AUTO THAILAND's Fan Box

AUTO THAILAND on Facebook

Facebook Fanpage QR Code

qrcode

เจอกันที่ใหม่ จัดเต็มกว่าเดิม!

๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๒

ถึงเวลาที่ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ เปิดตัวซะที













ถึงเวลาที่ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ เปิดตัวซะที

ในที่สุด ฟอร์ด เซลล์(ประเทศไทย) ได้เปิดตัว ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไมเนอร์เชน กันซะที หลังจากกันนานหลายเดือนเลยทีเดียว
สก็อต เฟอร์เรียร์ ผู้จัดการฝ่ายออกแบบ ฟอร์ด ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา กล่าวว่า
"การออกแบบใหม่ในรถเอเวอเรสต์รุ่นปี 2009 ถูกปรับปรุงให้ดูหรูหรายิ่งขึ้น ขณะที่สมรรถนะ
และความคล่องตัวยังคงอยู่ภายใต้มาตรฐานชั้นยอดของฟอร์ด เอเวอเรสต์ เช่นเดิม เพียงแต่เราเติมสัมผัส
ของงานดีไซน์ที่ทันสมัยเพื่อทำให้รถดูดีมีสไตล์มากขึ้น โดยนำเอางานออกแบบใหม่ๆ
มาช่วยเสริมความแข็งแกร่งที่มีอยู่แล้วในฟอร์ด เอเวอเรสต์ ให้เด่นชัดยิ่งขึ้น"
" เป้าหมายในการออกแบบของเราคือการเสริมความแข็งแกร่งและพละกำลังที่มีอยู่ใน ฟอร์ด เอเวอเรสต์
ให้เด่นชัดยิ่งขึ้น" เฟอร์เรียร์ กล่าว "เราเชื่อว่ารายละเอียดเหล่านี้เข้ากันได้ดีกับความแข็งแรงและความทนทาน
ของ งานออกแบบตัวถัง ซึ่งจะทำให้ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ เป็นรถที่ดึงดูดใจยิ่งขึ้น

การออกแบบของฟอร์ดเอเวอเรสต์ใหม่นั้น ได้แนวคิดมาจากรถกระบะอย่าง"ฟอร์ด เรนเจอร์"
โดยเฉพาะกระจังหน้านั้นเป็นแบบ3แถบ พร้อมสลักตัวอักษรEVERESTโดยเชื่อมต่อกับฝากระโปรงหน้า ทรง Power Dome
ต่อเนื่องไปยังต่อเนื่องไปยังรูปทรงโฉบเฉี่ยวของไฟหน้า นอกจากนี้ แถบแนวนอนยังสื่อถึงความกว้างขวางของตัวรถ
และความมาดมั่น สะท้อนจิตวิญญาณของฟอร์ด เอเวอเรสต์ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและพร้อมทุกการผจญภัย

ไฟหน้าโปร่งใสได้รับการออกแบบให้ทนทานต่อแรงกระแทก พร้อมรายละเอียดของคิ้วไฟหน้า
ที่เน้นความหรูหราเช่นเดียวกับที่เห็นได้จากเครื่องแก้วคริสตัลชั้นดี กรอบไฟหน้าทำจากโครเมี่ยม
เชื่อมต่อกับกระจังหน้า ฝากระโปรง และรูปลักษณ์ "เรียบเนียน" ของบังโคลนที่ให้ความรู้สึกแกร่ง
ชุดโคมไฟตัดหมอกฝังอยู่ภายในกรอบที่เป็นตัวเรือนรูปร่างคล้ายปีกนกสีเงินขนาบสองข้างของ
กระจังหน้าด้านล่างในรุ่น LTD
ล้อขนาด 18 นิ้วที่เป็นมันวาวคือตัวเลือกสำหรับรถในรุ่นท็อป โดยซี่ล้อสีเงินวาวทั้ง 6 ซี่
ถูกออกแบบภายใต้แนวคิดแบบ 'ไร้ขอบ' แต่ละซี่สลักลวดลายเรียวแหลม (venturi shape)
พร้อมลงสีเทาเข้มทับพุ่งตรงไปตัดสีกับขอบยางใหญ่ขนาด 255/60R18 ล้อรุ่นนี้
เคยผ่านตาสาธารณชนกันมาแล้ว ในรถกระบะต้นแบบ เรนเจอร์ แมกซ์ โชว์ทรัค
ที่ในงาน Motor Expo 2008 เมื่อ เดือนธันวาคม 2008 ที่ผ่านมา

ส่วนล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วใหม่ภายใต้การออกแบบซี่ล้อแบบ 6 ซี่ที่เป็นเอกลักษณ์
คือล้ออัลลอยสำหรับรุ่นมาตรฐานที่เข้ากันกับยางขนาด P245/70R16

ตัวถังด้านข้างของฟอร์ด เอเวอเรสต์ เผยความโดดเด่นด้วยโป่งซุ้มล้อที่สะท้อนความแกร่ง
สื่อถึงจุดยืนด้านความสามารถในการควบคุมทิศทางระหว่างขับบนถนนและประสิทธิภาพ
ในการขับขี่แบบออฟโร้ด และเมื่อมองจากด้านข้าง กระจกเคลือบสีจางๆ เสริมภาพความพิเศษ
แบบเอ็กซ์คลูซีฟยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมี กาบตกแต่งเหนือบังโคลนสีเดียวกับตัวถังด้วย

มุมมองด้านข้างของฟอร์ด เอเวอเรสต์ ประกอบด้วยรายละเอียดสะดุดตามากมาย
แต่ละชิ้นส่วนเลือกใช้โทนสีของโลหะและโครเมี่ยมที่ตัดกันเพื่อทำให้เกิดผลลัพธ์
แบบเดียวกับการเปล่งประกายของ เครื่องประดับ ในโลกแห่งแฟชั่น

บังโคลนหน้าของฟอร์ด เอเวอเรสต์ โดดเด่นด้วยช่องระบายอากาศที่เป็นเอกลักษณ์ ล้อมรอบด้วย
กรอบสีเงินด้านรองรับตราสัญลักษณ์ของเอเวอเรสต์ที่เป็นตัวหนังสือสีดำบนพื้นโครเมี่ยมแฝงตาข่ายสีดำ

แร็คบรรทุกของบนหลังคา ช้วัสดุสีเงินด้านตัดกับก้านรองรับน้ำหนักสีดำ ความยาวของแร็คหลังคา
เริ่มต้นจากเบาะนั่งแถวหน้ายาวไปจรดส่วนท้ายของรถให้ความรู้สึกมีสไตล์และใช้ประโยชน์ได้จริง

อีกรายละเอียดที่น่าสนใจของฟอร์ด เอเวอเรสต์ คือบันไดข้างอลูมิเนียมที่ยื่นออกมาจากตัวรถแต่งลาย
เป็นร่องด้านบนเพื่อการรองรับที่มั่นคงและเพิ่มความสวยงาม ทั้งยังยกตัวขึ้นไปขนานกับกรอบล่างของประตูรถ
เพิ่มความกลมกลืนกับโป่งซุ้มล้อทั้ง 2 ด้าน ปลายบันไดหุ้มด้วยวัสดุสีไทเทเนียมตัดกัน

กระจกมองข้างตกแต่งด้วยรายละเอียดที่น่าสนใจและสามารถใช้งานจริง โดยกรอบกระจกด้านล้างใช้วัสดุสีดำด้าน
ขณะที่ส่วนบนเป็นโครเมี่ยมฝังไฟเลี้ยวในตัว และสำหรับรุ่น LTD บริเวณด้านล่างของก้านกระจกยังมีไฟส่องสว่าง
เพื่อความปลอดภัยขณะขึ้น-ลงในที่มืด โดยไฟจะทำงานอัตโนมัติเมื่อปลดล็อกประตูด้วยรีโมต คอนโทรล

กระจกหน้าต่างด้านหลัง แบบ 'โอบรอบ' ที่ชาญฉลาดทำให้เกิดความกลมกลืนแบบไร้รอยต่อจากมุมมองด้านข้าง
ของตัวรถไปถึงด้านหลัง เข้ากันกับไฟท้ายใหม่ที่ถูกยกให้สูงขึ้น ชิ้นส่วนที่มีประโยชน์ใช้สอยหลากหลายอันประกอบด้วย
ไฟส่องสว่างท้ายรถ ไฟเบรก และไฟเลี้ยว ได้รับการปกป้องภายในกรอบกระจกใสตัดขอบสีดำ ทุกชิ้นส่วน
ได้รับการออกแบบบางเฉียบเพื่อให้พื้นผิวของกรอบไฟกลมกลืนในระนาบเดียวกันกับกระจกด้านข้าง
ต่อเนื่องมายังกระจกหลัง ทำให้เกิดภาพลักษณ์ของกระจกใสที่โอบรอบรถทั้งคันเหนือแนวเส้นด้านข้าง (belt line)
ชุดไฟท้าย อยู่ในระดับสูง ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เห็นอย่างชัดเจน (ไฟเบรกดวงที่สามอยู่ตรงกลางด้านบนกระจกหลัง)

เทคนิคการออกแบบที่ให้ความรู้สึกกลมกลืนโอบล้อมรอบรถทั้งคัน (wraparound effect)
นับว่าเป็นทิศทางการออกแบบสำคัญ ในรถเอสยูวีของฟอร์ดที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด
ไม่ว่าจะเป็นร่องเล็กๆ บนไฟท้ายไปจนถึงการออกแบบตัวถังด้วยมุมตัดจากด้านข้าง
มายังท้ายรถอย่างแม่นยำ

นอกจากนี้ ยังมีองค์ประกอบสำคัญอื่นๆ ในการออกแบบท้ายรถใหม่ทั้งหมดของฟอร์ด เอเวอเรสต์ ประกอบด้วย
- ฝาครอบล้ออะไหล่บริเวณท้ายรถใหม่ที่สะดุดตายิ่งขึ้น ด้วยลวดลายภูเขาโดดเด่นไม่เหมือนใคร
เส้นสายในแนวนอนทั้งด้านบนและล่างเข้ากันได้ดีกับแนวเส้นด้านข้างตัวรถ

- มือจับประตูท้ายรถชุบโครเมี่ยมประดับตราสัญลักษณ์บลู โอวอล ของฟอร์ด
พร้อมไฟส่องสว่างป้ายทะเบียนรถที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง

- กันชนท้ายแบบสามชิ้นใหม่สีเดียวกับตัวรถ พร้อมกล้องมองหลังและไฟถอยหลัง กาบตกแต่งท้ายรถ
สีเดียวกับตัวรถเข้ากับกันชนท้ายอย่างสมส่วน โดยตกแต่งสัญลักษณ์เอเวอเรสต์อย่างโดดเด่น

"ส่วนประกอบทั้งหมดนี้ เมื่อเวลาที่ขับรถตามหลังรถคันนี้ คุณจะสังเกตเห็นจุดเด่นต่างๆ
ที่ทำให้รู้ได้ทันทีว่านี่คือ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่" เฟอร์เรียร์ กล่าว "แน่นอนว่านี่คือ ลุคใหม่ล่าสุด"

ขณะที่ห้องโดยสารของฟอร์ดเอเวอเรสต์นั้น ได้ถอดแผงคอนโซลหน้ามาจากฟอร์ด เรนเจอร์ แต่ใส่ลายไม้เพิ่มเข้ามาในแผงคอนโซลหน้า(เหมือนอีซูซุ มิว-7)
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ มีระบบปรับอากาศที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้โดยสารทั้ง 7 ที่นั่ง
ได้รับความเย็นสบายตลอดทั้งคัน ด้วยช่องแอร์เหนือศีรษะสำหรับผู้โดยสารในแถวที่สองและสาม

แผงควบคุมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในออกแบบมาอย่างทันสมัยและสะดวกต่อการใช้งาน พร้อม
ระบบนำทางผ่านดาวเทียมแสดงผลบนหน้าจอทัชสกรีนขนาด 6.5 นิ้ว พร้อมเครื่องเล่น DVD CD MP3 ของ ALPINE
ติดตั้งบริเวณคอนโซลกลางเพื่ออำนวยความสะดวกในการเลือกเส้นทางแก่ผู้ขับขี่

และยังมีจอติดตั้งบนเพดาน เพื่อให้ความบันเทิงแก่ผู้โดยสารในแถวที่สองและสาม
นอกจากนี้ บริเวณท้ายรถยังมีกล้องมองหลังแบบมุมกว้าง พร้อมแสดงผลบนหน้าจอ
แบบอัตโนมัติเพื่อความปลอดภัยในขณะถอยหลัง

อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและพื้นที่ใช้สอยภายใน ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ได้รับการออกแบบอย่างชาญฉลาด
และยังมีถาดวางของเอนกประสงค์ที่รับน้ำหนักได้มากถึง 10 กิโลกรัม เพียงพอสำหรับการรับประทานอาหาร
ในรถหรือใช้วางเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา ขณะที่ช่องเก็บของบริเวณประตูถูกออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานมากขึ้น

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ เป็นเอสยูวีสำหรับครอบครัวรุ่นแรกและรุ่นเดียวในตลาด
ที่ติดตั้งถุงลมนิรภัย ทั้งด้านหน้าและด้านข้างจำนวน 4 ใบ

ถุงลมนิรภัยแบบ 2 จังหวะสำหรับที่นั่งด้านหน้าของคนขับ (ความจุ 45 ลิตร) และผู้โดยสาร (70 ลิตร)
ส่วนถุงลมนิรภัยด้านข้างขนาดความจุ 18 ลิตร สำหรับผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้าที่ได้รับการออกแบบมา
เพื่อปกป้องอันตรายที่อาจเกิดขึ้นบริเวณศีรษะและทรวงอกจากการชนด้านข้าง เสริมการทำงานกับเข็มขัดนิรภัย
แบบ 3 จุด โดคู่หน้าติดตั้งระบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner & Load Limiter)

ความปลอดภัยบริเวณตัวถังเกิดจากการทำงานของคานเหล็กนิรภัยกันกระแทกด้านข้าง
และคานของเสา A, B และ C-pillars ที่สามารถกระจายแรงจากการชนออกจากห้องโดยสาร
และช่วยลดแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของทั้งคนขับและผู้โดยสาร

อุปกรณ์ความปลอดภัยก่อนการชนที่ช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุให้แก่ผู้ขับขี่ประกอบ
ด้วยระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS)
และระบบกระจายแรงเบรก (Electronic Brake force Distribution - EBD)
พร้อม G-sensor รวมทั้งระบบ LSPV (Load-sensing
Proportioning Valve)
ควบคุมแรงดันน้ำมันเบรกตามน้ำหนักบรรทุกเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรก
เพื่อความมั่นใจสูงสุด ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ยังติดตั้งระบบป้องกันการโจรกรรม (Passive Anti-Theft System - PATS)

ที่มีการฝังชิพคอมพิวเตอร์ในกุญแจสตาร์ทซึ่งจะอ่านรหัสกุญแจกับตัวรถ ถ้ารหัสตรงกันจึงจะสตาร์ทได้
โดย PATS จะทำงานต่อเนื่องกับสัญญาณเตือนภัยบริเวณรอบตัวรถ



ฟอร์ด เอเวอเรสต์ มาพร้อมทางเลือกของเครื่องยนต์ดูราทอร์ค คอมมอนเรล 16 วาล์วที่ให้การตอบสนองรวดเร็ว
ซึ่งต่างให้แรงบิดเหนือชั้นพร้อมประการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวล ทั้ง 2 ขนาด คือ

- เครื่องยนต์ DuraTorq คอมมอนเรล ขนาด 2.5 ลิตร 143 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุดที่ 330 นิวตัน-เมตร
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 8.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร (11.36 กม. /ลิตร)
เมื่อเติมน้ำมันเต็มถังจะวิ่งได้ระยะทาง 678 กิโลเมตร

- เครื่องยนต์ DuraTorq คอมมอนเรล ขนาด 3.0 ลิตร 156 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุดที่ 380 นิวตัน-เมตรที่ 1,800 รอบต่อนาที
รุ่น 4x4 พร้อมเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 9.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร (10.82 กม. /ลิตร)
เมื่อเติมน้ำมันเต็มถังจะวิ่งได้ระยะทาง 644 กิโลเมตร สูงกว่ารถเอนกประสงค์ในระดับเดียวกันมากกว่า 10%
ทำให้ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ได้เปรียบในด้านการตอบสนองที่รวดเร็ว และเป็นรถที่ขับสนุก ให้ความมั่นใจสูงสุด
ในการแร่งแซงบนท้องถนนและการรับมือกับสภาวะการขับขี่ แบบออฟโรด
(ความจุถังน้ำมันของฟอร์ด เอเวอเรสต์ อยู่ที่ 71 ลิตร)


ฟอร์ด เอเวอเรสต์รุ่นปี 2009 มาพร้อมตัวเลือกในรุ่นขับเคลื่อนแบบสองล้อและสี่ล้อ
พร้อมระบบขับเคลื่อนที่มีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด
สำหรับระบบเกียร์อัตโนมัติในรุ่น 4x4 มาพร้อมกับระบบ electronic shift-on-the-fly
ที่สามารถปรับเปลี่ยนระบบการขับเคลื่อนระหว่างขับสองล้อและสี่ล้อได้ในขณะที่รถวิ่ง
เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน และยังใช้ชุดเกียร์ทรานสเฟอร์สุดแกร่งระดับโลกจาก Borg-Warner

ระบบเกียร์อัตโนมัติได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับแรงบิดของเครื่องยนต์ดูราทอร์ค คอมมอนเรล
ประสิทธิภาพและความต่อเนื่องของการเปลี่ยนเกียร์จึงอยู่ในระดับสูง ระบบเกียร์ธรรมดาใช้ระบบ
การถ่ายทอดกำลังแบบ Dual-mass flywheel และเฟืองเกียร์แบบ triple-cone synchronizers ในเกียร์หนึ่งและสอง
ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ง่ายขึ้นและขับขี่ได้อย่างนุ่มนวลยิ่งขึ้น

ระบบช่วยกระจายแรงบิดและป้องกันล้อหมุนฟรีแบบ torque-sensing limited slip differential
แบบ 2 ทางที่ติดตั้งบริเวณเพลาหลังช่วยกระจายแรงบิดระหว่างล้อคู่หลังให้ยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยม
และเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำแม้จะขับด้วยความเร็วสูง

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ มีสีตัวถังให้เลือก 5 สี ได้แก่ โดยมีสีใหม่ คือ สีน้ำตาล Desert Bronze
รวมทั้งสีขาว Cool White, สีเงิน Highlight Silver, สีทอง Gloming Silver, และสีดำ Black Mica


ราคาของ เอเวอร์เรสต์ใหม่ มีดังนี้

- รุ่น 4X2 2.5 XLT ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์ธรรมดา ราคา 959,000 บาท
- รุ่น 4X2 2.5 XLT AT ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ราคา 1,029,000 บาท
- รุ่น 4X2 2.5 LTD AT NAVI ขับเคลื่อน 2 ล้อ + ระบบนำทางผ่านดาวเทียม (GPS) Entertainment ราคา 1,126,000 บาท
- รุ่น 4X4 3.0 LTD AT NAVI ขับเคลื่อน 4 ล้อ + ระบบนำทางผ่านดาวเทียม (GPS) Entertainment ราคา 1,226,000 บาท

พิเศษสุดในช่วงเปิดตัว แถมโปรแกรมฟรีค่าบำรุงรักษา 5 ปี
พร้อมขยายเวลารับประกันตัวรถเป็น 5 ปี วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2552

ไม่มีความคิดเห็น: