AUTO THAILAND's Fan Box

AUTO THAILAND on Facebook

Facebook Fanpage QR Code

qrcode

เจอกันที่ใหม่ จัดเต็มกว่าเดิม!

๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓

Toyota Prius : 2 ปีที่เรารอ...สิ้นสุดลงแล้ว!!

หลังจากเมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคม โตโยต้าได้แถลงความพร้อม
เกี่ยวกับการผลิตและจำหน่าย รถไฮบริดระดับโลกอย่าง Toyota Prius 
แล้วเมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2553 โตโยต้าก็ได้เปิดตัว Prius อย่างเป็นทางการ
พร้อมกันนี้ ยังเตรียมเปิดตัวต่อประชาชนทั่วไปในงาน Motor Expo




หากย้อนหลับไปประมาณเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โตโยต้าได้นำพรีอุสรุ่นที่ 3
ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นญี่ปุ่นมาจัดแสดงในงาน Motor Show 2009 และ 2010
(ในปี 2010 แสดงเพียงแค่โครงสร้างการทำงานของพรีอุส)
ซึ่งการแสดงในช่วง 2 ปีนั้น เป็นเก็บข้อมูลว่าผู้บริโภคไทย
มีความสนใจในตัวรถ Toyota Prius มากน้อยเพียงใด 




ผลปรากฏมีคนให้สนใจเจ้าพรีอุสมากพอสมควรบวกกับศึกษาสภาพการขับขี่
และสภาพอากาศในประเทศไทย เพื่อที่จะปรับชิ้นส่วนเครื่องยนต์ให้เหมาะสม
กับถนนในประเทศไทย จนในที่สุดพรีอุสในการได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
ซึ่งพรีอุสรุ่นนี้ผลิตในประเทศไทยที่ โรงงาน โตโยต้า เกต์เวย์ สมุทรปราการ
ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ประเทศที่ได้ผลิต Toyota Prius นอกจากประเทศจีนและญี่ปุ่น




งานนี้ มร.อากิฮิโกะ โอทซูกะ หัวหน้าวิศวกร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ 
คอร์เปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า "แนวความคิดในการ
พัฒนา พริอุส ใหม่ คือ การเป็นรถยนต์ไฮบริดที่มีสมรรถนะดีที่สุดในโลก 
ที่ให้ทั้งความสนุกในการขับขี่ มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่น 
แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์อันโดดเด่นของพริอุส
นั้นคือ ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และประหยัดน้ำมัน"


"โตโยต้า พริอุส มีความโดดเด่นในหลายด้าน อาทิ
 ประสิทธิภาพของระบบไฮบริดที่ดีเยี่ยม การออกแบบที่ล้ำหน้า 
การติดตั้งอุปกรณ์ที่มีเทคโลยีล้ำสมัย และ มีสมรรถนะในการขับขี่ที่น่าประทับใจ"



มร.โอทซูกะ กล่าวเพิ่มเติมว่า "ประสิทธิภาพของ
ระบบไฮบริดที่ดีเยี่ยมนั้น เกิดจากการเพิ่มขนาดความจุ
เครื่องยนต์เป็น 1,800 ซีซี ที่ให้กำลังและแรงบิดดีขึ้น
 ในขณะที่รอบการทำงานต่ำลง การใช้ระบบ EGR แบบเย็น
 การใช้ปั้มน้ำไฟฟ้าที่ช่วยลดการใช้สายพานหน้าเครื่อง
 ตลอดจนมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีขนาดเล็กลง แต่มีความเร็วรอบมากขึ้น 
อินเวอร์เตอร์ที่มีขนาดเล็กลง แต่ให้กำลังไฟมากขึ้น 
ทั้งหมดนี้ส่งผลให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง
 เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า แต่ให้อัตราเร่งเทียบเท่ารถยนต์
ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2,400 ซีซี."


