AUTO THAILAND's Fan Box

AUTO THAILAND on Facebook

Facebook Fanpage QR Code

qrcode

เจอกันที่ใหม่ จัดเต็มกว่าเดิม!

๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๒

Vovol เปิดตัว XC60ครั้งแรกของโลกกับรถหยุดเอง!!!!!!





วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) เปิดศึกบุกตลาดรถยนต์ครอสโอเวอร์ ส่ง วอลโว่ XC 60 ใหม่ สุดยอดรถยนต์ข้ามสายพันธุ์สำหรับคนรุ่นใหม่ลงตลาดไทย ประกาศยกระดับนวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยในรถยนต์ขึ้นอีกขั้นกับการแนะนำ “City Safety” ครั้งแรกของโลกและระบบความปลอดภัยแบบเต็มพิกัด

มร. พอล สโตคส์ ประธาน บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ในฐานะที่เราเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกของโลกที่ได้นำเสนอ “City Safety" เทคโนโลยีอัจฉริยะนี้ให้เป็นคุณสมบัติมาตรฐานทั่วโลก เราขอยืนยันว่า วอลโว่ XC60 ใหม่ล่าสุดเป็นรถยนต์ที่ปลอดภัยมากที่สุดเท่าที่วอลโว่เคยผลิตมา รถรุ่นนี้เปี่ยมไปด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีความปลอดภัยที่วอลโว่พัฒนาและ สร้างสมมาตลอด 82 ปี และดีไซน์ล้ำสมัยที่ใกล้เคียงกับรถต้นแบบที่เราเคยนำมาโชว์ที่กรุงเทพฯ แล้วเมื่อเดือนพฤษภาคม 2550 เรามั่นใจว่าด้วยรูปลักษณ์ทันสมัยถูกใจคนเมือง วอลโว่ XC60 จะเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในประเทศไทย”

อลโว่ XC60 เป็นรุ่นแรกของวอลโว่ที่ถูกพัฒนามาเพื่อเจาะตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ระดับพรี เมี่ยมซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเจาะเซ็กเมนต์กลุ่มรถยนต์ครอสโอเวอร์ขนาดกลาง เพราะ วอลโว่ XC60 เป็นรถข้ามสายพันธุ์ที่ผสานจุดเด่นของรถยนต์นั่งสำหรับคนเมือง กับรถยนต์ครอสคันทรีที่บุกได้ทุกสภาพถนนเข้าด้วยกัน

นวัตกรรมความปลอดภัย
วอลโว่ยังคงรักษาความเป็นผู้นำด้านความปลอดภัย โดยได้แนะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมความปลอดภัยใหม่เป็นครั้งแรกของโลกหลาย ประการ นำโดย “ซิตี้เซฟตี้” นวัตกรรมอัจฉริยะที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถลดหรือหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะเกิด อุบัติเหตุที่มักเกิดขึ้นบนท้องถนนในเมืองเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำหรือรถ ติดๆ ได้อย่างน่าทึ่ง

ระบบ “City Safety” จะวัดระยะห่างจากรถคันหน้า เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำในเมือง และหากระยะห่างจากรถคันหน้าน้อยเกินไปจนถึงระดับที่อาจเกิดอุบัติเหตุ นวัตกรรมนี้ก็จะเบรกตัวเอง เพื่อป้องกันไม่ให้ชนท้ายคันหน้า

ระบบ ความปลอดภัยอื่นๆ ที่ติดตั้งมาใน วอลโว่ XC60 ได้แก่ ระบบรั้งเข็มขัดนิรภัยล่วงหน้าซึ่งทำงานประสานกับระบบความปลอดภัยของรถทั้ง คัน หรือ Pre-Prepared Restraints ที่จะปรับระดับความตึงของเข็มขัดนิรภัยและถุงลมนิรภัยให้เหมาะกับแรงกระแทก ที่อาจเกิดขึ้นจากการชนด้านหน้ารถ และระบบเตือนเพื่อป้องกันการชนและช่วยในการหยุดรถอัตโนมัติ Collision Warning with Auto Brake ที่จะเตือนผู้ขับขี่ล่วงหน้าหากระยะห่างจากรถคันหน้าลดลงกระทันหัน

