ถึงเวลาที่ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ เปิดตัวซะที
ในที่สุด ฟอร์ด เซลล์(ประเทศไทย) ได้เปิดตัว ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไมเนอร์เชน กันซะที หลังจากกันนานหลายเดือนเลยทีเดียว
สก็อต เฟอร์เรียร์ ผู้จัดการฝ่ายออกแบบ ฟอร์ด ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา กล่าวว่า
"การออกแบบใหม่ในรถเอเวอเรสต์รุ่นปี 2009 ถูกปรับปรุงให้ดูหรูหรายิ่งขึ้น ขณะที่สมรรถนะ
และความคล่องตัวยังคงอยู่ภายใต้มาตรฐานชั้นยอดของฟอร์ด เอเวอเรสต์ เช่นเดิม เพียงแต่เราเติมสัมผัส
ของงานดีไซน์ที่ทันสมัยเพื่อทำให้รถดูดีมีสไตล์มากขึ้น โดยนำเอางานออกแบบใหม่ๆ
มาช่วยเสริมความแข็งแกร่งที่มีอยู่แล้วในฟอร์ด เอเวอเรสต์ ให้เด่นชัดยิ่งขึ้น"
" เป้าหมายในการออกแบบของเราคือการเสริมความแข็งแกร่งและพละกำลังที่มีอยู่ใน ฟอร์ด เอเวอเรสต์
ให้เด่นชัดยิ่งขึ้น" เฟอร์เรียร์ กล่าว "เราเชื่อว่ารายละเอียดเหล่านี้เข้ากันได้ดีกับความแข็งแรงและความทนทาน
ของ งานออกแบบตัวถัง ซึ่งจะทำให้ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ เป็นรถที่ดึงดูดใจยิ่งขึ้น
การออกแบบของฟอร์ดเอเวอเรสต์ใหม่นั้น ได้แนวคิดมาจากรถกระบะอย่าง"ฟอร์ด เรนเจอร์"
โดยเฉพาะกระจังหน้านั้นเป็นแบบ3แถบ พร้อมสลักตัวอักษรEVERESTโดยเชื่อมต่อกับฝากระโปรงหน้า ทรง Power Dome
ต่อเนื่องไปยังต่อเนื่องไปยังรูปทรงโฉบเฉี่ยวของไฟหน้า นอกจากนี้ แถบแนวนอนยังสื่อถึงความกว้างขวางของตัวรถ
และความมาดมั่น สะท้อนจิตวิญญาณของฟอร์ด เอเวอเรสต์ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและพร้อมทุกการผจญภัย
ไฟหน้าโปร่งใสได้รับการออกแบบให้ทนทานต่อแรงกระแทก พร้อมรายละเอียดของคิ้วไฟหน้า
ที่เน้นความหรูหราเช่นเดียวกับที่เห็นได้จากเครื่องแก้วคริสตัลชั้นดี กรอบไฟหน้าทำจากโครเมี่ยม
เชื่อมต่อกับกระจังหน้า ฝากระโปรง และรูปลักษณ์ "เรียบเนียน" ของบังโคลนที่ให้ความรู้สึกแกร่ง
ชุดโคมไฟตัดหมอกฝังอยู่ภายในกรอบที่เป็นตัวเรือนรูปร่างคล้ายปีกนกสีเงินขนาบสองข้างของ
กระจังหน้าด้านล่างในรุ่น LTD
ล้อขนาด 18 นิ้วที่เป็นมันวาวคือตัวเลือกสำหรับรถในรุ่นท็อป โดยซี่ล้อสีเงินวาวทั้ง 6 ซี่
ถูกออกแบบภายใต้แนวคิดแบบ 'ไร้ขอบ' แต่ละซี่สลักลวดลายเรียวแหลม (venturi shape)
พร้อมลงสีเทาเข้มทับพุ่งตรงไปตัดสีกับขอบยางใหญ่ขนาด 255/60R18 ล้อรุ่นนี้
เคยผ่านตาสาธารณชนกันมาแล้ว ในรถกระบะต้นแบบ เรนเจอร์ แมกซ์ โชว์ทรัค
ที่ในงาน Motor Expo 2008 เมื่อ เดือนธันวาคม 2008 ที่ผ่านมา
ส่วนล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วใหม่ภายใต้การออกแบบซี่ล้อแบบ 6 ซี่ที่เป็นเอกลักษณ์
คือล้ออัลลอยสำหรับรุ่นมาตรฐานที่เข้ากันกับยางขนาด P245/70R16
ตัวถังด้านข้างของฟอร์ด เอเวอเรสต์ เผยความโดดเด่นด้วยโป่งซุ้มล้อที่สะท้อนความแกร่ง
สื่อถึงจุดยืนด้านความสามารถในการควบคุมทิศทางระหว่างขับบนถนนและประสิทธิภาพ
ในการขับขี่แบบออฟโร้ด และเมื่อมองจากด้านข้าง กระจกเคลือบสีจางๆ เสริมภาพความพิเศษ
แบบเอ็กซ์คลูซีฟยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมี กาบตกแต่งเหนือบังโคลนสีเดียวกับตัวถังด้วย
มุมมองด้านข้างของฟอร์ด เอเวอเรสต์ ประกอบด้วยรายละเอียดสะดุดตามากมาย
แต่ละชิ้นส่วนเลือกใช้โทนสีของโลหะและโครเมี่ยมที่ตัดกันเพื่อทำให้เกิดผลลัพธ์
แบบเดียวกับการเปล่งประกายของ เครื่องประดับ ในโลกแห่งแฟชั่น