"นอกจากนี้ การออกแบบภายนอกที่คำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์
ส่งผลให้ พริอุส มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานเพียง 0.25 เท่านั้น
นับเป็นค่าที่ต่ำเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ส่วนภายในได้รับ
การออกแบบโดยเน้นถึงการวางตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆ
ให้สะดวกต่อการควบคุม และการมองเห็น พร้อมติดตั้งอุปกรณ์
ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมาย เช่น ระบบ Head Up Display 
ที่สามารถแสดงผลมาตรวัดความเร็ว รถบนกระจกบังลมด้านหน้า
 การแสดงปุ่มควบคุมพวงมาลัยบนจอมาตรวัดความเร็ว
ช่วยให้ผู้ขับสามารถมองเห็นได้ในระดับสายตา เพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้น"

"นอกจากนี้ ชิ้นส่วนภายในยังทำมาจากพลาสติกที่มี
ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โตโยต้า พริอุส ใหม่ 
ได้นำเสนอคุณค่าแห่งยนตรกรรม ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะ
ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การประหยัดน้ำมัน 
รูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว และอุปกรณ์ที่ล้ำสมัย" มร.โอทซูกะ กล่าวปิดท้าย



สำหรับภายนอกของพรีอุสนั้น ได้ออกแบบให้ลู่ลม ลดแรงเสียดทาน
ทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์ หรือ ค่า Cd  (Co-efficient of drag)  อยู่ที่ 0.25 
ไฟหน้านั้นเป็นแบบ Projector ลำแสงเป็นแบบ LED ปรับสูง-ต่ำ
และเปิด-ปิด อัตโนมัติ พร้อมระบบทำความสะอาดไฟหน้าในรุ่น Top 
ส่วนรุ่นมาตรฐานจะเป็นแบบ ฮาโลเจน ล้ออัลลอยด์ขนาด 15 นิ้ว
ออกแบบโดยคำนึงถึงการหมุนวนของอากาศบริเวณซุ้มล้อ 
พร้อมยางขนาด 195/65 R15 ขณะที่ไฟท้ายเป็นแบบ LED  
  

เข้าไปภายในก็พบกับอุปกรณ์ที่ทันสมัยสุดๆ อาทิ Head-up Display
แสดงผลมาตรวัดความเร็ว และระบบการขับขี่บนกระจกบังลมด้านหน้า
ไม่บดบังทัศนวิสัย ไม่ต้องละสายตาจากถนน
จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบออพติตรอน 
(Advanced Multi-Information Display หรือ MID) 
แบ่งการแสดงผลออกเป็น 3 โหมด
- โหมดการทำงานของระบบไฮบริด (Energy Monitor)
- โหมดแสดงผลการขับขี่แบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Hybrid System Indicator)
- โหมดแสดงผลอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง (Consumption Record)



ปุ่มควบคุมที่พวงมาลัยระบบสัมผัส แสดงภาพกราฟฟิก
ปุ่มควบคุมบริเวณพวงมาลัยบนจอ MID ได้สามารถมองเห็น 
และควบคุมระบบเครื่องเสียง ระบบปรับอากาศ 
และระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สายแบบบลูทูธได้สะดวก ปลอดภัย
- เครื่องเสียง 6 CD* ลำโพง 8 จุด รองรับไฟล์ MP3 / WMA
 พร้อมช่องต่อ AUX (*เฉพาะรุ่น Top Grade)






- ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth) เพื่อความปลอดภัยขณะขับขี่
- ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ (Smart Entry) และ ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ 
(Push Start) ไม่ต้องใช้กุญแจในการเปิดประตูและการสตาร์ทรถ
- เบาะนั่งพิเศษ ปฎิวัติแนวคิดการออกแบบเพื่อความสบาย
สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง โดยการเพิ่มพื้นที่ระหว่างเบาะหน้าและเบาะหลัง
- พื้นที่เก็บของด้านหลัง กว้างขวาง เพียงพอสำหรับถุงกอล์ฟ 3 ใบ




สำหรับเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังนั้น โตโยต้า พรีอุส ใหม่ เป็นรถไฮบริด
ที่ใช้พลังงานไฮบริดประมาณ 80 % ดังนั้นระบบโดยรวมจะเหมือน
Camry hybrid แต่การใช้พลังงานนั้น Prius จะใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่า
ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1,800 ซีซี แบบ Atkinson Cycle 
ระบบควบคุมการหมุนเวียนไอเสีย EGR (Exhaust Gas Recirculation)
ติดตั้งระบบระบายความร้อน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุม
มลภาวะจากไอเสีย รหัส 2ZR – FXE / 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VVT-i
ความจุกระบอกสูบ 1,797 ซีซี แรงม้าสูงสุด 73 กิโลวัตต์ (99 แรงม้า)
ที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที

มอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor) ระบบเกียร์ทดกำลัง
ให้มีขนาดเล็กลง และเบา แต่รองรับการทำงานของเครื่องยนต์
ที่มีกำลังสูงขึ้นชนิด มอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร
แรงดันไฟฟ้าสูงสุด 650 โวลต์ กำลังสูงสุด 60 กิโลวัตต์ (82 แรงม้า) 
แรงบิดสูงสุด 207 นิวตัน-เมตร เกียร์ไฟฟ้าอัตโนมัติ (Electronic Gear Shift)
พร้อมระบบคันเกียร์ที่กลับคืนสู่ตำแหน่งกลางโดยอัตโนมัติ
ทุกครั้งหลังการเข้าเกียร์ เกียร์ทดกำลัง (Reduction Gear) เพิ่มแรงบิด
ให้มอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมให้ความนุ่มนวลในจังหวะการเปลี่ยนเกียร์

อุปกรณ์แยกกำลัง (Power Split Device) ผสานการทำงานระหว่าง 
เครื่องยนต์ มอเตอร์ไฟฟ้า และ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า เครื่องกำเนิดไฟฟ้า
(Generator) ตอบสนองการเร่ง โดยการเสริมพลังไฟฟ้าให้กับมอเตอร์
ขับเคลื่อนหน่วยควบคุมไฟฟ้า (Power Control Unit) ควบคุมไฟฟ้า
กระแสตรงจากแบตเตอรีไฟฟ้ากระแสสลับจากมอเตอร์ไฟฟ้า 
และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าให้ทำงานได้อย่างเหมาะสม
พร้อมช่วยขยายกำลังไฟฟ้าจากแบตเตอรีได้สูงถึง 650 โวลต์
แบบ Ni-MH (Nickel–Metal Hydride)น้ำหนักเบาลง ทนทานยิ่งขึ้น


โหมดการขับขี่มีให้เลือกถึง 3 โหมดคือ
-PWR Mode ผสานกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์อย่างเต็มที่ 
เพื่อตอบสนองการขับขี่อย่างทันใจ
-ECO Mode โหมดประหยัดน้ำมัน เลือกใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า
และเครื่องยนต์อย่างเหมาะสม คำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า
-EV Mode ใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว 
ให้การขับขี่ที่เงียบสนิท เหมาะสำหรับการเดินทางในบริเวณที่ใช้ความเร็วต่ำ



ส่วนความปลอดภัยนั้น Toyota Prius จัดมาแบบเต็มๆ
ทั้งแบบป้องกัน (Active Safety)

สัญญาณไฟเบรกอัตโนมัติ (Emergency Stop Lamps) 
ระบบควบคุมการทรงตัว (VSC - Vehicle Stability Control) 
ที่ทำงานร่วมกับ EPS (Electronic Power Steering) รักษาการทรงตัว
ของรถในทุกสภาพการขับขี่ 
ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution)
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System)
ระบบป้องกันล้อล็อก (Anti-lock Braking System)



ส่วนแบบปกป้องก็มี
-ถุงลมเสริมความปลอดภัย 7 จุดรอบคัน ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง / ด้านข้าง 2 ตำแหน่ง 
ม่าน 2 ตำแหน่ง / เข่าคนขับ 1 ตำแหน่ง
-หมอนพิงศีรษะคู่หน้าแบบช่วยลดแรงกระแทก (Active Headrest)
เมื่อเกิดการชนจากด้านหลัง หมอนพิงศีรษะจะปรับองศาอัตโนมัติ
เพื่อรองรับสรีระบริเวณคอทันที ช่วยลดโอกาสการบาดเจ็บที่กระดูกคอ
-โครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA ช่วยดูดซับแรงกระแทก
 เทคโนโลยีเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริเวณห้องโดยสาร
จากการชนด้านหน้า ด้านข้าง เพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซับ
และกระจายแรงกระแทก ลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร 
  

สำหรับ Toyota Prius ใหม่นี้ มีสีให้เลือกถึง 5 สีคือ
สีขาว White Pearl (เฉพาะรุ่น Top Grade), สีฟ้า Light Blue Mica Metallic
สีเงิน Silver Metallic, สีดำ Black Mica และ สีแดง Blackish Red Mica

มีให้เลือก 2 รุ่นคือ 
รุ่นมาตรฐาน (Standard Grade) 1,190,000 บาท
รุ่นท็อป (Top Grade) 1,260,000 บาท (สีขาวเพิ่มอีก 10,000 บาท)


โดยการเปิดตัวต่อประชาชนทัวไปนั้น จะเปิดตัวกันในงาน Motor Expo 2010
ในวันที่ 1-12 ธ.ค. 2553 ที่อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี
 และที่โชว์รูมโตโยต้าทั่วประเทศ


ไม่มีความคิดเห็น: