัมผัสสำหรับการขับขี่ พร้อมกับให้ลูกค้าได้มีช่วงเวลาแห่งสุนทรียภาพในการขับขี่ และมีความสุข
ไปกับคุณภาพชีวิตเหนือระดับ ประกอบกับ ความอิ่มเอิบใจ และ ความสุขใจของผู้ครอบครอง
นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส กล่าวถึงกลยุทธ์ทางการตลาดของเลกซัส IS250 ใหม่นี้ว่า “เลกซัส IS250 ใหม่ เป็นสปอร์ตซีดาน ที่พร้อมทั้งความหรูหรา และสมรรถนะการขับขี่อันเร้าใจสไตล์สปอร์ต สะท้อนความเป็นสปอร์ตซีดานหรู อัจฉริยะ หรือ INTELLIGENT SPORTS SEDAN อย่างชัดเจน สิ่งเหล่านี้ได้ นำเสนอต่อลูกค้าภายใต้แนวคิดในการสื่อสาร “WHEN REFINEMENT MEETS POWER” หรือ “ความลงตัวที่สมบูรณ์แบบ”
โดยกลุ่มเป้าหมายของ IS250 จะเป็นผู้บริหารคนรุ่นใหม่ อายุระหว่าง 25 – 35 ปี ที่มีจุดมุ่งหมายในชีวิตที่ชัดเจน
แตกต่าง และกล้าแสดงออก โดยตั้งเป้าหมายการขายในปีแรก ไว้ที่ประมาณ 220 คัน”
เลือกเป็นเจ้าของความเรียบ หรู ในทุกรายละเอียดได้ 6 สี
Silver Mica Metallic
Dark Grey Mica
Bluish Pearl Crystal Shine
White Pearl Crystal Shine
Black
และ สีใหม่ Blonde Mica Metallic
ด้วยราคา
Premium Package พร้อมหลังคามูนรูฟ 3,550,000 บาท
Premium Package 3,450,000 บาท
Luxury Package 3,050,000 บาท

พบกับเงื่อนไขการรับประกัน พิเศษสุดเพื่อลูกค้า IS250 ใหม่ และลูกค้า LS460 และ GS300 ทุกท่าน เงื่อนไขการรับประกันใหม่ 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง เพิ่มความมั่นใจสูงสุดให้กับเจ้าของรถยนต์เลกซัส ซึ่งไม่จำกัดแค่ลูกค้า IS250 ใหม่ เท่านั้น ยังรวมถึง ลูกค้าเลกซัส LS460 และ GS300 ทุกท่าน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
พร้อมนำเสนอประสบการณ์อันน่าประทับใจ สำหรับผู้ครอบครอง “เลกซัส IS250”โดย
ผู้แทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการทั้ง 3 แห่ง

บริษัท เล็กซ์ซัส กรุงเทพ จำกัด
58 ถ.ริมคลองแสนแสบ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10320โทรศัพท์ 0-2716-8999
บริษัท เลกซัส สุขุมวิท จำกัด 1/1
ถ.สุขุมวิท 18 คลองเตย กรุงเทพฯ 10110 โทรศัพท์ 02-260-8123
บริษัท เลกซัส ออโต้ซิตี้ จำกัด
14/459 ม.4 ถ.รามอินทรา กม.2 อนุสาวรีย์ บางเขน กรุงเทพฯ 10220โทรศัพท์ 0-2521-1111

และเตรียมพบกับ ศูนย์บริการรถยนต์เลกซัสอย่างเป็นทางการ Lexus Exclusive Service Corner ณ โชว์รูมโตโยต้าใน 5 จังหวัดใหญ่ ทั่วประเทศได้ในเร็ว ๆ นี้ – เชียงใหม่ อุบลราชธานี ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี และ ภูเก็ต