AUTO THAILAND's Fan Box

AUTO THAILAND on Facebook

Facebook Fanpage QR Code

qrcode

เจอกันที่ใหม่ จัดเต็มกว่าเดิม!

๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓

History of Car:ISUZU D-MAX ก้าวสู่ปีที่ 8 กับความสำเร็จที่มีต่อคนไทย

ขอต้อนรับสู่บทความHistory ในโซนนี้จะเป็นโซนเกี่ยวกับประวัติใน
รถยนต์แต่ละรุ่นที่ประสบความสำเร็จบทความแรกที่เราจะลงนั้นเป็น
บทความเกี่ยวกับรถกระบะที่สามารถทำยอดขายได้ 1,000,000 คัน
 ในระยะเวลาเพียง 7 ปี นั้นก็คือ อีซูซุดีแมคซ์ ซึ่งถือว่าเป็น
รถกระบะที่สร้างความคึกคักในตลาดรถปิกอัพในไทยแม้ว่าทุกปี
จะมีการปรุงปรับตัวรถให้สดใหม่อยู่ทุกครั้ง แต่ความเชื่อมั่นของ
ลูกค้าอีซูซุยังคงเหนี่ยวแน่นอยู่เช่นเคย
วันนี้ออโต้ไทยแลนด์จะนำเสนอประวัติอีซูซุดีแมคซ์
แต่ตั้งเปิดตัวครั้งแรกของโลกจนมาถึงปัจจุบันกันครับ

 

1.ISUZU D-MAX รุ่นแรกของโลกกับสร้างกระแส”ดีแมคซ์ ฟีเวอร์”
ระยะเวลาการทำตลาดในประเทศไทย 2002 – 2004

อีซูซุ ดีแมคซ์ เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทยเมื่อ 22 พฤษภาคม 2002
 เป็นปิกอัพที่ได้พัฒนามาจากรุ่นมังกรทอง(Dragon Eye) 
โดยภายนอกนั้นมีการออกแบบใหม่หมดทั้งคัน
พร้อมภายในห้องโดยสารที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้กว้างขว้างขึ้น 
ในส่วนเครื่องยนต์ได้ใช้เครื่องยนต์แบบ ดีเซล ไดเรคอินเจคชั่น
รหัส 4JH1-T Max 3,000ซีซี 118 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 245 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที
และสิ่งที่สร้างความฮือฮาในวงการรถปิกอัพคือ
อีซูซุได้ใช้แชสซีสแบบ 3 ส่วน ซึ่งมีเสียงวิพากท์วิจารณ์กัน
เป็นจำนวนมากในเรื่องของความทนทานที่อาจจะมี 
ผลกระทบในด้านการบรรทุกของหนัก(อยู่ผู้ใช้รถรุ่นนี้ว่าจะใช้แบบใด)
 ส่วนฐานการผลิตนั้นในช่วงแรกยังอยู่ที่ญี่ปุ่น 
แต่พอในปี 2003 อีซูซุได้ฉลองยอดขาย 1 ปี
ขายได้ 100,000คันในไทย อีซูซุตัดสินใจย้ายฐาน
การผลิตจากญี่ปุ่นมาที่ไทยแล้วได้ใส่อัพชั่นเพิ่มไม่ว่าจะเป็น
ไฟหน้าซีนอน เบรก ABS พร้อม EBD และถุงลมนิรภัยคู่ หลังจากนั้นใน
ช่วงประมาณไตรมาส 2 ของปี 2003 ก็ได้มีการแนะนำ”อีซูซุ ดีแมคซ์ แค็บโฟร์”ใหม่

ที่ได้มีการใช้ช่วงล่างแบบFlex-Plus โดยช่วงล่างของรุ่น LS
นั้นด้านหน้าแบบอิสระปีกนก2 ชั้น ขนาดใหญ่ และทอร์ชันบาร์ 
พร้อมโช๊คอับแก็สพร้อมเหล้กกันโคลงส่วนด้านหลังนั้นได้ใช้แบบ 
แบบแหนบซ้อนใต้เพลา พร้อมโช๊คอับแก็ส
พร้อมระบบกันสเทือนทั้งหน้าและหลัง  ส่วนรุ่น SLX , SX และ SL 
ใช้แบบอิสระปีกนก 2 ชั้น ขนาดใหญ่ และคอยสปริง
พร้อมเหล้กกันโคลง ส่วนด้านหลังนั้นได้ใช้แบบ
แบบแหนบซ้อนใต้เพลา  พร้อมโช๊คอับแก็ส 

หลังจากนั้นก็ได้เปิดตัวรุ่น”ไฮแลนเดอร์”ซึ่งเป็นการเพิ่มรุ่นใน
ตระกูล”ดีแมคซ์”โดยเป็นปิกอัพขับเคลื่อน 2 ล้อแล้ว
ยกสูงเหมือนรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 3,000 ซีซี
มีให้เลือกทั้งรุ่น 2 ประตูและ 4ประตู
 _____________________________________________________________

2.ISUZU D-MAX SUPER COMMONRAIL วางเครื่องใหม่ ท้าชน Hilux VIGO
ระยะเวลาการทำตลาดในประเทศไทย 2004 - 2006

