AUTO THAILAND's Fan Box

AUTO THAILAND on Facebook

Facebook Fanpage QR Code

qrcode

เจอกันที่ใหม่ จัดเต็มกว่าเดิม!

๒๕ กันยายน ๒๕๕๓

ISUZU D-MAX & MU-7 Super Titanium : ปรับโฉมครั้งนี้ มีความเว่อร์ + X-series กับลุคใหม่ที่เท่ห์กว่าเดิม


เป็นประจำทุกปีที่อีซูซุต้องมี”เทศกาลอีซูซุไมเนอร์เชน”อันเป็นชื่อที่ผมเอง
ต้องตั้งขึ้นมา เพราะสืบเนื่องมาจากอีซูซุนั้นทำการเปลี่ยนโฉมดีแมคซ์และมิว-7
อันเป็นโปรดักต์ที่ขายดีอยู่ ให้มีความสดใสบวกกับพยายามแซงหน้า
คู่แข่งตลอดการอย่างโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ และ ฟอร์จูนเนอร์



เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ดูเหมือนว่าอีซูซุนั้นจะได้เปรียบในเรื่องยอดขาย 
เพราะครองแชมป์มาได้ 6 เดือนก่อนที่จะถูกโตโยต้าแซงกลับมา
แล้วไม่มีทีท่าว่าจะแซงกลับมาอีก ดังนั้นอีซูซุจึงเปิดตัว”ดีแมคซ์ เอ็กซ์-ซีรี่ย์”
เพื่อตอบสนองลูกค้าในช่วงคนวัยเรียนหรือวัยทำงาน
(กลุ่มเป้าหมายอยู่ที่ 25-35 ปี)ก็ขายได้ดีพอสมควรที่นี้พอช่วงครึ่งปีหลัง
อีซูซุก็คงคิดหนักเลยว่า จะทำยังไงให้ดูแตกต่างจากชาวบ้านมากขึ้น
เมื่ออีซูซุได้เปิดตัวซีรี่ย์ใหม่ที่มีชื่อว่า”ซูเปอร์ ไทเทเนียม(Super Titanium)”
พร้อมสโลแกนที่ชวนขบขันนิด แต่สื่อความหมายได้หลายอย่างคือ”เดินหน้ารวย!!


 
แล้วแน่นอนว่าพอปรับเปลี่ยนโฉมครั้งนี้นั้น หลายท่านจะรู้ว่า
”ทำไมฟอนต์ การใช้เฉดสีในการโฆษณามันดูต่างจากรุ่นที่ผ่านๆมา”
ก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันผู้บริโภคได้หันไปสนใจรถขนาดเล็ก
เพราะมีความประหยัดน้ำมันกว่ารถรุ่นอื่นๆ บวกกับว่าปีนี้อีโค่ คาร์มาแรงสุดๆ
อีซูซุเองก็มีโปรดักต์เพียงแค่ 2 ตัว(ไม่รวมรถบรรทุก)แล้วกลุ่มเป้าหมายนั้น
ก็ออกไปในทางอายุ 35-45 ปีหรือมากกว่านั้น ฉะนั้นหากอีซูซุปล่อยไว้แบบนี้คงจะแย่

ดังนั้นอีซูซุจึงต้องมีการเสริมภาพลักษณ์ให้ดูมีความร่วมสมัยมากขึ้น
และแน่นอนว่าเมื่อ D-max X-Series เข้ามาทำตลาดนั้น ก็ส่งผลให้เบรนด์อีซูซุนั้น
เริ่มเห็นมากขึ้นในกิจกรรมต่างๆ อาทิเช่น ดนตรี กีฬา 
การประกวดมิสแม็กซิม และอื่นๆ เป็นต้น ซึ่งการที่อีซูซูทำแบบนั้น
ก็เหมือนกับว่าอีซูซุพยายามปรับเบรนด์ของตัวเองว่า
”เบรนด์ฉันไม่ได้มีแค่กลุ่มวัยคนค้าขายนะ”ส่งผลให้กลุ่มวัยรุ่นนั้น
เริ่มหันมาสนใจรถกระบะ พร้อมกันนี้อีซูซุเองก็กำลัง
ซุ่มพัฒนารถกระบะเจเนอเรชั่นใหม่ที่จะมาแทน D-max
โดยมีรหัสโครงการที่ชื่อ RT-50 ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2554(2011)



เอาล่ะที่นี้เราดูสิ่งที่เปลี่ยนไปของอีซูซุ ซูเปอร์ ไทเทเนียม
ซึ่งผมจะอธิบายในแต่ล่ะคือ
-Isuzu D-max Super Titanium
-Isuzu D-max X-series The New Look  
-Isuzu Mu-7 Super Titanium

เราจะมาเริ่มกันที่ Isuzu D-max Super Titanium
สำหรับการเปลี่ยนแปลงภายนอกนั้นถ้าดูโดยรวมแล้วก็คล้ายๆกับ
รุ่นเดิม(Super Platinum)คือกระจังหน้าโครเมียมแบบ U-Shape
ในรุ่น LS , Hi-lander , SLX ส่วนรุ่น SL และ Smart จะเป็นสีเทา
ไฟหน้า Projector พร้อมเลนส์ไฟเลี้ยวสีขาว
Bumper Guard  ในรุ่น Hi-Lander นั้นได้พ่นสีไทเทเนียมให้ดูหรูหราขึ้น
ส่วนรุ่น LS นั้นได้พ่นสีดำให้ดุดันมากขึ้นขอบไฟตัดหมอกสีไททาเนียม
บันไดข้างของรุ่น Hi-Lander  เปลี่ยนเป็นสีไททาเนียม เท่ขึ้น
ส่วนรุ่น LS ก็จะเป็นใช้สีดำ บึกบึน แข็งแกร่ง และดุดัน
เพิ่มชุด Stylish Chrome หรือชุดโครเมี่ยม ที่ขอบหน้าต่างทั้ง 2 บาน
และคิ้วกันกระแทกด้านข้าง ซึ่งผมคาดเดาถูกซะด้วยว่ามันต้องติดมา

แต่ที่ทำเอาผมอึ้งไปเลย(บวกกับความเว่อร์ของเค้าดังหัวข้อข่าว)
และเป็นสิ่งไม่มีใครคิดว่าอีซูซุจะติดตั้งมาด้วย 


 นั้นก็คือ Front View Camera หรือกล้องมองหน้า
(อีซูซุเรียกเจ้ากล้องตัวนี้ว่า Titanium Vision)นับเป็นรายแรกในเมืองไทย
ที่ได้ติดตั้งมาจากโรงงาน และยังเป็นรถกระบะรายแรกที่กล้าติดกล้องมองหน้ามาให้
 ปกติแล้วกล้องมองหน้านั้นจะอยู่ในรถระดับหรูซึ่งมีราคาถึง 3-4 ล้าน 
แต่อีซูซุก็ได้นำกล้องมองหน้ามาติดตั้งเพียงแค่คุณจ่ายในราคา 6-9 แสนบาท
ก็มีรถกระบะที่มีกล้องมองหน้าไว้ครบครอง ที่นี้สาเหตุที่อีซูซุเอากลองมองหน้า
มาติดก็เพราะว่า”จากข้อมูลการสำรวจพบว่า มีผู้เคยประสบอุบัติเหตุ
ที่บริเวณทางแยกและมุมอับสูงถึง 47.28 % และ 56.85%
ยังเคยประสบอุบัติเหตุขณะจอดรถอีกด้วย”ตัวกล้องมองหน้าของ
Isuzu Super Titanium นั้นก็ยังใช้ของ Kenwood เหมือนเคย
นอกจากนี้ยังมีมุมมอง 4 มุมคือ
1.มุมมองกว้างพิเศษ 190 องศา
2.มุมมองซ้าย-ขวา แบบ 2 มุมมองพร้อมกัน
3.มุมมองแบบก้มอย่างเดียว
4.มุมมองก้มและหน้าตรง แบบ 2 มุมมองพร้อมกัน
แต่มีข้อแม้ให้การทำงานของกล้องตัวนี้คือต้องเข้าเกียร์ 1 เท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีกล้องมองหลัง(Rear View Camera)ที่จะแสดงผล
บนจอ LCD ขนาด 7 นิ้ว ซึ่งจะแสดงภาพด้านหลังรถ
เมื่อรถเข้าเกียร์ถอยหลังแล้วภาพจะแสดงโดยอัตโนมัติ