บังโคลนหน้าของฟอร์ด เอเวอเรสต์ โดดเด่นด้วยช่องระบายอากาศที่เป็นเอกลักษณ์ ล้อมรอบด้วย
กรอบสีเงินด้านรองรับตราสัญลักษณ์ของเอเวอเรสต์ที่เป็นตัวหนังสือสีดำบนพื้นโครเมี่ยมแฝงตาข่ายสีดำ
แร็คบรรทุกของบนหลังคา ช้วัสดุสีเงินด้านตัดกับก้านรองรับน้ำหนักสีดำ ความยาวของแร็คหลังคา
เริ่มต้นจากเบาะนั่งแถวหน้ายาวไปจรดส่วนท้ายของรถให้ความรู้สึกมีสไตล์และใช้ประโยชน์ได้จริง
อีกรายละเอียดที่น่าสนใจของฟอร์ด เอเวอเรสต์ คือบันไดข้างอลูมิเนียมที่ยื่นออกมาจากตัวรถแต่งลาย
เป็นร่องด้านบนเพื่อการรองรับที่มั่นคงและเพิ่มความสวยงาม ทั้งยังยกตัวขึ้นไปขนานกับกรอบล่างของประตูรถ
เพิ่มความกลมกลืนกับโป่งซุ้มล้อทั้ง 2 ด้าน ปลายบันไดหุ้มด้วยวัสดุสีไทเทเนียมตัดกัน
กระจกมองข้างตกแต่งด้วยรายละเอียดที่น่าสนใจและสามารถใช้งานจริง โดยกรอบกระจกด้านล้างใช้วัสดุสีดำด้าน
ขณะที่ส่วนบนเป็นโครเมี่ยมฝังไฟเลี้ยวในตัว และสำหรับรุ่น LTD บริเวณด้านล่างของก้านกระจกยังมีไฟส่องสว่าง
เพื่อความปลอดภัยขณะขึ้น-ลงในที่มืด โดยไฟจะทำงานอัตโนมัติเมื่อปลดล็อกประตูด้วยรีโมต คอนโทรล
กระจกหน้าต่างด้านหลัง แบบ 'โอบรอบ' ที่ชาญฉลาดทำให้เกิดความกลมกลืนแบบไร้รอยต่อจากมุมมองด้านข้าง
ของตัวรถไปถึงด้านหลัง เข้ากันกับไฟท้ายใหม่ที่ถูกยกให้สูงขึ้น ชิ้นส่วนที่มีประโยชน์ใช้สอยหลากหลายอันประกอบด้วย
ไฟส่องสว่างท้ายรถ ไฟเบรก และไฟเลี้ยว ได้รับการปกป้องภายในกรอบกระจกใสตัดขอบสีดำ ทุกชิ้นส่วน
ได้รับการออกแบบบางเฉียบเพื่อให้พื้นผิวของกรอบไฟกลมกลืนในระนาบเดียวกันกับกระจกด้านข้าง
ต่อเนื่องมายังกระจกหลัง ทำให้เกิดภาพลักษณ์ของกระจกใสที่โอบรอบรถทั้งคันเหนือแนวเส้นด้านข้าง (belt line)
ชุดไฟท้าย อยู่ในระดับสูง ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เห็นอย่างชัดเจน (ไฟเบรกดวงที่สามอยู่ตรงกลางด้านบนกระจกหลัง)
เทคนิคการออกแบบที่ให้ความรู้สึกกลมกลืนโอบล้อมรอบรถทั้งคัน (wraparound effect)
นับว่าเป็นทิศทางการออกแบบสำคัญ ในรถเอสยูวีของฟอร์ดที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด
ไม่ว่าจะเป็นร่องเล็กๆ บนไฟท้ายไปจนถึงการออกแบบตัวถังด้วยมุมตัดจากด้านข้าง
มายังท้ายรถอย่างแม่นยำ
นอกจากนี้ ยังมีองค์ประกอบสำคัญอื่นๆ ในการออกแบบท้ายรถใหม่ทั้งหมดของฟอร์ด เอเวอเรสต์ ประกอบด้วย
- ฝาครอบล้ออะไหล่บริเวณท้ายรถใหม่ที่สะดุดตายิ่งขึ้น ด้วยลวดลายภูเขาโดดเด่นไม่เหมือนใคร
เส้นสายในแนวนอนทั้งด้านบนและล่างเข้ากันได้ดีกับแนวเส้นด้านข้างตัวรถ
- มือจับประตูท้ายรถชุบโครเมี่ยมประดับตราสัญลักษณ์บลู โอวอล ของฟอร์ด
พร้อมไฟส่องสว่างป้ายทะเบียนรถที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง
- กันชนท้ายแบบสามชิ้นใหม่สีเดียวกับตัวรถ พร้อมกล้องมองหลังและไฟถอยหลัง กาบตกแต่งท้ายรถ
สีเดียวกับตัวรถเข้ากับกันชนท้ายอย่างสมส่วน โดยตกแต่งสัญลักษณ์เอเวอเรสต์อย่างโดดเด่น
"ส่วนประกอบทั้งหมดนี้ เมื่อเวลาที่ขับรถตามหลังรถคันนี้ คุณจะสังเกตเห็นจุดเด่นต่างๆ
ที่ทำให้รู้ได้ทันทีว่านี่คือ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่" เฟอร์เรียร์ กล่าว "แน่นอนว่านี่คือ ลุคใหม่ล่าสุด"
ขณะที่ห้องโดยสารของฟอร์ดเอเวอเรสต์นั้น ได้ถอดแผงคอนโซลหน้ามาจากฟอร์ด เรนเจอร์ แต่ใส่ลายไม้เพิ่มเข้ามาในแผงคอนโซลหน้า(เหมือนอีซูซุ มิว-7)
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ มีระบบปรับอากาศที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้โดยสารทั้ง 7 ที่นั่ง
ได้รับความเย็นสบายตลอดทั้งคัน ด้วยช่องแอร์เหนือศีรษะสำหรับผู้โดยสารในแถวที่สองและสาม
แผงควบคุมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในออกแบบมาอย่างทันสมัยและสะดวกต่อการใช้งาน พร้อม
ระบบนำทางผ่านดาวเทียมแสดงผลบนหน้าจอทัชสกรีนขนาด 6.5 นิ้ว พร้อมเครื่องเล่น DVD CD MP3 ของ ALPINE
ติดตั้งบริเวณคอนโซลกลางเพื่ออำนวยความสะดวกในการเลือกเส้นทางแก่ผู้ขับขี่
และยังมีจอติดตั้งบนเพดาน เพื่อให้ความบันเทิงแก่ผู้โดยสารในแถวที่สองและสาม
นอกจากนี้ บริเวณท้ายรถยังมีกล้องมองหลังแบบมุมกว้าง พร้อมแสดงผลบนหน้าจอ
แบบอัตโนมัติเพื่อความปลอดภัยในขณะถอยหลัง
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและพื้นที่ใช้สอยภายใน ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ได้รับการออกแบบอย่างชาญฉลาด
และยังมีถาดวางของเอนกประสงค์ที่รับน้ำหนักได้มากถึง 10 กิโลกรัม เพียงพอสำหรับการรับประทานอาหาร
ในรถหรือใช้วางเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา ขณะที่ช่องเก็บของบริเวณประตูถูกออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานมากขึ้น
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ เป็นเอสยูวีสำหรับครอบครัวรุ่นแรกและรุ่นเดียวในตลาด
ที่ติดตั้งถุงลมนิรภัย ทั้งด้านหน้าและด้านข้างจำนวน 4 ใบ
ถุงลมนิรภัยแบบ 2 จังหวะสำหรับที่นั่งด้านหน้าของคนขับ (ความจุ 45 ลิตร) และผู้โดยสาร (70 ลิตร)
ส่วนถุงลมนิรภัยด้านข้างขนาดความจุ 18 ลิตร สำหรับผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้าที่ได้รับการออกแบบมา
เพื่อปกป้องอันตรายที่อาจเกิดขึ้นบริเวณศีรษะและทรวงอกจากการชนด้านข้าง เสริมการทำงานกับเข็มขัดนิรภัย
แบบ 3 จุด โดคู่หน้าติดตั้งระบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner & Load Limiter)
ความปลอดภัยบริเวณตัวถังเกิดจากการทำงานของคานเหล็กนิรภัยกันกระแทกด้านข้าง
และคานของเสา A, B และ C-pillars ที่สามารถกระจายแรงจากการชนออกจากห้องโดยสาร
และช่วยลดแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของทั้งคนขับและผู้โดยสาร
อุปกรณ์ความปลอดภัยก่อนการชนที่ช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุให้แก่ผู้ขับขี่ประกอบ
ด้วยระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS)และระบบกระจายแรงเบรก (Electronic Brake force Distribution - EBD)
พร้อม G-sensor รวมทั้งระบบ LSPV (Load-sensingProportioning Valve)
ควบคุมแรงดันน้ำมันเบรกตามน้ำหนักบรรทุกเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรกเพื่อความมั่นใจสูงสุด ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ยังติดตั้งระบบป้องกันการโจรกรรม (Passive Anti-Theft System - PATS)
ที่มีการฝังชิพคอมพิวเตอร์ในกุญแจสตาร์ทซึ่งจะอ่านรหัสกุญแจกับตัวรถ ถ้ารหัสตรงกันจึงจะสตาร์ทได้
โดย PATS จะทำงานต่อเนื่องกับสัญญาณเตือนภัยบริเวณรอบตัวรถ
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ มาพร้อมทางเลือกของเครื่องยนต์ดูราทอร์ค คอมมอนเรล 16 วาล์วที่ให้การตอบสนองรวดเร็ว
ซึ่งต่างให้แรงบิดเหนือชั้นพร้อมประการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวล ทั้ง 2 ขนาด คือ
- เครื่องยนต์ DuraTorq คอมมอนเรล ขนาด 2.5 ลิตร 143 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุดที่ 330 นิวตัน-เมตร
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 8.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร (11.36 กม. /ลิตร)
เมื่อเติมน้ำมันเต็มถังจะวิ่งได้ระยะทาง 678 กิโลเมตร
- เครื่องยนต์ DuraTorq คอมมอนเรล ขนาด 3.0 ลิตร 156 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุดที่ 380 นิวตัน-เมตรที่ 1,800 รอบต่อนาที
รุ่น 4x4 พร้อมเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 9.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร (10.82 กม. /ลิตร)
เมื่อเติมน้ำมันเต็มถังจะวิ่งได้ระยะทาง 644 กิโลเมตร สูงกว่ารถเอนกประสงค์ในระดับเดียวกันมากกว่า 10%
ทำให้ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ได้เปรียบในด้านการตอบสนองที่รวดเร็ว และเป็นรถที่ขับสนุก ให้ความมั่นใจสูงสุด
ในการแร่งแซงบนท้องถนนและการรับมือกับสภาวะการขับขี่ แบบออฟโรด
(ความจุถังน้ำมันของฟอร์ด เอเวอเรสต์ อยู่ที่ 71 ลิตร)
ฟอร์ด เอเวอเรสต์รุ่นปี 2009 มาพร้อมตัวเลือกในรุ่นขับเคลื่อนแบบสองล้อและสี่ล้อ
พร้อมระบบขับเคลื่อนที่มีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด
สำหรับระบบเกียร์อัตโนมัติในรุ่น 4x4 มาพร้อมกับระบบ electronic shift-on-the-fly
ที่สามารถปรับเปลี่ยนระบบการขับเคลื่อนระหว่างขับสองล้อและสี่ล้อได้ในขณะที่รถวิ่ง
เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน และยังใช้ชุดเกียร์ทรานสเฟอร์สุดแกร่งระดับโลกจาก Borg-Warner
ระบบเกียร์อัตโนมัติได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับแรงบิดของเครื่องยนต์ดูราทอร์ค คอมมอนเรล
ประสิทธิภาพและความต่อเนื่องของการเปลี่ยนเกียร์จึงอยู่ในระดับสูง ระบบเกียร์ธรรมดาใช้ระบบ
การถ่ายทอดกำลังแบบ Dual-mass flywheel และเฟืองเกียร์แบบ triple-cone synchronizers ในเกียร์หนึ่งและสอง
ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ง่ายขึ้นและขับขี่ได้อย่างนุ่มนวลยิ่งขึ้น
ระบบช่วยกระจายแรงบิดและป้องกันล้อหมุนฟรีแบบ torque-sensing limited slip differential
แบบ 2 ทางที่ติดตั้งบริเวณเพลาหลังช่วยกระจายแรงบิดระหว่างล้อคู่หลังให้ยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยม
และเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำแม้จะขับด้วยความเร็วสูง
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ มีสีตัวถังให้เลือก 5 สี ได้แก่ โดยมีสีใหม่ คือ สีน้ำตาล Desert Bronze
รวมทั้งสีขาว Cool White, สีเงิน Highlight Silver, สีทอง Gloming Silver, และสีดำ Black Mica
ราคาของ เอเวอร์เรสต์ใหม่ มีดังนี้
- รุ่น 4X2 2.5 XLT ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์ธรรมดา ราคา 959,000 บาท
- รุ่น 4X2 2.5 XLT AT ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ราคา 1,029,000 บาท
- รุ่น 4X2 2.5 LTD AT NAVI ขับเคลื่อน 2 ล้อ + ระบบนำทางผ่านดาวเทียม (GPS) Entertainment ราคา 1,126,000 บาท
- รุ่น 4X4 3.0 LTD AT NAVI ขับเคลื่อน 4 ล้อ + ระบบนำทางผ่านดาวเทียม (GPS) Entertainment ราคา 1,226,000 บาท
พิเศษสุดในช่วงเปิดตัว แถมโปรแกรมฟรีค่าบำรุงรักษา 5 ปี
พร้อมขยายเวลารับประกันตัวรถเป็น 5 ปี วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2552
ในที่สุด ฟอร์ด เซลล์(ประเทศไทย) ได้เปิดตัว ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไมเนอร์เชน กันซะที หลังจากกันนานหลายเดือนเลยทีเดียว
สก็อต เฟอร์เรียร์ ผู้จัดการฝ่ายออกแบบ ฟอร์ด ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา กล่าวว่า
"การออกแบบใหม่ในรถเอเวอเรสต์รุ่นปี 2009 ถูกปรับปรุงให้ดูหรูหรายิ่งขึ้น ขณะที่สมรรถนะ
และความคล่องตัวยังคงอยู่ภายใต้มาตรฐานชั้นยอดของฟอร์ด เอเวอเรสต์ เช่นเดิม เพียงแต่เราเติมสัมผัส
ของงานดีไซน์ที่ทันสมัยเพื่อทำให้รถดูดีมีสไตล์มากขึ้น โดยนำเอางานออกแบบใหม่ๆ
มาช่วยเสริมความแข็งแกร่งที่มีอยู่แล้วในฟอร์ด เอเวอเรสต์ ให้เด่นชัดยิ่งขึ้น"
" เป้าหมายในการออกแบบของเราคือการเสริมความแข็งแกร่งและพละกำลังที่มีอยู่ใน ฟอร์ด เอเวอเรสต์
ให้เด่นชัดยิ่งขึ้น" เฟอร์เรียร์ กล่าว "เราเชื่อว่ารายละเอียดเหล่านี้เข้ากันได้ดีกับความแข็งแรงและความทนทาน
ของ งานออกแบบตัวถัง ซึ่งจะทำให้ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ เป็นรถที่ดึงดูดใจยิ่งขึ้น
การออกแบบของฟอร์ดเอเวอเรสต์ใหม่นั้น ได้แนวคิดมาจากรถกระบะอย่าง"ฟอร์ด เรนเจอร์"
โดยเฉพาะกระจังหน้านั้นเป็นแบบ3แถบ พร้อมสลักตัวอักษรEVERESTโดยเชื่อมต่อกับฝากระโปรงหน้า ทรง Power Dome
ต่อเนื่องไปยังต่อเนื่องไปยังรูปทรงโฉบเฉี่ยวของไฟหน้า นอกจากนี้ แถบแนวนอนยังสื่อถึงความกว้างขวางของตัวรถ
และความมาดมั่น สะท้อนจิตวิญญาณของฟอร์ด เอเวอเรสต์ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและพร้อมทุกการผจญภัย
ไฟหน้าโปร่งใสได้รับการออกแบบให้ทนทานต่อแรงกระแทก พร้อมรายละเอียดของคิ้วไฟหน้า
ที่เน้นความหรูหราเช่นเดียวกับที่เห็นได้จากเครื่องแก้วคริสตัลชั้นดี กรอบไฟหน้าทำจากโครเมี่ยม
เชื่อมต่อกับกระจังหน้า ฝากระโปรง และรูปลักษณ์ "เรียบเนียน" ของบังโคลนที่ให้ความรู้สึกแกร่ง
ชุดโคมไฟตัดหมอกฝังอยู่ภายในกรอบที่เป็นตัวเรือนรูปร่างคล้ายปีกนกสีเงินขนาบสองข้างของ
กระจังหน้าด้านล่างในรุ่น LTD
ล้อขนาด 18 นิ้วที่เป็นมันวาวคือตัวเลือกสำหรับรถในรุ่นท็อป โดยซี่ล้อสีเงินวาวทั้ง 6 ซี่
ถูกออกแบบภายใต้แนวคิดแบบ 'ไร้ขอบ' แต่ละซี่สลักลวดลายเรียวแหลม (venturi shape)
พร้อมลงสีเทาเข้มทับพุ่งตรงไปตัดสีกับขอบยางใหญ่ขนาด 255/60R18 ล้อรุ่นนี้
เคยผ่านตาสาธารณชนกันมาแล้ว ในรถกระบะต้นแบบ เรนเจอร์ แมกซ์ โชว์ทรัค
ที่ในงาน Motor Expo 2008 เมื่อ เดือนธันวาคม 2008 ที่ผ่านมา
ส่วนล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วใหม่ภายใต้การออกแบบซี่ล้อแบบ 6 ซี่ที่เป็นเอกลักษณ์
คือล้ออัลลอยสำหรับรุ่นมาตรฐานที่เข้ากันกับยางขนาด P245/70R16
ตัวถังด้านข้างของฟอร์ด เอเวอเรสต์ เผยความโดดเด่นด้วยโป่งซุ้มล้อที่สะท้อนความแกร่ง
สื่อถึงจุดยืนด้านความสามารถในการควบคุมทิศทางระหว่างขับบนถนนและประสิทธิภาพ
ในการขับขี่แบบออฟโร้ด และเมื่อมองจากด้านข้าง กระจกเคลือบสีจางๆ เสริมภาพความพิเศษ
แบบเอ็กซ์คลูซีฟยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมี กาบตกแต่งเหนือบังโคลนสีเดียวกับตัวถังด้วย
มุมมองด้านข้างของฟอร์ด เอเวอเรสต์ ประกอบด้วยรายละเอียดสะดุดตามากมาย
แต่ละชิ้นส่วนเลือกใช้โทนสีของโลหะและโครเมี่ยมที่ตัดกันเพื่อทำให้เกิดผลลัพธ์
แบบเดียวกับการเปล่งประกายของ เครื่องประดับ ในโลกแห่งแฟชั่น
บังโคลนหน้าของฟอร์ด เอเวอเรสต์ โดดเด่นด้วยช่องระบายอากาศที่เป็นเอกลักษณ์ ล้อมรอบด้วย
กรอบสีเงินด้านรองรับตราสัญลักษณ์ของเอเวอเรสต์ที่เป็นตัวหนังสือสีดำบนพื้นโครเมี่ยมแฝงตาข่ายสีดำ
แร็คบรรทุกของบนหลังคา ช้วัสดุสีเงินด้านตัดกับก้านรองรับน้ำหนักสีดำ ความยาวของแร็คหลังคา
เริ่มต้นจากเบาะนั่งแถวหน้ายาวไปจรดส่วนท้ายของรถให้ความรู้สึกมีสไตล์และใช้ประโยชน์ได้จริง
อีกรายละเอียดที่น่าสนใจของฟอร์ด เอเวอเรสต์ คือบันไดข้างอลูมิเนียมที่ยื่นออกมาจากตัวรถแต่งลาย
เป็นร่องด้านบนเพื่อการรองรับที่มั่นคงและเพิ่มความสวยงาม ทั้งยังยกตัวขึ้นไปขนานกับกรอบล่างของประตูรถ
เพิ่มความกลมกลืนกับโป่งซุ้มล้อทั้ง 2 ด้าน ปลายบันไดหุ้มด้วยวัสดุสีไทเทเนียมตัดกัน
กระจกมองข้างตกแต่งด้วยรายละเอียดที่น่าสนใจและสามารถใช้งานจริง โดยกรอบกระจกด้านล้างใช้วัสดุสีดำด้าน
ขณะที่ส่วนบนเป็นโครเมี่ยมฝังไฟเลี้ยวในตัว และสำหรับรุ่น LTD บริเวณด้านล่างของก้านกระจกยังมีไฟส่องสว่าง
เพื่อความปลอดภัยขณะขึ้น-ลงในที่มืด โดยไฟจะทำงานอัตโนมัติเมื่อปลดล็อกประตูด้วยรีโมต คอนโทรล
กระจกหน้าต่างด้านหลัง แบบ 'โอบรอบ' ที่ชาญฉลาดทำให้เกิดความกลมกลืนแบบไร้รอยต่อจากมุมมองด้านข้าง
ของตัวรถไปถึงด้านหลัง เข้ากันกับไฟท้ายใหม่ที่ถูกยกให้สูงขึ้น ชิ้นส่วนที่มีประโยชน์ใช้สอยหลากหลายอันประกอบด้วย
ไฟส่องสว่างท้ายรถ ไฟเบรก และไฟเลี้ยว ได้รับการปกป้องภายในกรอบกระจกใสตัดขอบสีดำ ทุกชิ้นส่วน
ได้รับการออกแบบบางเฉียบเพื่อให้พื้นผิวของกรอบไฟกลมกลืนในระนาบเดียวกันกับกระจกด้านข้าง
ต่อเนื่องมายังกระจกหลัง ทำให้เกิดภาพลักษณ์ของกระจกใสที่โอบรอบรถทั้งคันเหนือแนวเส้นด้านข้าง (belt line)
ชุดไฟท้าย อยู่ในระดับสูง ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เห็นอย่างชัดเจน (ไฟเบรกดวงที่สามอยู่ตรงกลางด้านบนกระจกหลัง)
เทคนิคการออกแบบที่ให้ความรู้สึกกลมกลืนโอบล้อมรอบรถทั้งคัน (wraparound effect)
นับว่าเป็นทิศทางการออกแบบสำคัญ ในรถเอสยูวีของฟอร์ดที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด
ไม่ว่าจะเป็นร่องเล็กๆ บนไฟท้ายไปจนถึงการออกแบบตัวถังด้วยมุมตัดจากด้านข้าง
มายังท้ายรถอย่างแม่นยำ
นอกจากนี้ ยังมีองค์ประกอบสำคัญอื่นๆ ในการออกแบบท้ายรถใหม่ทั้งหมดของฟอร์ด เอเวอเรสต์ ประกอบด้วย
- ฝาครอบล้ออะไหล่บริเวณท้ายรถใหม่ที่สะดุดตายิ่งขึ้น ด้วยลวดลายภูเขาโดดเด่นไม่เหมือนใคร
เส้นสายในแนวนอนทั้งด้านบนและล่างเข้ากันได้ดีกับแนวเส้นด้านข้างตัวรถ
- มือจับประตูท้ายรถชุบโครเมี่ยมประดับตราสัญลักษณ์บลู โอวอล ของฟอร์ด
พร้อมไฟส่องสว่างป้ายทะเบียนรถที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง
- กันชนท้ายแบบสามชิ้นใหม่สีเดียวกับตัวรถ พร้อมกล้องมองหลังและไฟถอยหลัง กาบตกแต่งท้ายรถ
สีเดียวกับตัวรถเข้ากับกันชนท้ายอย่างสมส่วน โดยตกแต่งสัญลักษณ์เอเวอเรสต์อย่างโดดเด่น
"ส่วนประกอบทั้งหมดนี้ เมื่อเวลาที่ขับรถตามหลังรถคันนี้ คุณจะสังเกตเห็นจุดเด่นต่างๆ
ที่ทำให้รู้ได้ทันทีว่านี่คือ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่" เฟอร์เรียร์ กล่าว "แน่นอนว่านี่คือ ลุคใหม่ล่าสุด"
ขณะที่ห้องโดยสารของฟอร์ดเอเวอเรสต์นั้น ได้ถอดแผงคอนโซลหน้ามาจากฟอร์ด เรนเจอร์ แต่ใส่ลายไม้เพิ่มเข้ามาในแผงคอนโซลหน้า(เหมือนอีซูซุ มิว-7)
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ มีระบบปรับอากาศที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้โดยสารทั้ง 7 ที่นั่ง
ได้รับความเย็นสบายตลอดทั้งคัน ด้วยช่องแอร์เหนือศีรษะสำหรับผู้โดยสารในแถวที่สองและสาม
แผงควบคุมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในออกแบบมาอย่างทันสมัยและสะดวกต่อการใช้งาน พร้อม
ระบบนำทางผ่านดาวเทียมแสดงผลบนหน้าจอทัชสกรีนขนาด 6.5 นิ้ว พร้อมเครื่องเล่น DVD CD MP3 ของ ALPINE
ติดตั้งบริเวณคอนโซลกลางเพื่ออำนวยความสะดวกในการเลือกเส้นทางแก่ผู้ขับขี่
และยังมีจอติดตั้งบนเพดาน เพื่อให้ความบันเทิงแก่ผู้โดยสารในแถวที่สองและสาม
นอกจากนี้ บริเวณท้ายรถยังมีกล้องมองหลังแบบมุมกว้าง พร้อมแสดงผลบนหน้าจอ
แบบอัตโนมัติเพื่อความปลอดภัยในขณะถอยหลัง
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและพื้นที่ใช้สอยภายใน ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ได้รับการออกแบบอย่างชาญฉลาด
และยังมีถาดวางของเอนกประสงค์ที่รับน้ำหนักได้มากถึง 10 กิโลกรัม เพียงพอสำหรับการรับประทานอาหาร
ในรถหรือใช้วางเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา ขณะที่ช่องเก็บของบริเวณประตูถูกออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานมากขึ้น
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ เป็นเอสยูวีสำหรับครอบครัวรุ่นแรกและรุ่นเดียวในตลาด
ที่ติดตั้งถุงลมนิรภัย ทั้งด้านหน้าและด้านข้างจำนวน 4 ใบ
ถุงลมนิรภัยแบบ 2 จังหวะสำหรับที่นั่งด้านหน้าของคนขับ (ความจุ 45 ลิตร) และผู้โดยสาร (70 ลิตร)
ส่วนถุงลมนิรภัยด้านข้างขนาดความจุ 18 ลิตร สำหรับผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้าที่ได้รับการออกแบบมา
เพื่อปกป้องอันตรายที่อาจเกิดขึ้นบริเวณศีรษะและทรวงอกจากการชนด้านข้าง เสริมการทำงานกับเข็มขัดนิรภัย
แบบ 3 จุด โดคู่หน้าติดตั้งระบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner & Load Limiter)
ความปลอดภัยบริเวณตัวถังเกิดจากการทำงานของคานเหล็กนิรภัยกันกระแทกด้านข้าง
และคานของเสา A, B และ C-pillars ที่สามารถกระจายแรงจากการชนออกจากห้องโดยสาร
และช่วยลดแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของทั้งคนขับและผู้โดยสาร
อุปกรณ์ความปลอดภัยก่อนการชนที่ช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุให้แก่ผู้ขับขี่ประกอบ
ด้วยระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS)และระบบกระจายแรงเบรก (Electronic Brake force Distribution - EBD)
พร้อม G-sensor รวมทั้งระบบ LSPV (Load-sensingProportioning Valve)
ควบคุมแรงดันน้ำมันเบรกตามน้ำหนักบรรทุกเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรกเพื่อความมั่นใจสูงสุด ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ยังติดตั้งระบบป้องกันการโจรกรรม (Passive Anti-Theft System - PATS)
ที่มีการฝังชิพคอมพิวเตอร์ในกุญแจสตาร์ทซึ่งจะอ่านรหัสกุญแจกับตัวรถ ถ้ารหัสตรงกันจึงจะสตาร์ทได้
โดย PATS จะทำงานต่อเนื่องกับสัญญาณเตือนภัยบริเวณรอบตัวรถ
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ มาพร้อมทางเลือกของเครื่องยนต์ดูราทอร์ค คอมมอนเรล 16 วาล์วที่ให้การตอบสนองรวดเร็ว
ซึ่งต่างให้แรงบิดเหนือชั้นพร้อมประการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวล ทั้ง 2 ขนาด คือ
- เครื่องยนต์ DuraTorq คอมมอนเรล ขนาด 2.5 ลิตร 143 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุดที่ 330 นิวตัน-เมตร
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 8.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร (11.36 กม. /ลิตร)
เมื่อเติมน้ำมันเต็มถังจะวิ่งได้ระยะทาง 678 กิโลเมตร
- เครื่องยนต์ DuraTorq คอมมอนเรล ขนาด 3.0 ลิตร 156 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุดที่ 380 นิวตัน-เมตรที่ 1,800 รอบต่อนาที
รุ่น 4x4 พร้อมเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 9.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร (10.82 กม. /ลิตร)
เมื่อเติมน้ำมันเต็มถังจะวิ่งได้ระยะทาง 644 กิโลเมตร สูงกว่ารถเอนกประสงค์ในระดับเดียวกันมากกว่า 10%
ทำให้ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ได้เปรียบในด้านการตอบสนองที่รวดเร็ว และเป็นรถที่ขับสนุก ให้ความมั่นใจสูงสุด
ในการแร่งแซงบนท้องถนนและการรับมือกับสภาวะการขับขี่ แบบออฟโรด
(ความจุถังน้ำมันของฟอร์ด เอเวอเรสต์ อยู่ที่ 71 ลิตร)
ฟอร์ด เอเวอเรสต์รุ่นปี 2009 มาพร้อมตัวเลือกในรุ่นขับเคลื่อนแบบสองล้อและสี่ล้อ
พร้อมระบบขับเคลื่อนที่มีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด
สำหรับระบบเกียร์อัตโนมัติในรุ่น 4x4 มาพร้อมกับระบบ electronic shift-on-the-fly
ที่สามารถปรับเปลี่ยนระบบการขับเคลื่อนระหว่างขับสองล้อและสี่ล้อได้ในขณะที่รถวิ่ง
เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน และยังใช้ชุดเกียร์ทรานสเฟอร์สุดแกร่งระดับโลกจาก Borg-Warner
ระบบเกียร์อัตโนมัติได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับแรงบิดของเครื่องยนต์ดูราทอร์ค คอมมอนเรล
ประสิทธิภาพและความต่อเนื่องของการเปลี่ยนเกียร์จึงอยู่ในระดับสูง ระบบเกียร์ธรรมดาใช้ระบบ
การถ่ายทอดกำลังแบบ Dual-mass flywheel และเฟืองเกียร์แบบ triple-cone synchronizers ในเกียร์หนึ่งและสอง
ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ง่ายขึ้นและขับขี่ได้อย่างนุ่มนวลยิ่งขึ้น
ระบบช่วยกระจายแรงบิดและป้องกันล้อหมุนฟรีแบบ torque-sensing limited slip differential
แบบ 2 ทางที่ติดตั้งบริเวณเพลาหลังช่วยกระจายแรงบิดระหว่างล้อคู่หลังให้ยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยม
และเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำแม้จะขับด้วยความเร็วสูง
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ มีสีตัวถังให้เลือก 5 สี ได้แก่ โดยมีสีใหม่ คือ สีน้ำตาล Desert Bronze
รวมทั้งสีขาว Cool White, สีเงิน Highlight Silver, สีทอง Gloming Silver, และสีดำ Black Mica
ราคาของ เอเวอร์เรสต์ใหม่ มีดังนี้
- รุ่น 4X2 2.5 XLT ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์ธรรมดา ราคา 959,000 บาท
- รุ่น 4X2 2.5 XLT AT ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ราคา 1,029,000 บาท
- รุ่น 4X2 2.5 LTD AT NAVI ขับเคลื่อน 2 ล้อ + ระบบนำทางผ่านดาวเทียม (GPS) Entertainment ราคา 1,126,000 บาท
- รุ่น 4X4 3.0 LTD AT NAVI ขับเคลื่อน 4 ล้อ + ระบบนำทางผ่านดาวเทียม (GPS) Entertainment ราคา 1,226,000 บาท
พิเศษสุดในช่วงเปิดตัว แถมโปรแกรมฟรีค่าบำรุงรักษา 5 ปี
พร้อมขยายเวลารับประกันตัวรถเป็น 5 ปี วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2552
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น