หลังจากที่ใช้เครื่องยนต์ ไดเร็ค อินเจคชั่น มานานบวกกับคู่ปรับอย่าง
โตโยต้าก็ได้เปิดตัว”ไฮลักซ์ วีโก้”ซึ่งเป็นโมเดลใหม่ 
นับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 7 ของตระกูลไฮลักซ์ พร้อมกับการใช้
เครื่องยนต์ D-4D คอมมอนเรล เจเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งโตโยต้าได้ใช้เป็นเจ้าแรกแล้ว
การเปิดตัวครั้งนี้ถือว่ามาแรงที่สุดจนอีซูซุอยู่เฉยไม่ได้เลยตัดสินใจ
วางเครื่องยนต์คอมมอนเรลในนาม”ไอ-เทค ซูเปอร์ คอมมอนเรล
พร้อมกับการแต่งหน้าทาปากให้ดูดีขึ้น โดยเปิดตัวเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2004

เครื่องยนต์ของอีซูซุดีแมคซ์ที่ใช้นั้นได้ใช้ชื่อว่าไอ-เทค ซูเปอร์ คอมมอนเรล
 (i-TEQ Super Commonrail)” ขนาด 3,000 ซีซี รหัส 4JJ1-TC  
4 สูบ DOCH 16 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ
เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ ได้ถูกติดตั้งอยู่ด้านหน้า
ให้กำลังสูงสุด 146 แรงม้า(116 กิโลวัตต์)ที่ 3,600 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 294 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400-3,400 รอบ/นาที 
โดยเครื่องยนต์ในตระกูลไอเทคนั้นได้รับ
มาตรฐานไอเสียระดับ 3 หรือยูโร 3 (EURO 3)
 

แต่ในขณะที่เครื่องยนต์ 2,500 ซีซีนั้น
ยังคงใช้รุ่นเดิมคือ 4JA1-T แบบ 4 สูบ OHV 8 วาวล์ เทอร์โบ 2,499 ซีซี
กำลังสูงสุด 79 แรงม้า (58 กิโลวัตต์) ที่ 3,900 รอบต่อนาที 
แรงบิดสูงสุด 176 นิวตันเมตร ที่ 1,800 รอบ
เครื่องยนต์ ไอ-เทค ซุเปอร์ คอมมอนเรล ของอีซูซุนั้นได้มี
การพัฒนามาจาก Isuzu Trooper โดยนำชิ้นส่วนบางตัว
มาพัฒนาให้เหมาะสมกับอีซูซุ ดีแมคซ์ 
เครื่องยนต์ของอีซูซุ ซูเปอร์คอมมอนเรลได้มี
การพัฒนาและปรับปรุงเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น
 



 1. ระบบจ่ายน้ำมันแรงดันสูงสุด  180 Mpa. (เมกะปาสคาส) 
ทำงานด้วยระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงสู่ห้องเผาไหม้ด้วยแรงดันสูงถึง
180 Mpa. (เมกะปาสคาส) สูงที่สุดในโลกเครื่องยนต์คอมมอนเรล
ให้อณูน้ำมันเล็กละเอียดผสมกับอากาศได้รวดเร็วกว่าเผาไหม้มีประสิทธิภาพ
สมบูรณ์แบบและหมดจดกว่า คุ้มค่าทุกอณูน้ำมันอย่างแท้จริง
  2. ปั๊มจ่ายน้ำมันแบบ Just-on-Demand 
ทำงานสัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์อย่างแท้จริง
สามารถควบคุมแรงดันน้ำมันให้สูงคงที่ตลอดเวลา
เผาไหม้หมดจดทุกรอบความเร็ว ประหยัดน้ำมันเหนือกว่า

  3. ระบบหมุนวนอากาศแบบ Slow Swirl 
พร้อมท่อไอดีระบบ VSS (Variable Swirl System)
เอกลักษณ์เฉพาะอีซูซุ ช่วยลดแรงต้านอากาศในขณะที่ลูกสูบเคลื่อนที่
พร้อมควบคุมปริมาณและลักษณะการหมุนวนของอากาศ
ให้สัมพันธ์กับการทำงานของรอบ เครื่องยนต์ได้เหมาะสมตลอดเวลา 
ช่วยให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพ



4. ระบบฉีดจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ Just-on-Demand 
ทำงานสัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์อย่างแท้จริง 
สามารถควบคุมแรงดันน้ำมันให้สูงคงที่ตลอดเวลาเหนือกว่า
เครื่องยนต์คอมมอนเรล แบบธรรมดาอย่างสิ้นเชิง
จึงสามารถออกแบบท่อกักเก็บน้ำมันแรงดันสูง หรือคอมมอนเรล
ให้มีขนาดกระทัดรัดกว่า และสามารถจ่ายน้ำมันแรงดันสูงไปยัง
หัวฉีดได้อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง ให้แรงดันน้ำมันสูงคงที่ 
ถูกต้องแม่นยำตลาดเวลา เผาไหม้หมดจดทุกรอบ
  5. ห้องเผาไหม้แบบ Re-entrant Chamber 
ออกแบบด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงของอีซูซุ ปรับองศาภายใน
ห้องเผาไหม้ให้เกิดการหมุนวนในทิศทางและความเร็วอากาศทีเหมาะ สม
เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ที่ดีเยี่ยม ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดกระบวน
การช่วยลดมลพิษและประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้น
 

 6. กระเดื่องกดวาล์วแบบลูกกลิ้ง Roller Rocker Arm 
ลดแรงเสียดทานจึงลดเสียงให้เงียบยิ่งกว่า ลดการสูญเสียของพลังงาน
ทำให้ประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้น และยังช่วยลดการสึกหรอของทั้งลูกเบี้ยว
และก้านกดวาล์ว ยืดอายุการใช้งาน

 7. ระบบ EGR สมบูรณ์แบบ 
ด้วยลิ้นเปิด ปิด EGRที่ควบคุม และทำงานด้วยไฟฟ้า
สามารถหาจุดสมดุลที่ดีที่สุดระหว่างการประหยัดน้ำมัน 
และการลดมลพิษตามรอบการทำงานของเครื่องยนต์ได้อย่าง
มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อม EGR Cooler ช่วยลดอุณหภูมิไอเสีย
ที่นำกลับไปเผาไหม้ให้เหมาะสมด้วยน้ำหล่อเย็น 
ทำให้เผาไหม้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ลดปริมาณก๊าซไนโตรเจนออกไซด์
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 8. ระบบ DOHC 16 วาล์ว 
ให้การทำงานแม่นยำตลอดเวลา ควบคุมจังหวะ
การไหลเวียนของไอดีและไอเสีย ให้แปรผันตาม
รอบเครื่องยนต์เพื่อการเผาไหม้สมบูรณ์แบบ


9. ชุดขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวด้วยเฟืองและโซ่ 
ทำงานแม่นยำ ทนทาน พร้อมระบบปรับความตึงโซ่อัตโนมัติ
ให้ประสิทธิภาพสมบูรณ์แบบ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนโซ่ไทม์มิ่ง
ตามระยะการบำรุงรักษาเหนือกว่าระบบสายพานทั่วไปที่
ต้องเปลี่ยนทุกๆ 100,000 กม. พร้อมกันนี้ยังเป็น

10. เสื้อสูบออกแบบใหม่ Melt-in Liner 
ด้วยกรรมวิธีชุบแข็งใหม่แบบเหนี่ยวนำด้วยคลื่นความถี่สูง
11. ฝาสูบอะลูมินั่มอัลลอยด์ 
ใช้วัสดุพิเศษ Isuzu High Performance Alloy ลิขสิทธิ์เฉพาะอีซูซุ 
น้ำหนักเบา ระบายความร้อนได้ดีทนทานต่อแรงบิดตัว แข็งแกร่ง
เหนือกว่าฝาสูบอะลูมินั่มอัลลอยด์ทั่วไปถึง 15 % 
ออกแบบฝาสูบโครงสร้างระบายความร้อนใหม่ด้วยน้ำ 2 ชั้น 
ช่วยให้น้ำระบายความร้อนได้อย่างทั่วถึง

12. ระบบ เทอร์โบพัฒนาใหม่พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ เทอร์โบใหม่ 
ออกแบบให้เป็นหนึ่งเดียวกับเครื่องยนต์ ด้วยขนาดและประสิทธิภาพที่ลงตัว
ให้กำลังและเผาไหม้เต็มประสิทธิภาพ พร้อมตำแหน่งอินเตอร์คูลเลอร์
ที่ด้านหน้ารถ ให้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนดีกว่า โดยเฉพาะขณะรถติด

 _____________________________________________________________




3.ISUZU D-MAX SUPER COMMONRAIL 2,500 Ddi เพิ่มซะหน่อยจะได้ครบ!!
ระยะเวลาการทำตลาดในประเทศไทย 2005 - 2006

หลังจากที่ใช้เครื่องไดเร็ค อินเจคชั่น มานานพอสมควร 
ในที่สุดก็ถึงกาลอวสานของเครื่องยนต์สายพันธุ์ Di
แล้วก็เริ่มต้นใหม่กับเครื่องยนต์สายพันธุ์ “I-TEQ SUPER COMMONRAIL”
อีซูซุจึงเสริมทัพให้กับตระกูลไอเทคด้วยการเพิ่มเครื่องยนต์ขนาด 2,500 ซีซี
ภาพประกอบ

 ไอเทค ซูเปอร์ คอมมอนเรลรหัส 4JK1-TC 4 สูบ DOCH 16 วาล์ว
ระบายความร้อนด้วยน้ำ เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์  
ให้กำลังสูงสุด 116 แรงม้า(85 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,200 รอบ/นาที 
โดยเครื่องยนต์ในตระกูลไอเทคนั้นได้รับ
มาตรฐานไอเสียระดับ 3 หรือยูโร 3 (EURO 3)

ซึ่งมีแค่รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อเท่านั้น
(รุ่น Space Cab SLX,SX,SL รุ่น Spark และ รุ่น Cab 4 SLX,SX,SL)
  
โดยได้เปิดตัวเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2005
หลังจากนั้นไม่นานก็ได้มีการปรับโฉมเป็นครั้งสุดท้าย 
 
 
โดยได้เพิ่มกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
นับเป็นรายแรกในกระบะเมืองไทยที่ติดไฟเลี้ยวไว้ที่กระจกมองข้าง
ตามมาด้วยเพิ่มความสูงของตัวรถถึง 25 มม.
 

