AUTO THAILAND's Fan Box

AUTO THAILAND on Facebook

Facebook Fanpage QR Code

qrcode

เจอกันที่ใหม่ จัดเต็มกว่าเดิม!

๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๓

Chevrolet Cruze : ซีดานพันธุ์ใหม่..ที่ต้องฝากความหวังไว้ที่"การตลาด"!

หากจะพูดถึงเชฟโรเลตนั้น เป็นรถสายพันธุ์อเมริกัน
ที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ แต่ในไทยนั้นดูเงียบเหงาไปบ้าง
จน GM Thailand ได้จัดงานแถลงข่าวเกี่ยวกับนโยบายและแนะนำ
ประธานคนใหม่ของเชฟโรเลตในประเทศไทย อีกทั้งยังได้เผยโฉม
Chevrolet Cruze รุ่น Ls ในชนิดแว้บเดียว หลังจากนั้นก็มี
บุคคลนิรนาม(ซึ่งคาดว่าเป็นคนในบริษัท)มาปล่อยสเปคและรายละเอียดต่างๆ
ชนิดหมดความตื่นเต้น(นิดหน่อย) กระแสของ Cruze นั้น อยู่ในระดับที่พอถูไถ
จนเมื่อวานนี้( 23 พฤศจิกายน 2553) เชฟโรเลตในประเทศไทยก็ได้ฤกษ์
ในการเปิดตัว Chevrolet Cruze อย่างเป็นทางการ ก่อนทีจะเปิดตัว
ต่อสาธารณะชน ในงาน Motor Expo 2010 ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้




มร. มาร์ติน แอพเฟล ประธานกรรมการ บริษัท เจนเนอรัล
 มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 
และ บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "การเปิดตัว
 เชฟโรเลต ครูซ ถือเป็นก้าวที่สำคัญที่สุดอีกครั้งของ จีเอ็ม และ 
เชฟโรเลต ประเทศไทย โดยได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิดแบบ
Global Compact Car ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า
ทั่วทุกมุมโลก ปัจจุบัน เชฟโรเลต ครูซ เปิดตัวไปแล้วกว่า 75 ประเทศ
ใน 5 ทวีป ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และยังสามารถ
คว้ารางวัลต่างๆ มากมายทั่วโลก พิสูจน์แล้วจากยอดจำหน่าย
ที่มีมากกว่า 350,000 คันทั่วโลก"


"ยอดจำหน่าย เชฟโรเลต ครูซ ที่เติบโตต่อเนื่องทั่วโลก ถือเป็น
ปรากฎการณ์ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ เชฟโรเลต ประเทศไทย
มีเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายอันแข็งแกร่ง 93 แห่งทั่วประเทศ 
ที่มีความพร้อมในการให้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่ นั่นทำให้ผมเชื่อมั่นว่า
เชฟโรเลต ครูซ จะสามารถดึงดูดลูกค้า และทำยอดจำหน่าย
ได้มากกว่า 10,000 คันในปี พ.ศ.2554" มร. มาร์ติน แอพเฟล กล่า





การออกแบบของ เชฟโรเลต ครูส นั้น ความโดดเด่นจะอยู่ที่กระจังหน้าขนาดใหญ่

แยกส่วนสองชั้น รับกับกรอบไฟหน้าขนาดใหญ่ที่ดุดัน ด้านข้างตัวรถเน้นเส้นสาย
ที่เฉียบคม ตัดสายตาด้วยมือจับประตูโครเมี่ยม  ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว 
พร้อมยาง 225/50 R17 ในรุ่น 2.0 ส่วนรุ่น 1.8 และ 1.6 มากับล้ออัลลอย
ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 205/60 R16  มิติตัวถังขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับ
รถในระดับเดียวกัน ด้วยความยาว 4,600 มม. กว้าง 1,790 มม. 
และสูง 1,475 มม. ระยะฐานล้อ 2,685 มม.





ห้องโดยสารของ Chevrolet Cruze นั้นได้แนวคิดแบบ ดูอัล ค็อกพิท (Dual Cockpit)
ซึ่งผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า จะได้สัมผัสกับประสบการณ์ร่วมกัน
โดยได้แรงบันดาลใจจาก เชฟโรเลต คอร์เวทท์ และคล้ายกับค็อกพิท
ของห้องนักบิน สีดำสลับสีน้ำตาลส้ม เน้นความสมดุลของดีไซน์ 
และตำแหน่งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกบนแผงคอนโซลกลาง 
ใช้วัสดุหุ้มหนังตัดกับอลูมิเนียมทั้งคอนโซลกลาง และแผงข้างประตู
พร้อมกับมีหน้าจอแสดงข้อมูลสำหรับผู้ขับขี่



มาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย เช่น 
ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์, Keyless Entry, ครูสคอนโทรล
พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน พร้อมสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียง วิทยุ และเครื่องเล่นซีดี
เชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมทั้ง Auxiliary, USB และ Bluetooth
เข้ากับเครื่องเสียงได้, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
พร้อมไฟนำทางที่จะส่องสว่างไว้ชั่วขณะเมื่อดับเครื่องยนต์




สำหรับเครื่องยนต์ของครูสนั้น มีให้เลือกถึง 3 บล็อกคือ
เครื่องยนต์ ดีเซล คอมมอนเรล 2.0 ลิตร เทอร์โบแปรผัน 4 สูบ
แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบ VCDi  
กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดมหาศาลที่ 320 นิวตันเมตร



เครื่องยนต์ เบนซิน 1.8 ลิตร 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว  
พร้อมระบบวาล์วคู่แปรผันต่อเนื่อง Double Continuous Variable
Cam Phasing (Double CVC) เทคโนโลยีล่าสุดของเชฟโรเลต 
กำลังสูงสุด 141 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 177 นิวตันเมตร




เครื่องยนต์ เบนซิน 1.6 ลิตร แถวเรียง 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว  
พร้อมระบบปรับระยะทางเดินท่อไอดีแบบแปรผัน Variable Geometry 
Intake System (VGiS) กำลังสูงสุด 109 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร






จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Driver Shift Control หรือ DSC 
ให้ผู้ขับขี่ปรับเปลี่ยนเกียร์ได้เอง ทำงานควบคู่กับระบบควบคุม
แบบอิเลคทรอนิคส์ เทคโนโลยีล่าสุดที่พร้อมตอบสนองทุกการขับขี่ 
ให้อัตราเร่งคล่องแคล่ว ในการขับขี่ที่ช่วงความเร็วต่ำ อัตราเร่งแซงที่ดี
ในช่วงความเร็วสูง ส่วนรุ่น 1.6 ลิตร และ 1.8 ลิตร จะมีเกียร์ธรรมดา 5 สปีด
เป็นอีกหนึ่งทางเลือก


ระบบกันสะเทือนของ เชฟโรเลต ครูซ นั้น
-ด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แม็คเฟอร์สัน สตรัท คอยล์สปริง 
โช้คอัพแก๊ส และเหล็กกันโคลง
-ด้านหลังเป็นชุดคานทอร์ชั่นบีมขนาด 110 ซม. ด้วยเทคโนโลยี
การผลิตขั้นสูง Magnatic Arc และโช้คอัพแก๊ส พร้อมแผ่นปิด
ใต้ห้องเครื่องที่เป็น Diffuser ในตัว เพื่อจัดเรียงลมใต้ท้องรถ 
ป้องกันเสียงเล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสาร และติดตั้งคานขวาง
ความยาว 44 ซม. ช่วยเสริมความแข็งแกร่ง และเสถียรภาพการทรงตัว



ความปลอดภัย
สำหรับความปลอดภัยของ เชฟโรเลต ครูซ ก็ได้ให้ชนิดไม่กั๊กอย่างเช่น
-ติดตั้งถุงลมนิรภัยด้านหน้า และด้านข้าง 4 ใบในรุ่น LTZ 
-ชุดแป้นเหยียบยุบตัวได้ ซึ่งจะแนบลงกับพื้นในกรณีที่เกิดการชนจากด้านหน้า
-ระบบป้องกันผู้ใช้ถนน Pedestrian Protection ถูกรวมเข้ากับ
การออกแบบฝากระโปรงหน้า และส่วนที่เป็นบานพับของครูซ
 ลดความเสี่ยงของผู้ใช้ถนนจากการชนเข้ากับเครื่องยนต์ 
ซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บแก่ผู้ใช้ถนนมากที่สุด

นอกจากนี้ เครื่องยนต์ จะถูกดันลงใต้ท้องรถ เพื่อปกป้องผู้โดยสาร 
ซึ่งพื้นที่ยุบตัวทั้งด้านหน้าและด้านหลังนี้ ถูกออกแบบมาให้ยุบตัวลง
 เพื่อรองรับพลังงานที่เกิดจากการชน

ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบเบรก ABS กระจายแรงเบรก EBD 
(Electronic Brake-Force Distribution) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น 
ส่วนระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และ
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ในรุ่น 1.8 ลิตร และ 2.0 ลิตร

นอกจากความปลอดภัยต่างๆแล้ว เชฟโรเลต ครูซ ยังถูกยกระดับ
ความปลอดภัยในระดับโครงสร้าง ด้วยตัวถังแบบ BFI (Body Frame Integral)
 เป็นเหล็กกล้า High Strength Steel ถึงกว่า 65% 
ซึ่งถือเป็นโครงสร้างที่แข็งแกร่งที่สุดในรถกลุ่มนี้


นอกจากนี้ เชฟโรเลต ครูซ ได้ติดตั้งอุปกรณือำนวยความสะดวก  ซึ่งมีดังนี้
GMLAN (Electrical Architecture) - ตอบสนองการขับขี่ด้วย
ความรวดเร็วในการสื่อสารของกล่องควบคุม ผ่านการทำงาน
ในลักษณะเดียวกับ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งตอบสนอง
ด้วยความเร็วกว่าถึง 50 เท่า (500kpbs เทียบกับ 10kpbs) 
เพิ่มความแม่นยำในการควบคุมของระบบไฟฟ้ารถยนต์
 เช่น ABS ESP ระบบส่องสว่าง ระบบปัดน้ำฝน และระบบเครื่องยนต์ต่างๆ

