อีซูซุตอกย้ำผู้นำรถปิกอัพและรถอเนกประสงค์ยอดประหยัดน้ำมันด้วย
การจัดคาราวานน้ำมัน 1 ถังเที่ยวไกลถึงจีน บนเส้นทางสุดโหด
โดยการขับขี่ครั้งนี้ได้เชิญผู้ที่ใช้รถอีซูซุมาทดสอบความประหยัด
ด้วยรถอีซูซุ ดีแมคซ์ ซูเปอร์แพลททินั่ม จำนวน 7 คัน
(รุ่น Spark,Hi-lander,Cab-4,Space Cab และ Rodeo)
และ อีซูซุ มิว-7 รุ่น Primo 1 คัน ทั้งนี้นอกจากการเป็นการรณรงค์
ประหยัดพลังงาน อีกทั้งยังส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย
การทดสอบครั้งนี้รถที่ทดสอบนั้นเป็นรถที่ไม่มีการปรับจูนเครื่องยนต์
แต่อย่างใดเครื่องยนต์ที่ใช้ในการทดสอบนั้นมีขนาดคือ 3.0 Ddi VGS Turbo
3.0 Ddi และ 2.5 Ddi มร. เอช. นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ
บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัดได้กล่าวที่มาของการเดินทางครั้งนี้สั้นๆ ว่า
“อีซูซุเลือกเส้นทางนี้ซึ่งเป็นเส้นทางที่ยากลำบาก คดเคี้ยว สูงชัน
อีกทั้งยังจอแจด้วยสภาพการจราจร นั่นเป็นเพราะเราอยากพิสูจน์ให้
ทุกคนเห็นว่า ผู้ใช้รถอีซูซุตัวจริง แม้ว่าจะขับอยู่ในเส้นทางที่ลำบาก
ขนาดไหนก็ยังสามารถใช้วิธีการขับประหยัดน้ำมันอย่างได้ผล
และเป็นการท้าทายสมรรถนะของรถอีซูซุ ซูเปอร์คอมมอนเรล”
การจัดคาราวานน้ำมัน 1 ถังเที่ยวไกลถึงจีน บนเส้นทางสุดโหด
โดยการขับขี่ครั้งนี้ได้เชิญผู้ที่ใช้รถอีซูซุมาทดสอบความประหยัด
ด้วยรถอีซูซุ ดีแมคซ์ ซูเปอร์แพลททินั่ม จำนวน 7 คัน
(รุ่น Spark,Hi-lander,Cab-4,Space Cab และ Rodeo)
และ อีซูซุ มิว-7 รุ่น Primo 1 คัน ทั้งนี้นอกจากการเป็นการรณรงค์
ประหยัดพลังงาน อีกทั้งยังส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย
การทดสอบครั้งนี้รถที่ทดสอบนั้นเป็นรถที่ไม่มีการปรับจูนเครื่องยนต์
แต่อย่างใดเครื่องยนต์ที่ใช้ในการทดสอบนั้นมีขนาดคือ 3.0 Ddi VGS Turbo
3.0 Ddi และ 2.5 Ddi มร. เอช. นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ
บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัดได้กล่าวที่มาของการเดินทางครั้งนี้สั้นๆ ว่า
“อีซูซุเลือกเส้นทางนี้ซึ่งเป็นเส้นทางที่ยากลำบาก คดเคี้ยว สูงชัน
อีกทั้งยังจอแจด้วยสภาพการจราจร นั่นเป็นเพราะเราอยากพิสูจน์ให้
ทุกคนเห็นว่า ผู้ใช้รถอีซูซุตัวจริง แม้ว่าจะขับอยู่ในเส้นทางที่ลำบาก
ขนาดไหนก็ยังสามารถใช้วิธีการขับประหยัดน้ำมันอย่างได้ผล
และเป็นการท้าทายสมรรถนะของรถอีซูซุ ซูเปอร์คอมมอนเรล”
ขบวนคาราวานเริ่มต้นที่หอวัฒนธรรมเชียงราย ซึ่งอดีตเป็นศาลากลางหลังเก่า
โดยมีพ่อเมือง - คุณสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย
ให้เกียรติมาร่วมในกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ครั้งนี้ “นับเป็นความภูมิใจของ
ชาวเชียงรายที่อีซูซุได้เลือกที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นคาราวานจากไทยผ่านลาว
และไปถึงที่หมายที่จีนด้วยความประหยัดน้ำมัน เส้นทางสายนี้ต่อไปจะเป็น
เส้นทางชีวิตของไทยในฐานะประตูสู่นานาชาติ เพราะเชียงราย
ไม่เพียงอยู่ระหว่างขยายถนน 4 เลนที่ไปสู่อำเภอเชียงของ
ที่มีท่าเรือสำหรับข้ามไปยังบ้านห้วยทรายของลาวแล้ว
ต่อไปยังจะสะดวกขึ้นเมื่อสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ซึ่งอยู่ที่
อ.เชียงของ จ.เชียงรายจะแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2555”
เวลา 06.00 น. 8 ผู้ใช้รถอีซูซุตัวจริงจากสาขาอาชีพต่างๆ พร้อมด้วยรถอีซูซุดีแมคซ์
และอีซูซุมิว-เซเว่น ซูเปอร์ แพลททินั่ม มาตรฐานโรงงาน 8 คันเริ่มต้น
การเดินทางมุ่งสู่ อำเภอเชียงของตรงไปที่ท่าเรือบั๊ค เพื่อนำรถไปลง
แพขนานยนต์และขึ้นที่บ้านห้วยทราย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
แล้วจึงเปลี่ยนมาวิ่งชิดขวาผ่านไปยังชายแดนจีน ซึ่งการเดินทางช่วงนี้แม้ว่า
จะมีระยะทางเพียง 220 กว่ากิโลเมตร แต่การขับรถลุยฝุ่นบนทางลูกรัง
และถนนชำรุดที่ปิดซ่อมเป็นช่วงๆ อีกทั้งแวะเข้าห้องน้ำอีกหลายครั้ง
และรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารแถวบ่อเต็น รวมถึงการทำเรื่อง
ผ่านด่านโมฮันเข้าสู่สาธารณรัฐประชาชนจีนนั้นใช้เวลามากโขอยู่ กว่าจะผ่านพ้น
จึงล่วงเข้าบ่ายแก่ๆ รถทุกคันในขบวนจึงต้องเร่งความเร็ว ใช้กำลังใน
การปีนไต่ถนนที่สูงชัน ลอดอุโมงค์ที่ตัดทะลุภูเขา และวิ่งบน
ทางเชื่อมระหว่างทิวเขาที่สลับซับซ้อนของมณฑลยูนนานมุ่งสู่เมืองเชียงรุ้ง
จุดหมายปลายทาง ณ โรงแรม Sightseeing ซึ่งอยู่บริเวณใจกลางเมือง
เมื่อใกล้พลบค่ำ โดยคณะกรรมการควบคุมการเดินทาง
จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี
พระจอมเกล้า พระนครเหนือ และสื่อมวลชนที่ร่วมเป็นสักขีพยานตลอด
ทางร่วมกันตรวจสอบความสมบูรณ์ของสติ๊กเกอร์พิเศษที่ลายเซ็นกำกับไว้
และปิดที่ฝาถังน้ำมัน ฝากระโปรงรถ และปุ่มแอร์ที่ล็อคไว้คงที่ที่เบอร์ 2
เพื่อยืนยันว่าทุกคันเปิดแอร์ตลอดเส้นทาง
รุ่งเช้าการเดินทาง 551 กม.สุดท้ายเริ่มขึ้น จากเชียงรุ้งไปสิ้นสุด ณ เมืองคุนหมิง
เมืองหลวงของยูนนาน โดยช่วงแรกใช้เส้นทางท้องถิ่น ทางขึ้นเขาที่ค่อนข้างแคบ
โค้งคดเคี้ยว และอันตรายเนื่องจากมีร่องน้ำลึกอยู่สองฟากฝั่ง ประกอบกับ
รถบรรทุกใหญ่ที่วิ่งกันจอแจและปล่อยน้ำที่ใช้สำหรับคลายความร้อนที่
เบรกลงสู่พื้นจนทำให้ถนนลื่น ก่อนจะตัดเข้าสู่ไฮเวย์มุ่งสู่เมืองผูเอ่อ
ที่มีชื่อเสียงเรื่องใบชา เพื่อไปรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมเซิ่งอันตี้
รวมถึงอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารระหว่างทาง เส้นทางโดยทั่วไปอยู่บน
ถนนที่ไต่ระดับสูงชันจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 1,500 – 2,542 เมตร
ซึ่งสูงใกล้เคียงกับดอยอินทนนท์ของไทยเกือบตลอดวัน จนประมาณ 17.00 น.
ขบวนจึงไปสิ้นสุดที่ซุ้มประตูเมืองโบราณกวนตู้ ณ เมืองคุนหมิง
สาธารณรัฐประชาชนจีน รวมระยะทาง 1,114 กม. หลังจากฝ่าฟันบน
สภาพจราจรจริง โดยใช้ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 70-90 กม./ ชม. และเปิดแอร์
ตลอดเส้นทางได้เป็นผลสำเร็จ โดยน้ำมัน 1 ถัง...ยังเหลือ
ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาเหลือเกินสำหรับรถอีซูซุ ซูเปอร์คอมมอนเรล
ที่สำคัญไปกว่านั้นหลังจากเติมน้ำมันเต็มถังอีกครั้ง รถอีซูซุ ซูเปอร์คอมมอนเรล
ทั้ง 8 คัน ใช้น้ำมันไปเพียง 50-62 ลิตร จากที่เติมไว้เต็มถัง 76 ลิตร
อัตราประหยัดน้ำมันอยู่ที่ 18.03 -22.67 กม./ลิตร โดยเฉพาะรถ
อีซูซุดีแมคซ์ สเปซแค็บ หมายเลข 07 เหลือน้ำมันมากที่สุด
สามารถวิ่งต่อได้อีกนับร้อยกิโลเมตร
มร. เอส. วากาบายาชิ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด
ซึ่งร่วมขบวนคาราวานมาตั้งแต่ต้นจนถึงปลายทาง เปิดเผยว่า
“ความสำเร็จในครั้งนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมให้คนไทยสนับสนุน
การขับรถแบบประหยัดน้ำมัน ซึ่งจะช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่าต่อโลก
รวมทั้งตอกย้ำคุณสมบัติอันเหนือชั้นในด้านการประหยัดน้ำมันของอีซูซุ
และเป็นเส้นทางที่ยากลำบากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาได้แสดงสมรรถนะใน
การเกาะถนนและเข้าโค้งของรถอีซูซุให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของทุกท่าน”
หลังจากเดินทางมาเป็นเวลา 2 วันเต็ม เหล่าบรรดานักขับและครอบครัว
ได้ท่องเที่ยวชมสถานที่น่าสนใจต่างๆ ในเมืองคุนหมิงอย่างเต็มที่อีก 2 วัน
ซึ่งทำให้การเดินทางครั้งนี้เป็นที่น่าจดจำและมีคุณค่ามากขึ้นสมกับการเป็น
“คาราวานท่องเที่ยวประหยัดน้ำมัน อีซูซุ ซูเปอร์คอมมอนเรล
น้ำมันถังเดียว...เที่ยวไกลไปถึงจีน” ที่สร้างความสุขจากการเดินทาง
ท่องเที่ยวทางไกลข้ามประเทศไปพร้อมๆ กับการรณรงค์
ช่วยชาติประหยัดน้ำมันในแบบฉบับอีซูซุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น