ในรุ่น Hi-Lander และ LS พร้อมด้วยกุญแจพร้อมรีโมทพร้อม
ระบบ Immobilizer และอื่นๆอีกมากมาย

 _____________________________________________________________
 

 4.ISUZU D-MAX รุ่นใหม่ของโลก!! การปรับโฉมครั้งใหญ่ของอีซูซุ ดีแมคซ์
ระยะเวลาการทำตลาดในประเทศไทย 2006 - 2007
หลังจากที่เปิดตัวในรุ่นซูเปอร์ คอมมอนเรลมานานบวกกับ
กระแสของวีโก้เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆเนื่องด้วยโตโยต้าได้มี
การเพิ่มการผลิตมากขึ้นจนลูกค้าสามารถรับรถได้ทันที
 อีซูซุก็ซุ่มพัฒนาเครื่องยนต์รุ่นใหม่ในตระกูลไอ-เทคมาประมาณ 2 ปี
จนมาถึงวันที่ 8 ตุลาคม 2006 อีซูซุจึงได้ฤกษ์ในการเปิดตัว
อีซูซุ ดีแมคซ์ รุ่นใหม่ของโลกพร้อมกับ อีซูซุ มิว-7 โดยเครื่องยนต์นั้นได้มี
การพัฒนามาจากรุ่น 4JJ1-TC พัฒนาให้แรงขึ้นกว่าเดิม
จนมาเป็นเครื่องยนต์ ไอ-เทค ซูเปอร์คอมมอนเรล 

 

รหัส 4JJ1-TCX  4 สูบ DOCH 16 วาล์ว พร้อมเทอร์โบแปรผันแบบ
  VGS Turbo และอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ถูกติดตั้งอยู่ด้านบน
พร้อมสคูปดักลมขนาดใหญ่ 
   ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า(120 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบ/นาที 
 แรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตรที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที ในรุ่นเกียร์ธรรมดา
 และ 333 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-3,200 รอบ/นาที ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ


ส่วนในรุ่น 3,000 ซีซีและ 2,500 ซีซี ได้มีการปรับระบบควบคุม
การฉีดน้ำมันใหม่ พร้อมกับเปลี่ยนระบบประมวลผล
(Hi-speed IC) ให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น กรองน้ำมันเชื้อเพลิงเป็น
แบบเปลี่ยนเฉพาะไส้กรองช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
 และเพิ่มอุปกรณ์ลดอุณหภูมิของน้ำมันเชื้อเพลิงที่ไหลกลับเข้าถัง

 

ส่วนภายนอกนั้นได้มีการออกแบบใหม่หมด โดยมีแนวคิด Hexapod Design
โดยการออกแบบที่มีความโค้งมนบวกกับความแข็งแกร่ง บึกบึน

 

ไฟหน้านั้นเป็นแบบโปรเจ็คเตอร์(Projector Lens)
นับเป็นรายแรกของรถกระบะเมืองไทยให้ความสว่างกว่า
ไฟแบบฮาโลเจนถึง 2 เท่า ส่วนไฟท้ายเป็นแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์
 ไฟตัดหมอกเปลี่ยนเป็นทรงกลมจากรุ่นก่อนที่ใช้ทรงสี่เหลี่ยม
 ล้ออัลลอยด์ดีไซน์ใหม่ แบบ 6 ก้านขนาด 15 นิ้วในรุ่น SLX
  และขนาด 16 นิ้วในรุ่น Hi-Lander และ LS

 

กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวขนาดใหญ่ในรุ่น SLX,Hi-Lander และ LS  
นอกจากนั้นยังเพิ่มแผ่นปิดใต้เครื่องยนต์ ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อทุกรุ่น

 

 ส่วนในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ จะติดตั้งแผ่นเหล็กกัน
กระแทกช่วงล่างใต้ท้องรถและครีบรีดลมที่ล้อหน้า 

 

พิเศษเฉพาะรุ่น SLX SX และSL เพิ่มสปอยเลอร์ใต้กันชนหน้า(Air Dam)
  และครีบรีดลมล้อหลังภายในนั้นได้มีการออกแบบใหม่หมดทั้ง

 

 คอนโซล,ปุ่มควบคุมต่างๆ,ช่องแอร์ดีไซน์ใหม่ แบบทรงกลม
พวงมาลัย 4 ก้านดีไซน์ใหม่,มาตรวัดเรืองแสงแบบ Super Vision

 

ครั้งแรกในวงการรถกระบะเมืองไทยกับมาตรวัดเรืองแสงดีไซน์แบบ 3 มิติ
ที่เห็นชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืนพร้อมจอแสดงผลแบบ
Muti-Information Meter เครื่องเล่นซีดีแบบ Buit-in เล่น MP3 และ WMA 
ได้เป็นรุ่นแรกในรถกระบะเมืองไทย อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน
ทั้งกล่องเก็บของอเนกประสงค์เหนือศีรษะพร้อมไฟส่องขนาดใหญ่ 2 จุด
 ระบบไล่ฝ้ากระจกหน้า กระจกข้างและ
แผงลวดไล่ฝ้าที่กระจกหลัง
 (เฉพาะในรุ่น LS, SLX และ Hi-Lander)
กุญแจดีไซน์ใหม่พร้อมรีโมท พร้อมระบบ Immobilizer
ป้องกันการสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยกุญแจปลอม
(เฉพาะในรุ่นแค็บ4 LS, SLX และ Hi-Lander 4 ประตู)
ในส่วนชุดเกียร์นั้นได้มีการพัฒนาใหม่เพื่อรองรับเจ้า VGS Turbo



โดยเกียร์ธรรมดานั้นได้ใช้รุ่น MUX ออกแบบ
โครงสร้างเกียร์ใหม่หมดด้วยแนวคิด Load Reduction ลดภาระ
การทำงานของเฟืองเกียร์ พร้อมร่องน้ำมันแบบพิเศษ
 ครีบระบายความร้อนด้วยอากาศ และแผ่นคลัตช์ขนาดใหญ่ 275 มม.

 

ส่วนเกียร์อัตโนมัติได้ใช้รุ่น “Maxmatic III” 4 สปีด พร้อมโอเวอร์ไดรฟ์ 
ควบคุมด้วยกล่องสมองกลรุ่นล่าสุด พร้อมระบบ 3rd Start Mode
 ป้องกันการลื่นไถล เมื่อออกรถบนทางลื่น โดยชุดเกียร์อัตโนมัติรุ่นนี้
ได้พัฒนามาจากเครื่องยนต์ 3,000 ซีซี ซึ่งใช้รุ่น“Maxmatic II”
ระบบความปลอดภัยอีซูซุใหม่เปลี่ยนหม้อลมเบรกและ
ดิสก์เบรกให้มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมปรับสมดุลระหว่างล้อหน้า
และล้อหลังใหม่ พร้อมติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่ โครงสร้างนิรภัย
แบบขึ้นรูปชิ้นเดียวยุบตัวได้ กระจกหน้าแบบนิรภัย 2 ชั้น
 ประตูเสริมคานเหล็กและแกนพวงมาลัยยุบตัวได้

 

นอกจากนี้ยังได้เพิ่มทางเลือกสำหรับเครื่องยนต์ 2,500 ซีซี
ในรุ่น Hi-Lander(2 ประตูและ 4 ประตู)และรุ่น RODEO


  _____________________________________________________________





 5.ISUZU D-MAX GOLD SERIES รุ่นพิเศษฉลอง 50 ปีของอีซูซุ
ระยะเวลาการทำตลาดในประเทศไทย 2007 - 2008

เนื่องด้วยปี 2007 อีซูซุมีระยะเวลาในการทำตลาดในประเทศไทย
เป็นระยะเวลา 50 ปีอีซูซูจึงเปิดตัว”อีซูซุ ดีแมคซ์ โกลด์ ซีรี่ย์”
และ”อีซูซุ มิว-7 โกลด์ ซีรี่ย์"เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2007
โดยการทำรุ่นพิเศษนั้นได้มีแนวคิด”Golden Jubilee

 

โดยความพิเศษของรุ่นนี้มีการตกแต่งเพิ่มขึ้นและให้สื่อถึง
ความเป็น”ทอง”ด้วยสัญลักษณ์ ISUZU สีทองที่กระจังหน้า 
ฝากระบะท้ายและที่พวงมาลัย รูปลักษณ์ด้านหน้า
ออกแบบพิเศษ Full Face Grille เอกลักษณ์ใหม่ที่ล้ำหน้า หรูหรา
ขับเน้นรูปทรงด้านหน้าให้โดดเด่นอย่างมีสไตล์ 

 

(ในรุ่น SLX และ Hi-Lander) และ ใหม่! กระจังหน้าออกแบบพิเศษ
พร้อมการ์ดกันชนหน้า (Bumper Guard)
เพิ่มความเท่ บึกบึน และเร้าใจสไตล์ออฟโรด (ในรุ่น LS) 
กระจกด้านคนขับแบบ Wide Vision
ให้มุมมองกว้างขึ้นถึง 30% ลดจุดบอดในการมองเห็นของผู้ขับขี่ 
ปลอดภัยยิ่งขึ้น ไฟเบรกดวงที่ 3
แบบ LED ดีไซน์ใหม่ ครั้งแรกในรถกระบะ
เพิ่มสีใหม่ให้เลือกอีก 3 สี ทั้งสีบรอนด์ทองเมทาลิค
สีน้ำเงินเมทาลิค และสีแดงไมก้า

 

กุญแจแบบ Integrated Key* รวมกุญแจและรีโมทไว้ในหนึ่งเดียว
พร้อมระบบ Immobilizer (ในรุ่น 4 ประตู)
 อีกระดับของความหรูหรา ทันสมัย สะดวกสบาย ที่มาพร้อมความปลอดภัย
พร้อมกันนี้อีซูซุได้เพิ่มทางเลือกสำหรับคนที่ชอบความแรง เร้าใจ
โดยการเพิ่มรุ่น Hi-Lander Cab-4 3.0 VGS Turbo มีให้เลือกทั้ง
เกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา

 

พอมาปี 2008 อีซูซุได้เปิดตัวซูเปอร์พรีเซ็นเตอร์ถึง 4 คนคือ
1.ก็อท-จักรพันธ์ ครบุรีธีรโชติ
2.โดม-ปกรณ์ ลัม
3.ปีเตอร์-คอร์ป ไดเรนดัล
4.มอส-ปฏิภาณ ปฐวีกานต์
พร้อมเพิ่มทางเลือกสำหรับเครื่องยนต์ VGS Turbo อีก 2 รุ่นคือ
1.Isuzu D-max Rodeo Gold Series
2. Isuzu D-max Hi-Lander Gold Series 2 ประตู
พร้อมกันนี้ยังเปิดตัวรุ่น Smart รุ่นประหยัดโดยมีในรุ่น Spacecab SLX
พร้อมกันนี้ ก็อท-จักรพันธ์ ก็ได้ขับร้องเพลง”มีแต่รวย”
ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ 
ให้ฮิตติดหูไปทั่วบ้านทั่วเมือง

  _____________________________________________________________

 
 
 6.ISUZU D-MAX PLATINUM จากความหรูหราระดับทอง
สู่ความเหนือระดับแบบทองคำขาว
 ระยะเวลาการทำตลาดในประเทศไทย 2008 - 2009

หลังจากที่ฉลองครบ 50 ปีของอีซูซุในประเทศไทย 

อีซูซุก็เริ่มฉีกกรอบเดิมของกระบะแล้วนำสิ่งค่ายอื่นเขาไม่เอามา
ใส่นั้นก็คือ”กล้องมองหลัง”แล้วแต่งหน้าทาปากให้ดูดีขึ้น
พร้อมใช้ชื่อใหม่ในนาม”อีซูซุ ดีแมคซ์ แพลททินั่ม”ได้มีการตกแต่งใหม่




ไม่ว่าจะเป็น กระจังหน้าดีไซน์ใหม่แบบ U-Shapr Under Grille (ในรุ่น LS)
 ไฟหน้า Projector พร้อมเลนส์สีขาว (ในรุ่น SLX, Hi-Lander และ LS)
ชุดโครเมี่ยม Platinum Package เสริมบรรยากาศแห่งความหรูหราเหนือระดับด้วย
กรอบแบบโครเมี่ยมแวววาวทั้งภายนอกและภายในอย่างลงตัว

(ในรุ่น SLX, Hi-Lander และ LS)
ล้ออัลลอยด์ ขนาด 16 นิ้ว ลายก้านคู่ (Twin-spoke) 

(ในรุ่น Hi-Lander และ LS)ดีไซน์ใหม่



ภายในห้องโดยสารได้มีการตกแต่งด้วยชุดโครเมี่ยม Platinum Package
พร้อมติดเครื่องเล่นดีวีดีจาก Kenwood ขนาด 6.1 นิ้ว

ควบคุมการทำงานได้จากหน้าจอด้วย
ระบบสัมผัส (Touch Screen) เล่นได้ทั้ง DVD/VCD/MP3/ WMA 


 
และ DivX  เชื่อมต่ออุปกรณ์ความบันเทิงได้ทั้ง iPod และเครื่องเล่น MP3 อื่นๆ
ผ่านทางช่องเสียบ USB รองรับระบบ Bluetooth สำหรับโทรศัพท์มือถือ 
 TV Tuner, Navigator และ CD Changer เพิ่มเติมได้(เป็นอุปกรณ์เสริม)
พร้อมติดตั้ง Platinum Vision Camera กล้องมองภาพด้านหลัง
ขณะถอยจอดจาก Kenwood ปรากฏการณ์ใหม่ในวงการรถปิกอัพเมืองไทย

เพิ่มความมั่นใจขณะถอยจอด ปลอดภัยยิ่งขึ้น



  
 สำหรับในรุ่นสปาร์คติดตั้งมาตรวัดใหม่พร้อมวัดรอบเครื่องยนต์
นอกจากอีซูซุได้เปิดตัวรุ่นสมาร์ทที่มีให้เลือกถึง 3 รุ่น

ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2500 ซีซี ได้แก่
ไฮแลนเดอร์ 2 ประตู รุ่นสมาร์ท
สเปซแค็บ รุ่น SLX สมาร์ท
แค็บโฟร์ รุ่น SLX สมาร์ท
พร้อมกันนี้ยังมีเพลงใหม่ที่ใช้ชื่อว่า”ยิ่งใช้ ยิ่งรวย”ที่ ก็อท-จักรพันธ์

ได้ร้องไว้ในโฆษณาชุด”ยิ่งใช้ ยิ่งรวย”
แต่งานนี้เครื่องยนต์ 3,000 ซีซี ไอเทค เริ่มมีบทบาทที่น้อยลงเรื่อยๆ
เพราะเหลือแค่รุ่น Spacecab SLX ที่มีให้เลือกทั้งเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา

_____________________________________________________________


 


 7. ISUZU D-MAX SUPER PLATINUM 
พัฒนาจากรุ่น PLATINUM แถมติด GPS มาซะด้วย
 ระยะเวลาการทำตลาดในประเทศไทย 2009 - 2010

หลังจกาที่อีซูซุสามารถขายเจ้า PLATINUM จนสามารถแซงโตโยต้า
ได้ประมาณ 6 เดือนก่อนที่โตโยต้าจะกลับมาชนะอีกครั้ง
 โดยที่โตโยต้าได้ส่งเครื่องยนต์ D-4D 2.5 VN Turbo มาเพิ่มตลาด
จนขายดีเป็นว่าเล่น อีซูซุเลยสวนหมัดแถมงานนี้เล่นแรงกว่าครั้งไหนๆ

 

ด้วยการเปิดตัว”อีซูซุดีแมคซ์ ซูเปอร์ แพลททินั่ม”ที่งานนี้
ได้ปรับโฉมเล็กๆน้อยๆ ไม่ว่าจะเป็น
- ล้ออัลลอยด์ ขนาด 16 นิ้ว ลายก้านคู่ (Twin-spoke)
- ดีไซน์ปัดเงาในรุ่น Hi-Lander และ LS 
- สคูปฝากระโปรงขอบสีเงิน(ในรุ่นเครื่องยนต์ 3,000 ซีซี VGS Turbo)
- บันไดข้างแบบโครเมียม ในรุ่น Hi-Lander และ LS 
- กระจังหน้าดีไซน์ใหม่แบบ U-Shapr Under Grille ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ
- การ์ดกันชนหน้าสีเงินแมทาลิคในรุ่น Hi-Lander 
และ สีเทาแมทาลิคในรุ่น LS

 

 
 ส่วนภายในมีการตกแต่งห้องโดยสารใหม่
 

 
 เพิ่มโทนสีสีเบจ ในรุ่น 4 ประตู
ให้ความรู้สึก ผ่อนคลายตลอดการเดินทาง
โดยรุ่น Cab 4 จะหุ้มเบาะด้วยหนัง

  

 

ส่วนรุ่น Rodeo หรือ Hi-Lander 2 ประตู
ก็ยังมีโทนสีเบาะดำแต่ รุ่น Hi-Lander จะมีเบาะผ้าลายพิเศษ ทูโทน 
มาให้โดยเฉพาะ



 

ขณะที่รุ่นสเปซแค็บ SLX ก็จะเป็นเบาะผ้าลาย
สปอร์ตสีเทาเข้ม  ขอบวงแหวนโครเมี่ยม Platinum Package 
สวยโฉบเฉี่ยวเต็มอารมณ์สปอร์ต ช่องแอร์ เป็นแบบวงกลม สไตล์รถยุโรป


และแผงคอนโซลสไตล์"แบล็คโมเดิร์นกราไฟท์" 
(Black Modern Graphite)
  ตกแต่งด้วยขอบวงแหวนโครเมี่ยมสวยโฉบเฉี่ยวเต็ม
อารมณ์สปอร์ต พร้อมเบาะนั่งดีไซน์เฉพาะรุ่น
แต่ทีเด็ดของรุ่นนี้คือ

  

“ระบบเพื่อนนำทางอัจฉริยะ i-GENii 
(Genius Exploring Network Interactive Intelligence)”
เป็นครั้งแรกในรถกระบะเมืองไทยที่ติดตั้งระบบนำทางไว้ในรถกระบะ 
พร้อมเครื่องเล่นดีวีดีจาก Kenwood ขนาด 7 นิ้ว 
เล่นได้ทั้ง DVD/VCD/MP3/WMA และ DivX พร้อมระบบเชื่อมต่อ
 โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบไร้สาย Built-in Bluetooth 
และสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์บันเทิงได้ทั้งiPhone, iPod 
และ เครื่องเล่น MP3พร้อมเมนูภาษาไทย
 ติดตั้งกล้องมองภาพขณะถอยจอด Platinum Vision Camera
จาก Kenwoodโดยระบบ GPS นั้นได้รับความร่วมมือจาก GARMIN
มารับหน้าที่ในเรื่องระบบนำทางให้กับอีซูซุ

 

โดยรุ่นที่ติดตั้งนั้นมีรุ่น 
- SLX (SpaceCab)
- Hi-Lander 2 ประตู และ 4 ประตู
- LS (ยกเว้นรุ่น 2.5 ลิตร)
 พร้อมกันนี้อีซูซุดีแมคซ์ ซูเปอร์ แพลททินั่ม 
ได้ใช้สโลแกนใหม่ว่า”นำทางรวย”โดยมี ก็อท-จักรพันธ์
มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับอีซูซดีแมคซ์ ซูเปอร์ แพลททินั่ม เพียงคนเดียว
ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ 3,000 ซีซี ไอเทค ในรุ่น Spacecab SLX 
มีให้เลือกแค่เกียร์อัตโนมัติเท่านั้น
 