PEPS (Passive Entry Passive Start) - เข้าห้องโดยสารโดย
ไม่ต้องใช้กุญแจ หรือ Keyless Entry สตาร์ทเครื่องยนต์ 
โดยไม่ต้องหยิบกุญแจ ซึ่งอาจอยู่ในกระเป๋ากางเกง หรือกระเป๋าถือ
โดยระบบจะมีเสารับสัญญาณอยู่ภายในมือจับประตูภายนอก
คอนโซลเกียร์ และกันชนหลัง เพื่อคิดคำนวณ
ตอบสนองการเปิดประตูและฝาท้าย

Auto Headlamps / Auto Rain Sensor - ระบบไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ 
ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ตอบสนองอัตโนมัติ ด้วยเซ็นเซอร์วัดแสง 
ไฟหน้าเปิดและปิดอัตโนมัติตามแสงสว่างภายนอก
เช่นเดียวกับใบปัดน้ำฝน ที่จะทำงานอัตโนมัติ เมื่อเซ็นเซอร์วัด
การหักเหของแสงที่กระจกบังลมหน้า ตรวจจับพบหยด
น้ำฝนบนกระจงบังลมหน้าในขณะฝนตก

Follow Me Home - ไฟหน้าจะติดค้างไว้ เพื่อส่องสว่าง
นำทางไว้ชั่วขณะเมื่อดับเครื่องยนต์ เพิ่มความอุ่นใจ
เมื่อต้องลงจากรถยามค่ำคืน

Graphic Information Center - หน้าจอแสดงผลข้อมูลอัจฉริยะ 
ในการปรับตั้งการทำงานของ ครูซ แสดงผลผ่านจอขนาดใหญ่ 
บริเวณคอนโซล เลือกการทำงานได้หลากหลายรูปแบบ 
ทั้งภาษา ปรับระบบส่องสว่างภายใน และภายนอกห้องโดยสาร 
ปรับระบบล็อกประตู โดยสามารถตั้งให้ปลดล็อกทั้ง
4 บาน 2 บาน และ 1 บาน เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่  
ปรับเพิ่ม-ลดระดับเสียงเตือน ปรับระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 
ปรับตั้งค่าเครื่องเสียงวิทยุ

NVH (Noise - Vibration - Harshness) - ตอบสนองความผ่อนคลายของผู้ขับขี่
ด้วยเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาเพื่อลดเสียง และแรงสั่นสะเทือน 
โดยใช้ระบบแท่นเครื่องไฮดรอลิก สามารถลดเสียงรบกวนที่เกิดจาก
การสั่นสะเทือนเมื่อสตาร์ทรถ, เร่งเครื่องฉับพลัน หรือเบรกกระทันหัน 
รวมถึงการใช้วัสดุซับเสียงปิดรอยต่อตัวถังรอบคัน 
พร้อมยางขอบประตู 3 ชั้น การประกอบแบบ Tight Gap Tolerances 
ด้วยโครงสร้างที่เชื่อมเข้ากับตัวถัง ที่ได้รับการออกแบบ
ให้มีช่องว่างน้อยที่สุด ขณะเดียวกัน ยังใช้ฉนวนซับเสียงรอบคัน
 เพื่อปิดช่องที่เสียงลมอาจลอดผ่าน และใช้ผ้าหลังคาที่ประกอบด้วย
 5 ชั้นย่อย โดย 3 ชั้นเป็น โพลีเอทิลีน และอีก 2 ชั้นเป็น 
โพลียูรีเทน ให้ความเงียบที่สุดภายในห้องสาร




สำหรับ เชฟโรเลต ครูซ นั้น มีให้เลือกถึง 7 รุ่นย่อย ดังข้างล่างนี้

2.0 LTZ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด  1,149,000 บาท
1.8 LTZ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด  984,000 บาท
1.8 LT   เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด  919,000 บาท
1.8 LS   เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด  859,000 บาท
1.8 LS   เกียร์ธรรมดา 5 สปีด   829,000 บาท
1.6 LS   เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด  809,000 บาท
1.6 Base เกียร์ธรรมดา 5 สปีด 729,000 บาท

มีสีให้เลือกถึง 6 สีได้แก่ สีขาว Alpine White, สีดำ Black Sapphire
สีเทา Royal Gray, สีเงิน Sterling Silver, สีแดง Tornade Red และ สีฟ้า Misty Lake

หากท่านไหนอยากจะไปจับจองหรือไปทดลองขับนั้น
อดใจรอกันสักนิดนึง เพราะจะขึ้นโชว์รูมกันประมาณวันที่ 1 ธันวาคม 2553
นอกจากนี้ยังสามารถไปชมได้ในงาน Motor Expo 2010
ในวันที่ 1-12 ธันวาคม 2553 ที่อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานีนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น: