AUTO THAILAND's Fan Box

AUTO THAILAND on Facebook

Facebook Fanpage QR Code

qrcode

เจอกันที่ใหม่ จัดเต็มกว่าเดิม!

๐๑ กรกฎาคม ๒๕๕๓

โตโยต้าฉลองการส่งออกรถ Hilux VIGO และ Fortuner ครบล้านคัน!!

โตโยต้าฉลองความสำเร็จการส่งออก ไฮลักซ์ วีโก้ และ ฟอร์จูนเนอร์
โดยส่งออกได้ครบ 1,000,000 คัน ซึ่งจัดขึ้นที่ท่าเรือน้ำลึก แหลมฉบัง จ.ชลบุรี



จุดเริ่มต้นแห่งความสำเร็จ
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เริ่มแนะนำรถใน โครงการ IMV 
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2547 ภายใต้ชื่อ ไฮลักซ์ วีโก้ และได้แนะนำ ฟอร์จูนเนอร์ 
รถอเนกประสงค์ขับเคลื่อน 4 ล้อ รถยนต์อีกรุ่นหนึ่งในโครงการ IMV 
เข้าสู่ตลาดครั้งแรกในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2547 รถยนต์ทั้งสองรุ่น
ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับตลาดรถกระบะ 1 ตันในประเทศไทย
โดยหลังจากที่ได้แนะนำรถกระบะ ไฮลักซ์ วีโก้ เข้าสู่ตลาดประเทศไทย
และได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างสูงที่สำคัญยังเป็น
การยกระดับครั้งสำคัญของโตโยต้า ที่ทำให้
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เป็นฐานการผลิตในระดับโลก
สำหรับรถกระบะ ขนาด 1 ตัน และรถยนต์อเนกประสงค์ จากจุดเริ่มต้นใน
การส่งออกสู่ลูกค้ากว่า 90 ประเทศ และขยายไปยังลูกค้า ใน 108 ประเทศ 
และมีแผนการที่จะขยายตลาดส่งออกอีก 9 ประเทศ ภายในเดือนตุลาคม 2553 
รวมประเทศที่ส่งออกรถยนต์ในโครงการ IMV ทั้งสิ้น 117 ประเทศ

ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่แห่งสุดยอดกระบะขวัญใจ มหาชน
รถกระบะ ไฮลักซ์ วีโก้ และ ฟอร์จูนเนอร์ ได้รับความนิยมจากลูกค้าชาวไทย
เป็นอย่างสูงด้วยกระแสตอบรับอย่างดีตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ และต่อเนื่อง
จนมียอดจำหน่ายสูงสุดติดต่อกันถึง 4 ปี ครองส่วนแบ่ง
ตลาดภายในประเทศถึงกว่า 40 เปอร์เซ็นต์มียอดขายสะสม 
ทั้งสิ้นกว่า 910,000 คัน นับจาก การแนะนำเข้าสู่ตลาดประเทศไทยใน
ไตรมาสที่ 3 ของปี พ.ศ. 2547 และยังยืนยันได้จากยอดการผลิตทั้งหมด
ที่บรรลุ 1 ล้านคัน ไปแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 



ความภาคภูมิใจแห่งสุดยอดคุณภาพจากประเทศไทย สู่ตลาดโลก
โตโยต้าได้เริ่มต้นส่งออกรถยนต์ในโครงการ IMV ทั้ง ไฮลักซ์ และ ฟอร์จูนเนอร์
ในรูปแบบ รถยนต์ สำเร็จรูป (CBU: Completely Built up Unit) แม่พิมพ์ 
และชิ้นส่วนอะไหล่ ที่ใช้ในการประกอบรถยนต์ (Assembly Parts)
ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2547 ไปยังทุกภูมิภาคทั่วโลก ภูมิภาคที่ 
โครงการไอเอ็มวี มีการส่งออกได้แก่  
• อาเซียน 
• โอเชียเนีย 
• แอฟริกา 
• อเมริกากลางและอเมริกาใต้
• ตะวันออกกลาง 
• ยุโรป


ร. เคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บ. โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จก.
เปิดเผยว่า “โครงการไอเอ็มวี ไม่เพียงจะเป็น รถยนต์ที่มีส่วนแบ่ง
ตลาดในประเทศสูงสุดเป็นอันดับ 1 เท่านั้น ในส่วนของภาคการส่งออก 
ยังสามารถครองส่วนแบ่งของ การส่งออกรถกระบะสูงสุด มากกว่า 37% 
ของการส่งออกรถกระบะทั้งหมด”  

“นอกจากนี้ยังทำการการส่งออกรถ ยนต์ภายใต้โครงการ ไอเอ็มวี
ครบ 1 ล้านคัน โดยมีมูลค่าการส่งออกรถยนต์สะสมกว่า 430,000 ล้านบาท 
รวมกับการส่งออก ชิ้นส่วนอะไหล่สะสม คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 138,000 ล้านบาท 
สามารถนำเงินตรากลับสู่ประเทศไทย สร้างรายได้สะสมคิดเป็น
มูลค่าทั้งสิ้นกว่า 568,000 ล้านบาท” 
(ข้อมูลตั้งแต่ พฤศจิกายน 2547 – พฤษภาคม 2553)

โครงการ ไอเอ็มวี กับความสำเร็จที่กลับสู่ประเทศไทย 
การดำเนินโครงการ IMV ได้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ และสังคมโดยรวมของประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ และสร้างความ
เจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ 
ในสัดส่วนมากถึงร้อยละ 94 ช่วยให้เกิดการพัฒนา และยกระดับ
ผู้ผลิตชิ้นส่วนของไทย ให้มีความสามารถในการแข่งขันในระดับสากล  
นอกจากนี้ ยังมีส่วนสำคัญในการพัฒนาบุคลากรด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ 
นำไปสู่การก่อตั้งศูนย์พัฒนาทักษะการผลิต ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค 
(AP-GPC :Asia Pacific Global Production Training Center) ซึ่งมี
บทบาทสำคัญในการถ่ายทอดความรู้ ทักษะการผลิต การบริหารการผลิต
บนพื้นฐานของระบบการผลิตแบบโตโยต้า (Toyota Production System) 
ให้กับบุคลากรของเครือข่ายโตโยต้าทั่วโลก รวมถึงผู้ผลิตชิ้นส่วน


นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า 
“ในนามของรัฐบาล ผมภาคภูมิใจที่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
ได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ ที่มีส่วนสำคัญ ในการผลักดัน การเจริญเติบโต
ทางเศรษฐกิจของประเทศ ภายใต้โครงการ ไอเอ็มวี โดยทำการผลิตรถยนต์
เพื่อจำหน่ายทั้งตลาดภายในประเทศ และต่างประเทศภายใต้แนวคิดในการผลิต
ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้อง กับนโยบายของกระทรวงใน
การส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ ให้เติบโตเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ 
และนับว่าบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง
ในการส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคมไทยให้เจริญก้าวหน้า”

“โครงการไอเอ็มวี นำมาซึ่งความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งของโตโยต้า
ที่มีโอกาสในการส่งเสริมเศรษฐกิจและพัฒนาการของประเทศ 
ด้วยการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดถึงกว่า 30,000 ล้านบาท พร้อมด้วย
การสร้างงานให้กับคนไทยกว่า 30,000 ตำแหน่ง ใช้ชิ้นส่วนที่
ผลิตภายในประเทศสูงสุดถึง 94% และยังมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่
ประเทศไทยอีกเป็นจำนวนมาก อาทิ การนำเทคโนโลยี การผลิตอันล้ำสมัย 
ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มาใช้ที่
โรงงานโตโยต้า บ้านโพธิ์ ซึ่งเป็น 1 ใน 5 โรงงานแห่งความยั่งยืน
(Sustainable Plant) และถือเป็นต้นแบบของเครือข่ายการผลิต 
รถยนต์โตโยต้าทั่วโลก ที่สำคัญ โตโยต้าพร้อมแล้วที่จะเดินหน้า 
ผลักดันให้โครงการไอเอ็มวี สมกับเป็น Product Champion ของประเทศไทย
ในระดับโลก และเป็นกลไกที่สำคัญ ในการพัฒนาเศรษฐกิจ 
และสังคมของประเทศไทยให้มีความเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนสืบไป” 
มร.ทานาดะ กล่าวในที่สุด



ไม่มีความคิดเห็น: