การกลับมาอีกครั้งของมหกรรมยานยนต์ฝีมือคนไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
กับงาน Bangkok International Motorshow ครั้งที่ 31
ที่งานนี้มีค่ายรถยนต์เข้าร่วมกว่า 30 ค่าย
เรามาดูกันว่าไฮไลท์ของงานในปีนี้มีอะไรบ้าง รวมไปถึงบทสัมภาษณ์จาก
ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ในฐานะผู้ที่อยู่ในวงการยานยนต์มานาน
และเป็นผู้บุกเบิกงานมอเตอร์โชว์ในประเทศไทยเป็นคนแรกในไทย
บนแรงกระเพื่อมของยอดขายรถยนต์ 2 เดือนแรกของปี 2553
ที่ตลาดพลิกกลับมาเติบโตอีกครั้ง ทำให้งานบางกอก มอเตอร์โชว์
ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดว่า จะเป็นส่วนสำคัญของการต่อยอดการเติบโตของ
ตลาดรถยนต์ได้มากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดจองรถยนต์
ภายในงานที่คงความหมายถึงเม็ดเงินกว่าหมื่นล้านที่หมุนสะพัดจากการจัดงาน
ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ในฐานะประธานจัดงาน คงตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุด
ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ในฐานะประธานจัดงาน คงตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุด
"หากย้อนไปดูยอดการจำหน่ายรถยนต์ใน 2 เดือนแรกของปีนี้
จะเห็นได้ว่าตลาดพลิกกลับมาเติบโตอีกครั้ง แน่นอน
ย่อมมีเหตุมาจากหลากหลายปัจจัย อย่างแรกคือ เศรษฐกิจโลกเริ่มคลี่คลาย
อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจึงกลับมาคึกคักอีกครั้ง
ความเชื่อมั่นและแบ็กออเดอร์เกิดขึ้นมากมาย นี่คือสิ่งบอกเหตุที่ดีที่สุด
ส่วนเรื่องการเมือง ผมเชื่อว่าสุดท้ายแล้วเราก็จะพบทางออก
เพราะเหตุการณ์อย่างนี้ไม่ใช่เพิ่งเคยเกิดเป็นครั้งแรกในประเทศ ไทย
"ทุกคนต้องมีสติ อย่าตื่นตระหนกเกินกว่าเหตุ"
มอเตอร์โชว์...ฝีมือคนไทย
"ที่น่าสนใจ...ไทยเริ่มฟื้นตัวจากเศรษฐกิจแล้ว
ปีนี้บริษัทรถยนต์หลายบริษัทหันกลับมาร่วมงานอีกครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นวอลโว่ ซูซูกิ ซูบารุ รวมแล้วมีบริษัทรถยนต์
เข้าร่วมงานกว่า 30 บริษัท และที่น่าดีใจ ผู้บริหารส่วนใหญ่ยังเชื่อมั่น
ในศักยภาพของตลาดและการผลิตจากฐานผลิตในไทย
จึงให้การสนับสนุนการจัดงานครั้งนี้เป็นอย่างดี"
คอนเซ็ปต์ "รักรถ รักษ์โลก" สื่อความหมายอะไร?
"จะเห็นได้ว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงขึ้นทุกวัน ทำให้คนต้องหันมา
ใส่ใจกับการรักษาธรรมชาติและประหยัดพลังงาน เพื่อจะทำให้โลกน่าอยู่
รถยนต์ก็เป็นผลพวงที่ทำให้เกิดมลภาวะและสิ้นเปลืองพลังงาน
จึงต้องมีการพัฒนารถยนต์ขนาดเล็กหรืออีโคคาร์ รวมถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
ที่จะช่วยการประหยัดน้ำมันและลดปัญหาสิ่งแวดล้อม
วันนี้คนต้องเรียนรู้และถือเป็นภาระที่ต้องรับผิดชอบ"
"สำหรับปีนี้เป็นการจัดงานปีที่ 31...เราเริ่มมีการเพิ่มวันจัดงานจาก 10 วัน
"สำหรับปีนี้เป็นการจัดงานปีที่ 31...เราเริ่มมีการเพิ่มวันจัดงานจาก 10 วัน
มาเป็น 12 วัน ตั้งแต่ปีที่แล้ว ปีนี้ยังคงจัดงาน 12 วัน เพื่อเปิดโอกาสให้
บริษัทรถยนต์ได้ร่วมงานกันอย่างเต็มที่ ความยิ่งใหญ่คงไม่ต้องพูดถึง
เราจัดอย่างยิ่งใหญ่ทุกปี เราไม่ได้จัดแข่งกับใคร เราจัดแข่งกับตัวเอง
มีการนำเสนอรูปแบบใหม่ ๆ ภายในงานจะมีการนำเสนอสื่อรูปแบบใหม่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเสนอพระราชกรณียกิจของในหลวง
ผ่านจอ LED ขนาดใหญ่ หน้าทางเข้างานในทุกวัน
รวมถึงรถยนต์พระที่นั่งที่ทรงใช้ในพระราชกรณียกิจ"
เชื่องานมอเตอร์โชว์ ตอกย้ำเศรษฐกิจเติบโต
“แนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทำให้เรามั่นใจว่างานบางกอก มอเตอร์โชว์
จะเป็นอีกส่วนที่ผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมั่นคง
ความเชื่อมั่นของทุกบริษัทที่มีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
ส่งผลให้การสนับสนุนการจัดงานประสบความสำเร็จ
ความเชื่อมั่นของทุกบริษัทที่มีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
ส่งผลให้การสนับสนุนการจัดงานประสบความสำเร็จ
รวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ที่จะเติบโตขึ้นด้วย
สิ่งสำคัญที่ตามมาคือ การจัดงานจะกลับมาคึกคักยิ่งกว่าเดิม”
“อีโคคาร์” ไฮไลต์ของงาน พัฒนาการอุตสาหกรรมยานยนต์
“ไฮไลต์ของงานปีนี้น่าจะอยู่ที่รถอีโคคาร์ คือ นิสสัน มาร์ช
ที่คาดว่าจะได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานสูงยิ่ง
เนื่องจากเป็นรถขนาดเล็กที่สะดวกสบาย และประหยัดพลังงาน
แถมมีราคาต่ำกว่า 4000,000 บาท เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่
ซึ่งอีโคคาร์จะเป็นอีกโครงการที่จะได้รับการต่อยอด โดยคาดว่าจาก
นิสสัน ก็จะได้เห็นอีโคคาร์ของฮอนด้า ซูซูกิ มิตซูบิชิ ทาทา และโตโยต้า
ที่จะตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะพัฒนารถยนต์ในเชิง
อนุรักษ์พลังงาน อย่างชัดเจน ที่สำคัญ ไทยจะเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ
สำหรับการส่งออกอีกด้วยนอกจากนี้ยังมีรถรุ่นใหม่เปิดตัวอีกสารพัดได้แก่
มาสด้า 2 ซีดานที่ต่อยอดความร้อนแรงจากรุ่น 5 ประตู
ฟอร์ด เฟียสต้า ซับคอมแพคท์สุดสวยที่เผยโฉมให้เห็น
ก่อนส่งมอบภายในไตรมาส 3 และฮุนได ทูซอน ที่กำหนดนิยามว่า Sexy SUV
รถจักรยานยนต์-กิจกรรม ร่วมเป็นสีสันมอเตอร์โชว์
“นอกจากรถยนต์ที่น่าสนใจ ทั้งการเป็นรถใหม่และคอนเซ็ปต์คาร์แล้ว
“นอกจากรถยนต์ที่น่าสนใจ ทั้งการเป็นรถใหม่และคอนเซ็ปต์คาร์แล้ว
รถจักรยานยนต์ก็เป็นอีกสีสันที่ผู้ชมงานให้ความสนใจ 4 บริษัทหลักอย่าง
ฮอนด้า ยามาฮ่า ซูซูกิ คาวาซากิ มากันครบ ซึ่งจะมีทั้งการเปิดตัวรถใหม่
การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ยังมีกิจกรรมมาสร้างสีสันอีกด้วย
สำหรับกิจกรรม ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ครบถ้วนเหมือนปีที่ผ่านมา
กิจกรรมยังเป็นสิ่งที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงาน
เป็นสีสันที่เรียกคนได้แน่นขนัดทุกวัน
บัตรผ่านประตู มีคุณค่า โชคดีเป็นเจ้าของรถยนต์และรถจักรยานยนต์
“บัตรผ่านประตู 100 บาท หางบัตรยังมีการมอบโชคให้ด้วย
ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ส่วนการประกวดมิสมอเตอร์โชว์
และมิสพรีเซ็นเตอร์ ยังมีการจัดอยู่เหมือนเดิม เราอยากจะทำให้คนไทย
ทุกคนได้รู้สึกถึงความภาคภูมิใจกับการได้มีส่วนร่วมใน
ความสำเร็จของงานมอเตอร์โชว์ระดับโลก เราอยากให้ทุกคนตั้งใจมาดูงาน
ซึ่งอาจโชคดีได้เป็นเจ้าของทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์อีกด้วย”
สุดท้ายกับความรู้สึกของคนจัดงานระดับโลก
“ผมอยากเรียนให้รับทราบว่า ผมจัดงานอย่างทุ่มเททั้ง
พลังสมองและพลังงาน เรามุ่งมั่นที่จะทำให้ทั่วโลกได้รู้จักกับฝีมือคนไทย
งานคงยากที่จะประสบความสำเร็จ หากไร้ซึ่งความร่วมมือจากทุกบริษัท
และคนไทยทุกคนที่ให้การสนับสนุน ความสำเร็จของงานจึงเป็น
ความสำเร็จของทุกคนที่เป็นคนไทย”
ความรู้สึกของ ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ในฐานะคนไทย
ด้วยจิตสำนึกที่จะทำให้คนไทยมีศักดิ์ศรี เป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น