  _____________________________________________________________

ทั้งหมดนี้คือประวัติอีซูซดีแมคซ์ที่สร้างความยิ่งใหญ่ให้กับ
คนไทยและคนทั่วโลกแล้วยังมีอีกบทพิสูจน์ที่ถือว่า
อีซูซดีแมคซ์มีความทนทานสูงโดยการร่วมมือกับ
รายการ The Adventure ภารกิจพิชิตโลก ทางไทยทีวีสีช่อง 3
โดยมีดาราทั้งหมด 8 คนโดยงานนี้”นีโน่ – เมทนี บุรณศิริ”
เป็นเจ้าของรายการกับรถอีซูซดีแมคซ์จำนวน 8 คัน

 

 ร่วมเดินทางจากกรุงเทพมหานครไปยังเอเวอเรส เบสแคมป์
 ด้วยระยะทาง 15,000 กม.ฝ่าสภาพเส้นทางต่างๆไม่ว่าจะเป็น
 เส้นทางที่มีหิมะด้วยอุณหภูมิที่ติดลบถึง 30 องศาเซลเซียส
บนเทือกเขาเอเวอเรสต์และฝ่าความร้อนกลาง
ทะเลทรายจากประเทศจีน 

 
 
 นี่คือบทพิสูจน์ของอีซูซุดีแมคซ์ ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวจน
สามารถพิชิตเอเวอเรส เบสแคมป์ ด้วยระยะทาง 15,000 กม.
ถ้าใครอยากจะดูความแกร่งและความทนทานของอีซูซุดีแมคซ์
ต้องติดตามในรายการ The Adventure ภารกิจพิชิตโลก 
ทุกวันเสาร์ เวลา 15.45 น.-16.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3

 

 นอกจากนี้ความโดดเด่นของอีซูซุ ดีแมคซ์อีกอย่างที่
หลายคนบอกกันมาตลอดคือ”ความประหยัดน้ำมัน”
ที่ได้มีการพิสูจน์แล้วไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศ
มีถึง 4 บททดสอบด้วยกันคือ

1.ปี 2005 เชียงใหม่-มาเลเซีย ระยะทาง 1,727 กม.
รถที่ใช้ทดสอบอีซูซุดีแมคซ์ เครื่องยนต์ 2,500 ซีซี ซูเปอร์คอมมอนเรล

2.ปี 2006 กรุงเทพฯ - ลาว (สะหวันเขต) - เวียดนาม (เว้) ระยะทาง 1,102 กม.
รถที่ใช้ทดสอบอีซูซุ ดีแมคซ์ เครื่องยนต์ 2,500 ซีซี
 3,000 ซีซี และ 3,000 ซีซี VGS Turbo ซูเปอร์คอมมอนเรล จำนวน 7 คัน
และ อีซูซุ มิว-7 เครื่องยนต์ 3,000 ซีซี VGS Turbo
ซูเปอร์คอมมอนเรล จำนวน 1 คัน

3.ปี 2008 กรุงเทพฯ – มาเลเซีย(ปีนัง) ระยะทาง 1,215 กม.
รถที่ใช้ทดสอบอีซูซุดีแมคซ์ เครื่องยนต์ 2,500 ซีซี
 3,000 ซีซี และ 3,000 ซีซี VGS Turbo ซูเปอร์คอมมอนเรล จำนวน 8 คัน
และ อีซูซุ มิว-7 เครื่องยนต์ 3,000 ซีซี VGS Turbo
ซูเปอร์คอมมอนเรล จำนวน 1 คัน

4.ปี 2009 ไทย(สุราษฎร์ธานี) - มาเลเซีย – สิงคโปร์ ระยะทาง 1,250 กม.
รถที่ใช้ทดสอบอีซูซุดีแมคซ์ เครื่องยนต์ 2,500 ซีซี
 3,000 ซีซี และ 3,000 ซีซี VGS Turbo ซูเปอร์คอมมอนเรล จำนวน 8 คัน
และ อีซูซุมิว-7 เครื่องยนต์ 3,000 ซีซี VGS Turbo 
ซูเปอร์คอมมอนเรล จำนวน 1 คัน

บททดสอบในแต่ละครั้งพิสูจน์ให้เห็นถึง
ความประหยัดน้ำมันนั้นก็คือ”น้ำมัน 1 ถังยังเหลือ”
แสดงได้ถึงความประหยัด,ความคุ้มค่าเงินในกระเป๋าและความทนทาน
ถือเป็นบทสำคัญของอีซูซุดีแมคซ์  ถึงแม้กาลเวลาจะผ่านแต่
ความเชื่อมั่นของคนไทยและคนทั่วโลกที่มีให้กับอีซูซุดีแมคซ์
ยังคงเหนี่ยวแน่นดังประชาคมอีซูซุตลอดไป


เผยแพร่ครั้งแรก 10 กุมภาพันธ์ 2010
เขียนโดย Naow27

๓ ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เดี๋ยวนี้มีซูเปอร์ ไททาเนี่ยมแล้วด้วย

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เดี๋ยวจะมีเวอร์ชั่นใหม่ในเว็บ Carside ครับ แจต่ต้องรอหลังจาก RT-50 เปิดตัวครับ

Unknown กล่าวว่า...

เยี่ยมครับ