นอก จากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ ระบบ Hill Descent Control ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและผ่อนภาระของผู้ขับขี่ในการขึ้นลงเนินลาดชัน ทำให้ผู้ขับขี่สามารถตั้งสมาธิกับการบังคับรถได้ดีขึ้นทั้งในเรื่องความเร็ว และรักษาระดับความเร็วให้คงที่ ระบบ ควบคุมแชสซีและ Four-C ระบบช่วงล่างปรับเปลี่ยนได้ ซึ่งจะติดตามดูการทำงาน การทรงตัวของรถ และให้ผู้ขับขี่สามารถปรับเปลี่ยนระบบการทำงานของแชสซีให้เหมาะสมกับสภาพถนน ในขณะนั้น และระบบพวงมาลัยที่ปรับเปลี่ยนตามความเร็วของรถที่ช่วยจอดได้ง่ายขึ้น

ดีไซน์เท่สะกดทุกสายตา
วอ ลโว่ XC60 ได้รับการออกแบบมาให้สอดคล้องกับรสนิยมหนุ่มสาวชาวเมืองใหญ่ที่มีสไตล์และ
ใช้ชีวิตที่ไม่หยุดนิ่ง โดยเพิ่มกลิ่นอายความเป็นรถครอสคันทรีให้เข้มข้นขึ้น สะท้อนตัวตน
บุคลิกที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร
และความมั่นใจของผู้ขับขี่ได้อย่างชัดเจน


เมื่อ มองจากด้านหน้า จะเห็นกระจังหน้ารูปสี่เหลี่ยมคางหมูที่สื่อถึงความแกร่งแบบรถยนต์ครอสคันทรีและความมั่นใจได้อย่างเต็มเปี่ยม ไฟหน้าโค้งโอบไปด้านข้างสะท้อนเอกลักษณ์การออกแบบรูปตัววีที่เป็นดีเอ็นเอใน ด้านการออกแบบของวอลโว่ ส่วนตัวถังดูแกร่งปราดเปรียวแบบนักกีฬาด้วยตัวรถที่สูงจากพื้นมากขึ้น ล้อขนาดใหญ่ที่เปี่ยมพลังและมัดกล้ามที่แข็งแรงแบบครอสคันทรีพันธุ์แท้

ด้าน ท้ายรถ วอลโว่ XC60 มาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่ทันสมัยสะดุดตา ดวงไฟ LED ที่ติดตั้งด้านท้ายรถออกแบบมาให้สื่อถึงพลังแรง และมัดกล้ามที่แข็งแกร่งแบบรถยนต์ครอสคันทรี และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของวอลโว่ที่ได้ออกแบบให้ไฟท้ายทำหน้าที่ไฟ เบรกด้วย ซึ่งหมายความว่าไฟที่ไหล่ทั้งสองด้านจะสว่างขึ้นเมื่อเบรก ส่งผลให้ วอลโว่ XC60
โดดเด่นด้วยความแข็งแกร่ง เตะตามากยิ่งกว่าเดิม


ภาย ในตัวรถได้รับการออกแบบในทุกรายละเอียดให้สื่อถึงความเคลื่อนไหวพุ่งทะยานไป ข้างหน้า
และได้เลือกใช้วัสดุและสีที่ที่มีความแตกต่าง ขัดแย้งกัน เบาะนั่งออกแบบมาให้นั่งสบาย มองเห็นวิวได้ชัดเจนรอบด้าน
มีสีให้เลือกมากมายหลายเฉด สีไฮไลต์ในวอลโว่ XC60 ก็เป็นเฉดสีใหม่ เขียวเลมอนกรีนที่เตะตาแลดูทันสมัย


วอลโว่ XC60 มีให้เลือกถึง 7 สี ได้แก่ ไอซ์ไวท์ แบล็คแซฟไฟร์ อิเล็คทริคซิลเวอร์ เมเปิลเรด ออริโนโคบลู ไลม์กราสกรีน และเทอรราบรอนซ์

รื่นรมย์ทุกเส้นทางกับสุดยอดเครื่องเสียง
วอ ลโว่ XC60 ถูกออกแบบมาให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองทันสมัย จึงมีบรรยากาศภายในห้องโดยสารที่น่ารื่นรมย์ ด้วยเครื่องเสียงระดับพรีเมี่ยมเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรุ่นที่จำหน่ายใน ประเทศไทย โดยติดตั้งเครื่องเสียง High Performance Sound แบบ 4x40 วัตต์ พร้อมลำโพง 8 ตัว รองรับไฟล์เพลง MP3 และ WMA CD รวมทั้งยังมีช่องสำหรับเสียบอุปกรณ์พกพาได้เช่น เครื่องเล่น MP3

พลังสะอาดเพื่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับ ในประเทศไทย เครื่องยนต์ D5 อลูมิเนียมน้ำหนักเบาของวอลโว่สามารถเติมน้ำมันไบโอดีเซล B5 ได้
และยังคงให้พลังแรงน่าประทับใจกับ 185 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตรต่อเนื่องทุกรอบเครื่องยนต์
นอกจากนี้ยังกินน้ำมันน้อยแต่ตอบสนองดี เร่งแซงทันใจ


งานเปิดตัวผสานความตื่นตาจากสองไลฟ์สไตล์
ใน การฉลองการเปิดตัวของวอลโว่ XC60 วอลโว่ได้เนรมิตลานจอดรถของโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์
เซ็นทรัลเวิลด์ให้เป็นงานปาร์ตี้สุดฮิป ที่ผสานทั้งสองไลฟ์สไตล์ คือ ทันสมัยและผจญภัยเข้าด้วยกันในทุกส่วนของงาน
ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่ง เพลงที่เลือกสรร และบรรยากาศในงาน
ผู้ที่สนใจ สามารถชมและสัมผัสกับ วอลโว่ XC60 ได้ที่โชว์รูมใกล้บ้าน และเป็นเจ้าของได้ในราคา 3,999,000 บาท

๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๒

มาสด้ารุกตลาดปิกอัพ จับ บีที-50 ปรับโฉมใหม่ พร้อมเปิดตัวรุ่น Lux "คุ้ม




มาสด้ารุกตลาดปิกอัพ จับ บีที-50 ปรับโฉมใหม่ พร้อมเปิดตัวรุ่น Lux "คุ้ม

มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด รุกตลาดปิกอัพไม่สนเรื่องเศรษฐกิจที่ตกต่ำส่ง เปิดตัวรถสปอร์ตปิคอัพขับสนุกอย่าง มาสด้า บีที-50 ใหม่ พร้อมเปิดตัวรุ่น Lux "คุ้ม" พร้อมกันนี้”มาสด้าบีที-50 ใหม่”ได้เสริมไลน์ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ แบบยกสูง ดับเบิ้ลแค็ป หรือรุ่น Hi-Racer+ เป็นเจ้าของด้วยราคาเพียง 752,000 บาท และยังเสริมด้วยรุ่นฟรีสไตล์แค็ป หรือแค็ปเปิดได้ ที่สามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 522,000 บาท พร้อมจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดด้วยโปรโมชั่น "มาสด้า แฮปปี้ เฟสติวัล"กระตุ้นยอดขายในช่วงโลว์ซีซั่น


มาสด้าบีที-50ใหม่ เท่ แบบ รถสปอร์ต
เสริมความเป็นสปอร์ตแบบเต็มพิกัด ด้วยกันชนหน้าดีไซน์ใหม่สีเงิน กรอบไฟตัดหมอกสปอร์ตสีเงิน กรอบครอบฝาปิดถังน้ำมันแบบโครเมี่ยม บันไดข้าง และกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัวแบบใหม่ รวมทั้งสติ๊กเกอร์ Hi-Racer และ Hi-Racer+ ออกแบบใหม่ เพิ่มความมีเอกลักษณ์สปอร์ตเฉพาะตัว เป็นรถกระบะที่โฉบเฉี่ยว ขับสนุกเร้าใจสไตล์ "ซูม-ซูม" รวมถึงเครื่องยนต์อันทรงพลัง เพาเวอร์ คอมมอนเรล ที่มาพร้อมระบบช่างล่างอัจฉริยะ DE-S (Dynamic Enhanced Suspension System) ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม ทั้งนี้ รถสปอร์ตปิคอัพมาสด้า บีที-50 ใหม่ Lux "คุ้ม" ยังสามารถรองรับพลังงานทดแทนเติมน้ำมันไบโอดีเซล B5

หนึบทุกโค้งด้วยช่วงล่างแบบ DE-S
ช่วงล่างอัจฉริยะ DE-S (Dynamic Enhanced Suspension System) ของมาสด้า บีที-50 ใหม่ Lux "คุ้ม" ได้รับการออกแบบและปรับแต่ง โดยทีมวิศวกรรถสปอร์ตของมาสด้า จึงถ่ายทอดความรู้สึกการขับขี่แบบรถสปอร์ตได้อย่างเหนือชั้น ความเหนือชั้นของระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DE-S พร้อมเหล็กกันโคลงหน้าและหลัง ชุดแหนบยาวกว่าถึง 1,320 มม. โช้คอัพใหญ่ถึง 32 มม. และเฟรมแชสซีแบบซ้อนกัน พร้อมคานขวางแบบขั้นบันได ช่วยให้สมรรถนะการขับขี่ทั้งแน่น และหนึบในทุกสภาพถนน แม้ในขณะเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ สามารถดูดซับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี ไม่เสียการทรงตัวขณะเบรก ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ ที่มาพร้อมระบบเบรก ABS 4 ล้อ และระบบกระจายแรงเบรก EBD รักษาความสมดุลในการ
ยึดเกาะถนนได้ดีแม้ขณะบรรทุกของหนัก ลูกค้าที่ใช้ทุกคนล้วนประทับใจในคุณภาพและความปลอดภัย

สำหรับราคา มาสด้าบีที-50 ใหม่ นั้นสามารถเป็นเจ้าของใน
สำหรับรุ่น "ฟรีสไตล์แค็ป" 4x2 ราคาเริ่มต้นเพียง 522,000
4x2 ยกสูง Hi-Racer ราคาเริ่มต้นเพียง 619,000 บาท
รุ่นดับเบิ้ลแค็ป 4 ประตู ราคาเริ่มต้นเพียง 583,000 บาท"

นอกจากนี้ มาสด้ายังมีแคมเปญต้อนรับหน้าฝนกับแคมเปญ "Mazda Happy Festival" โดยให้ลูกค้าที่จองและออกรถยนต์มาสด้าทุกรุ่น รับสิทธิ์ลุ้นรับเงินดาวน์คืนสูงสุดรางวัลละ 200,000 บาท รวม 6 รางวัล และโทรศัพท์มือถือ โนเกีย เอ็กซ์เพรสมิวสิคถึง 100 เครื่อง สำหรับลูกค้าที่ทดลองขับรถมาสด้าทุกรุ่น รับฟรีทันที สตาร์บัคส์การ์ด หรือบัตรกำนัลสเวนเซ่นส์ มูลค่า 150 บาท หรือร่ม ซูม-ซูม ท้าฝน มูลค่า 150 บาท วันนี้ถึง 31 กรกฎาคมศกนี้ ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ


๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๒

Honda เปิดตัวB.O.Project ขณะที่Yamaha สวนหมัดปล่อยFinoสไตล์ลิ่งใหม่


ศึกสองล้อได้ดุเดือดขึ้นเมื่อฮอนด้าเปิดตัวรุ่นพิเศษสำหรับClick-iและAirblade- iนั้นก็คือB.O.Project
( black & orange )ในขณะที่เจ้าพ่ออโต้อย่างยามาฮ่าได้เปิดตัวฟีโน่ใหม่


ยามาฮ่าลุยเปิดตัว ฟีโน่ ตอกย้ำความเป็นผู้นำออโตเมติกตัวจริง รุกตลาดด้วยสไตลิ่งใหม่
พร้อมอัดแคมเปญใหม่ My FINO My Experience โดนใจไลฟ์สไตล์วัยรุ่นทั้งประเทศ
พร้อมส่งโฆษณาชุดใหม่ อิมปอร์ต ซูเปอร์จูเนียร์ ประกบ กอล์ฟ ไมค์ และ สิงโต เดอะสตาร์ ควบฟีโน่โชว์โจ๋ไทย
พร้อมแคมเปญใหม่ในชื่อ My FINO, My Experience

เน้นสไตล์ที่โดดเด่น มีความชื่นชอบ และสนุกกับการขับขี่ฟีโน่ นอกจากในชีวิตประจำวันแล้ว
ยามาฮ่าต้องการเชิญชวนให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกอยากขับขี่รถจักรยานยนต์ท่องเที่ยวทั่วไทย
สร้างให้เกิดวัฒนธรรมการขับขี่อย่างมีความสุข ซึ่งการเดินทางแต่ละครั้ง เชื่อว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ ประทับใจในทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเพื่อน ๆ หรือคนรู้ใจ ไปพร้อมกับฟีโน่


สำหรับ ภาพยนตร์โฆษณาครั้งนี้ เน้นการเดินทางท่องเที่ยวไปกับรถฟีโน่ของกลุ่มศิลปินซูเปอร์จูเนียร์ โดยมีเจ้าบ้าน กอล์ฟ ไมค์ และมี สิงโต เดอะสตาร์ มาร่วมเป็นผู้นำเที่ยว ช่วยสร้างความสนุกสนาน และประสบการณ์ใหม่ ๆ โดยโฆษณาเรื่องแรกที่จะออกอากาศนี้ เป็นการท่องเที่ยวแถบภาคเหนือ ส่วนเรื่องต่อไปสามารถติดตามชมได้ในเร็ว ๆ นี้

ยา มาฮ่า ฟีโน่ โฉมใหม่ มี 3 สไตล์อย่าง Fino Premium มี 2 สี สีน้ำตาล-ขาว และ สีน้ำเงิน-ขาว พร้อมลายกราฟิคหรู ฝาครอบเรือนไมล์ สไตลิ่งการขับขี่ที่นุ่มนวล Fino Fashion มี 2 สี สีชมพู-ขาว และสีเขียว-ขาว กราฟิคใหม่สไตล์ Vintage โดนใจวัยจี๊ด ลายกราฟิคแนว Art Motif กระแสฮิตวัยรุ่น สไตล์ชิว ๆ Fino Disco มี 2 สี สีดำ-เขียว-ขาว และ สีดำ-ส้ม-ขาว ความสนุกใหม่ในแบบยุค Seventy สไตล์ Retro POP จังหวะใหม่ของกราฟิคดิสโก้ Modern ด้วยคู่สีใหม่เปรี้ยวจี๊ด
พร้อมกราฟิคเรือนไมล์ดีไซน์ใหม่กิ๊ก










ขณะที่ฮอนด้าเดินหน้าเร่งนำเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความสนุกกับรถหัวฉีด เพื่อสร้างความต่อเนื่องแคมเปญการตลาดชุดใหม่ “C’mon… LET’S HAVE FUN” หรือ “ได้เวลา...ฮอนด้าหัวฉีด” ที่เริ่มดำเนินการไปเมื่อเร็วๆ นี้
โดยล่าสุดเสริมตลาดรถ เอ.ที. เครื่องยนต์หัวฉีด PGM-FI สองรุ่นยอดนิยม แอร์เบลด ไอ และ คลิก-ไอ ที่มีลวดลายสีสันใหม่ อันเป็นการนำเสนอความสนุกผ่านทางตัวผลิตภัณฑ์ ภายใต้ “B.O. Project”
ที่เน้นดีไซน์สีสันอิงติดกับแฟชั่นคู่สีทันสมัย คือ “ดำ-ส้ม” หรือ “Black & Orange Edition”
การขยายเพิ่มผลิตภัณฑ์ลงสู่ตลาดในครั้งนี้ เป็นการเพิ่มลวดลายสีสันใหม่ให้กับรถเครื่องยนต์หัวฉีด PGM-FI รุ่นยอดนิยมแบบ เอ.ที. (Automatic Transmission) หรือแบบเกียร์อัตโนมัติ ได้แก่ ฮอนด้า แอร์เบลด ไอ (Air Blade i) และ ฮอนด้า คลิก-ไอ (Click-i) ซึ่งลวดลายสีสันใหม่ที่เพิ่มขึ้น ได้รับการสร้างสรรค์ภายใต้ “B.O. Project” หรือ “โปรเจ็คต์ซ่าของคนกล้าฉีกอย่างมีสไตล์” โดยเป็นลวดลายสีสันโดดเด่นที่มุ่งเน้นฉีกกฎกรอบความจำกัดเดิมๆ ด้วยการออกแบบให้อิงติดกับกระแสแฟชั่นล่าสุดคือ “ดำ-ส้ม”


สำหรับ ฮอนด้า แอร์เบลด ไอ และ คลิก-ไอ ที่มีลวดลายสีสันเพิ่มขึ้นใหม่แบบ “ดำ-ส้ม” หรือ “Black & Orange Edition” นั้น นับเป็นการนำเสนอความสนุกผ่านทางดีไซน์ของตัวผลิตภัณฑ์ที่มีความแปลกใหม่และ ทันสมัยของลวดลายสีสัน
โดย รุ่น แอร์เบลด ไอ มีภาพลักษณ์ใหม่ภายใต้เวอร์ชั่น Black Street ที่เน้นความหรูหราคมเข้ม และโดดเด่นในทุกมิติ ในขณะที่รุ่น คลิก-ไอ เน้นความโฉบเฉี่ยวเร้าอารมณ์ และสะดุดตาภายใต้เวอร์ชั่น Orange Sport

นอกเหนือจากลวดลายโทนสีแบบ ดำ-ส้ม แล้ว ทั้งฮอนด้า แอร์เบลด ไอ เวอร์ชั่น Black Street และฮอนด้า คลิก-ไอ เวอร์ชั่น Orange Sport ยังมีจุดเด่นสำคัญบนรูปโฉมที่ต่างกัน แต่มีแนวคิดออกแบบเหมือนกัน คือ
โคม ไฟหน้าเป็นดวงไฟคู่ใหญ่สีฟ้า เสริมรูปลักษณ์ให้สวยงามยิ่งขึ้น รวมทั้งให้แสงส่องสว่างรอบด้าน , หน้าปัดเรืองแสงสีส้มภายใต้กรอบโครเมี่ยมแบบสปอร์ต , เบาะนั่งออกแบบสีสันใหม่เป็นแบบทูโทนล้ำสมัย และ
ไฟท้ายเฉียบคมสไตล์ Blue Lens

รับกับช่วงท้ายโฉบเฉี่ยว พร้อมด้วยที่จับหลังที่มีดีไซน์ลงตัว

ฮอนด้า แอร์เบลด ไอ และ คลิก-ไอ สีสันใหม่ภายใต้ “B.O. Project” ในรูปแบบ Black & Orange Edition นั้น มีเครื่องยนต์เป็นแบบ 4 จังหวะ ขนาด 110 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำแบบ Built in Liquid Cooled ส่งผลให้เครื่องยนต์ระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ , ระบบส่งกำลังแบบ V-Matic Transmission ขับเคลื่อนด้วยสายพาน V-Belt เสริมใยเหล็ก ทำให้การขับขี่มีความคล่องตัวสูง รวมทั้งยังเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย ได้แก่
ระบบ Side Stand Switch ซึ่งเป็นสวิทซ์ตัดการทำงานของเครื่องยนต์ ติดตั้งอยู่ที่บริเวณขาตั้งข้าง
ทำหน้าที่ดับเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติเมื่อนำขาตั้งลง ป้องกันความพลั้งเผลอในการบิดคันเร่งระหว่างจอดรถ
และระบบ Parking Brake
หรือระบบล็อคล้อขณะจอดรถ ช่วยป้องกันไม่ให้รถลื่นไถล


และที่สำคัญ ได้รับการติดตั้งระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI ซึ่งมีคุณสมบัติทำให้เครื่องยนต์มีความประหยัดสูง เพิ่มสมรรถนะการขับขี่ และให้ไอเสียสะอาด ในขณะที่มีความทนทาน โดยมีการรับประกันอุปกรณ์ระบบหัวฉีดยาวนานถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร พร้อมมีการรองรับด้านชิ้นส่วนอะไหล่และการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพครอบ
คลุมทุกเขตพื้นที่ทั่วประเทศ

สำหรับฮอนด้า แอร์เบลด ไอ เวอร์ชั่น Black Street มีลวดลายสีดำ-ส้ม เป็นแบบล้อแม็ก-ดิสก์เบรกหน้า พร้อมด้วยระบบคอมบาย เบรก (Combi Brake) หรือระบบเบรกนิรภัยที่กระจายแรงเบรกให้สมดุลระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง
โดยใช้เพียงเบรกหลังเท่านั้น ซึ่งระบบนี้สามารถทำให้หยุดรถได้ในระยะทางที่สั้นลง ให้ความปลอดภัยสูง ส่วนฮอนด้า คลิก-ไอ เวอร์ชั่น Orange Sport มี 2 แบบ คือ แบบล้อแม็ก-ดิสก์เบรกหน้า-คอมบาย เบรก
ซึ่งมีลวดลายสีดำ-ส้ม และแบบล้อซี่ลวด-ดิสก์เบรกหน้า ที่มีให้เลือก 2 แบบสี คือ สีดำ-ส้ม และ สีขาว-ส้ม

โดยฮอนด้า แอร์เบลด ไอ เวอร์ชั่น Black Street มีราคาจำหน่าย 57,000 บาท ในขณะที่ฮอนด้า คลิก-ไอ เวอร์ชั่น Orange Sport มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 47,900 บาท ซึ่งจะวางจำหน่ายพร้อมกันตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. นี้

โฆษณา ยามาฮ่า ฟีโน่ ใหม่