สำหรับภายในห้องโดยสารได้มีการปรับเปลี่ยนเรืองไฟตรง
คอนโซลและเรือนไมล์เป็นสีส้ม(เป็นสีเดียวกับ D-max X-series)
สำหรับรุ่น LS,Hi-Lander,SLX จะเป็นแบบ Super Vision  
ส่วนในรุ่น SL และ Smart จะไม่เป็น Super Vision
 แต่จะเพิ่มจอแสดงข้อมูลเกี่ยวกับการขับขี่
ส่วนชุดเครื่องเสียงนั้นยังคงเป็น Kenwood คือเครื่องเล่น DVD จอขนาด 7 นิ้ว(2 Din)
แบบ Touch Screen พร้อมรีโมทคอนโทรล ความละเอียด
จอภาพสูงถึง 1,152,000 พิกเซล พร้อมระบบเมนูแบบ Scrolling 3D icon
พร้อมระบบ Bulti-Bluetooth สามารถเชื่อมมือถือของคุณได้  
อีกทั้งสามารถเล่นได้ทั้ง DVD/VCD/MP3/WMA และ DivX

นอกจากนี้ ระบบ i-Genii ได้อัพเกรดซอฟต์แวร์ใหม่ให้ทันสมัยขึ้น 
ใช้งานง่ายด้วยเมนูภาษาไทยพร้อมเพิ่มระบบเสียงนำทาง มากกว่า 10 ภาษา 
และมีเสียงไอ-จินนี่ให้เลือก  รวมถึงระบบแผนที่นำทาง 2 ภาษา 
(ไทย-อังกฤษ)   เพื่อประโยชน์ที่หลากหลายในการเดินทาง 
ทั้งการคำนวณ   เลือกเส้นทางที่เหมาะสมเพื่อการขับขี่ที่ประหยัดน้ำมันกว่า



พร้อมกันนี้ระบบ i-Genii ได้เพิ่มระบบนำทางแบบ Junction View
แสดงภาพป้ายถนน และทางแยกที่สำคัญในแบบเสมือนจริง
พร้อม Lane Guide  แสดงตำแหน่งช่องทางเดินรถเพิ่มความมั่นใจในการเดินทาง

นอกจากนี้ทางอีซูซุได้อัพเดทแผนที่ล่าสุด นำทางสู่จุดหมายอย่างแม่นยำ
และยังมีเมนูค้นหาศูนย์บริการ Isuzu มั่นใจยิ่งขึ้นพร้อมหมายเลขโทรศัพท์
สามารถโทรไปยังศูนย์บริการได้ทันที ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่
ซึ่งเชื่อมต่อด้วยระบบบลูทูธและเพิ่ม จุดหมายที่น่าสนใจ (POI) กว่า 440,000 จุด
ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมตอบสนองทุกความต้องการ 
อีกทั้งยังสามารถโทรไปยังจุดหมายที่น่าสนใจ
(POI) ซึ่งแสดงหมายเลขโทรศัพท์ในแผนที่ได้ทันที
 


 สำหรับเครื่องยนต์ยังคงเป็นเหมือนเดืมคือ
เครื่อง 3,000 ซีซี VGS Turbo รหัส 4JJ1-TCX  
4 สูบ DOCH 16 วาล์ว พร้อมเทอร์โบแปรผันแบบ  VGS Turbo
และอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ถูกติดตั้งอยู่ด้านบนพร้อมสคูปดักลมขนาดใหญ่
ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า(120 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบ/นาที 
แรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตรที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที ในรุ่นเกียร์ธรรมดา
และ 333 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-3,200 รอบ/นาที ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ



เครื่องยนต์ 3,000 ซีซี รหัส 4JJ1-TC 4 สูบ DOCH 16 วาล์ว
พร้อมเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ถูกติดตั้งอยู่ด้านหน้า
ให้กำลังสูงสุด 146 แรงม้า(116 กิโลวัตต์)ที่ 3,600 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 294 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400-3,400 รอบ/นาที


เครื่องยนต์ 2,500 ซีซี รหัส 4JK1-TC 4 สูบ DOCH 16 วาล์ว
ระบายความร้อนด้วยน้ำ เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์
ให้กำลังสูงสุด 116 แรงม้า(85 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,200 รอบ/นาที 

ส่วนช่วงล่างยังคงแบบเดิมคือ
รุ่น 4X2 เป็นแบบปีกนกอิสระ ดับเบิ้ลวิชโบน พร้อมคอยสปริงและเหล็กกันโคลง
รุ่น 4X4 และ Hi-Lander เป็นแบบปีกนกอิสระ 2 ชั้น 
ทอร์ชันบาร์และโช้คอัพแก็ส พร้อมเหล็กกันโคลง
ส่วนด้านหลังนั้นเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกรุ่นคือ 
แบบแหนบซ้อนใต้เพลาพร้อมโช้คอัพแก็ส
 


ที่นี้มาที่ Isuzu D-max X-series The New look ที่งานนี้เป็น
เจเนอเรชั่นที่ 2 ของไลฟ์สไตล์ปิกอัพซึ่งการตกแต่งนั้นก็
ออกมาชนิดที่ว่า”สวย ดุ เท่ กว่าเดิม”โดยสติ๊กเกอร์ในรุ่นนี้นั้นเป็นลายคาดคู่
พร้อมเส้นขอบสีแดงซึ่งสติ๊กเกอร์ลายนี้จะเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกรุ่น
ตัวอักษรรุ่นรถและตราสัญลักษณ์ ISUZU เป็นสีแดงด้าน
 ล้ออัลลอยด์ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 245/70 16 R ที่ได้รมสีดำให้ดูอารมณ์สปอร์ตขึ้น 




ส่วนรุ่น Hi-Lander นั้นได้เพิ่มรุ่น Cab-4 3.0 Ddi VGS Turbo เกียร์อัตโนมัติ
พร้อม Utility Box นอกจากนี้ยังได้เพิ่มสเกิร์ตหน้าและหลัง
โดยสเกิร์ตหน้านั้นจะแตกต่างจากรุ่น Speed ส่วนด้านหลังนั้น
เหมือนรุ่น Speed ดังภาพ ส่วนภายในนั้นยังคงตกแต่งสไตล์แดง-ดำ
พร้อม Titanium Entertainment* และชุดโครเมียม
(*เครื่องเล่น Kenwood พร้อมกล้องมองหน้า-หลังและ i-Genii)


และมารุ่นสุดท้ายคือ Isuzu Mu-7 Super Titanium  รถอเนกประสงค์
ที่ใช้พื้นฐานจาก Isuzu D-max
ภายนอกถ้าดูโดยรวมแล้วจะเหมือนกับรุ่น Super Platinum 
เพียงแต่เปลี่ยนสัญลักษณ์มาเป็น Super Titanium
ส่วนประกบที่เลยก็ยังเหมือนเดิมเช่น ชุดโครเมี่ยมที่ขอบหน้าต่างทั้ง 4 บาน
และคิ้วกันกระแทกด้านข้าง ฝากระโปรงขอบสีเงินขนาดใหญ่
เน้นการระบายความร้อนดีกว่าเดิม ออกแบบให้ลู่ลม ลดเสียงขณะวิ่ง 
และไม่รบกวนทัศนวิสัยในการขับขี่ กระจกมองข้าง ปรับ-พับด้วยไฟฟ้า
พร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED สไตล์รถยนต์นั่งระดับหรู 
ล้ออะลูมินั่มอัลลอยปัดเงา ขนาด 16 นิ้ว ลายก้านคู่


แปะตราสัญลักษณ์ ใหม่ Super Titanium เพิ่มสปอยเลอร์กันชนท้าย
พร้อมแถบสะท้อนแสง ชุดไฟท้ายขนาดใหญ่ 
พร้อมไฟตัดหมอกหลัง และจุดยึดราวหลังคา Roof Garnish
 ดีไซน์ Built-in สวยงาม กลมกลืนกับตัวรถ ออกแบบให้
สามารถติด Roof  Rack ได้อย่างลงตัว
ส่วนภายในนั้น แผงคอนโซลหน้าตกแต่งแบบ Flush Surface
พร้อมลายไม้ Giallo Walnut เพิ่มความหรูด้วย Titanium Package
ที่ช่องแอร์ คอนโซลเกียร์ และขอบลำโพงมี TV Tuner เป็นอุปกรณ์เสริม


ส่วนจอ LCD ขนาด 8 นิ้ว บนเพดานห้องโดยสาร มีช่องรับสัญญาณ AV
เชื่อมต่ออุปกรณ์อื่นๆ ได้ เช่น เครื่องเล่นเกมส์ หรือ หูฟังไร้สายแบบอินฟาเรด
ที่นั่งทั้ง 3 ตอน มีช่องแอร์ครบ พร้อมสวิทช์ควบคุมแยกส่วน หน้า-หลัง.
นอกนั้นยังคงเหมือนกับดีแมคซ์ทุกประการคือมีกล้องหน้า-หลังพร้อม i-Genii


ส่วนเครื่องยนต์นั้นยังคงเหมือนเดิมคือ
เครื่อง 3,000 ซีซี  VGS Turbo รหัส 4JJ1-TCX  4 สูบ DOCH 16 วาล์ว
พร้อมเทอร์โบแปรผันแบบ  VGS Turbo และอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่
ถูกติดตั้งอยู่ด้านบนพร้อมสคูปดักลมขนาดใหญ่
ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า(120 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตรที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที ในรุ่นเกียร์ธรรมดา
และ 333 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-3,200 รอบ/นาที ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ
ในรุ่น Primo(VGS) และ Activo

และเครื่องยนต์ 3,000 ซีซี รหัส 4JJ1-TC 4 สูบ DOCH 16 วาล์ว
พร้อมเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ถูกติดตั้งอยู่ด้านหน้า
ให้กำลังสูงสุด 146 แรงม้า(116 กิโลวัตต์)ที่ 3,600 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 294 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400-3,400 รอบ/นาที

ระบบช่วงล่างยังเป็นแบบเดิมคือแบบปีกนกอิสระ 2 ชั้น 
ทอร์ชันบาร์และโช้คอัพแก็ส พร้อมเหล็กกันโคลง
ส่วนด้านหลังนั้นเป็นแบบแหนบซ้อนใต้เพลาพร้อมโช้คอัพแก็ส


สำหรับ Isuzu D-max Super Titanium มีสีให้เลือก 8 สีได้แก่
-Neptune Blue
- ขาว Alpine White
-บรอนซ์เงิน เมทัลลิค Sterling Silver
-ดำไมก้า Starry Black
-ทอง Solaris Mica สีใหม่!
-ขาวมุก Silky White Pearl สีใหม่!
-เงินไทเทเนียม Titanium Silver Metallic สีใหม่

ส่วน D-max X-series New Look นั้นมี 3 สีคือ
- ขาว Alpine White
-บรอนซ์เงิน เมทัลลิค Sterling Silver
-ดำไมก้า Starry Black

ส่วน  Mu-7 Super Titanium มีให้เลือก 4 สี
-เงินไทเทเนียม Titanium Silver Metallic
-ขาวมุก Silky White Pearl
-บรอนซ์เงิน เมทัลลิค Sterling Silver
-ดำไมก้า Starry Black

ส่วนรุ่น 3000 Ddi มี 2 สี คือ

-เงินไทเทเนียม Titanium Silver Metallic
-บรอนซ์เงิน เมทัลลิค Sterling Silver

ราคาในแต่ละรุ่น
Isuzu D-max Super Titanium

Spark 4X2
Spark (No AC ไม่มีแอร์)                              457,500 บาท
Spark AC มีแอร์                                           479,500 บาท
Spark PS มีแอร์ เพิ่มพวงมาลัยเพาเวอร์  500,500 บาท

SpaceCab 4x2
Spacecab SX                                            554,500 บาท
Spacecab SLX 2.5 Smart                       601,500 บาท
Spacecab SLX 2.5                                   631,500 บาท
Spacecab SLX 2.5 i-Genii                      677,500 บาท
Spacecab SLX 2.5 i-Genii ABS SRS   696,500 บาท
Spacecab SLX 3.0 i-Genii ABS SRS AT   760,500 บาท

 SpaceCab Hi-Lander
Hi-Lander 2D 2.5 Smart                            643,500 บาท
Hi-Lander 2D 2.5 ABS                               682,500 บาท
Hi-Lander 2D 2.5 ABS i-Genii                   728,500 บาท
Hi-Lander 2D 3.0 ABS SRS                      726,500 บาท
Hi-Lander 2D 3.0 ABS SRS VGS i-Genii   772,500 บาท

Rodeo LS
Rodeo LS 2.5 ABS                                        721,500 บาท
 Rodeo LS 3.0 ABS SRS VGS i-Genii        816,500 บาท

Cab-4 4x2 
CAB4 SX                                                      653,500 บาท
CAB4 SLX 2.5 ABS                                   724,500 บาท

Cab-4 Hi-Lander
Hi-Lander 4D 2.5 ABS                                     752,500 บาท
Hi-Lander 4D 2.5 ABS i-Genii                        804,500 บาท
Hi-Lander 4D 3.0 ABS VGS                           796,500 บาท
Hi-Lander 4D 3.0 ABS VGS i-Genii               848,500 บาท
Hi-Lander 4D 3.0 ABS VGS SRS AT i-Genii    888,500 บาท

Cab-4 LS 4x4
CAB4 LS 3.0 ABS SRS i-Genii                            914,500 บาท
CAB4 LS 3.0 ABS SRS AT i-Genii                       954,500 บาท

หมายเหตุ : รุ่น Spark, SX สีเมทัลลิค เพิ่ม 7,000 บาท
ส่วน สีขาวมุก เพิ่มจากสีเมทัลลิค 7,000 บาท

Isuzu D-max X-series The New Look
X-Series SLX 2.5                                                               654,500 บาท
X-Series HR 2D 2.5 ABS i-Genii                                    746,500 บาท
X-Series HR 2D 3.0 ABS VGS SRS i-Genii                 790,500 บาท
X-Series Rodeo LS 3.0 ABS VGS SRS i-Genii           822,500 บาท
X-Series HR 4D 2.5 ABS i-Genii                                    828,500 บาท
X-Series HR 4D 3.0 ABS VGS i-Genii                           872,500 บาท
X-Series HR 4D 3.0 ABS VGS SRS AT i-Genii           912,500 บาท
X-SeriesCab4 LS 3.0 ABS VGS SRS i-Genii              926,500 บาท

Isuzu Mu-7 Super Titanium
Primo 3000 Ddi 1,013,000 บาท
Primo 3000 Ddi Auto 1,063,000 บาท
Primo MT VGS i-Genii  1,170,000 บาท
Primo MT VGS i-Genii  1,182,000 บาท
Primo AT VGS i-Genii  1,220,000 บาท
Primo AT VGS i-Genii  1,232,000 บาท
Activo AT VGS i-Genii  1,320,000 บาท
Activo AT VGS i-Genii  1,332,000 บาท

สำหรับการวางจำหน่ายนั้น Isuzu D-max และ Mu-7 Super Titanium
จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 27 กันยายน 2553 พร้อมภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่
ส่วน Isuzu D-max X-series The New Look จะเริ่มวางจำหน่าย
ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2553
ร่วมเดินหน้ารวยไปกับ Isuzu Super Titanium ได้ที่โชว์รูมอีซูซุทั่วประเทศ



ไม่มีความคิดเห็น: