AUTO THAILAND's Fan Box

AUTO THAILAND on Facebook

Facebook Fanpage QR Code

qrcode

เจอกันที่ใหม่ จัดเต็มกว่าเดิม!

๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓

Naow27 Auto Talk Show #10 : เกาะกรแส อีโค่คาร์

สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้มาเจอกันอีกวันหนึ่งแล้วนะครับ 
ถึงแม้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดผม(เข้าอายุ 15 ปีแล้ว 555+)
แต่การ live ของผมก็ไม่มีหยุดแน่นอน 
วันนี้เราจะมา"เกาะกระแสอีโค่คาร์"กันครับ

หลังจากที่ผมเคยมา live เรื่องอีโค่คาร์เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2553 
ซึ่งเป็นวันแรกของการ live ของผม ก็ได้บอกรายละเอียด
เกี่ยวกับรถอีโค่คาร์กันไปแล้ว คราวนี้เรามาดูความคืบหน้าของ
รถอีโค่คาร์กันบ้างครับ

สำหรับความคืบหน้านั้น ตอนนี้นิสสันได้เริ่มแผนการตลาดของรถอีโค่คาร์
ไปส่วนหนึ่งแล้ว โดยงานนี้ได้ เคน ธีรเดช มาเป็นพรีเซ็นเตอร์
ส่วนชื่อนั้นคาดว่าจะใช้ชื่อ"March"ซึ่งเป็นชื่อที่ทำตลาดในบางประเทศเท่านั้น
ส่วนกำหนดการตอนนี้ได้ออกมาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า
ประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกของโลกในการจำหน่ายรถ นิสสัน อีโค่ คาร์ 
แต่การเปิดตัวนั้นจะเปิดตัวครั้งแรกในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์
แต่กำหนดการในประเทศไทยนั้นจะเปิดตัวในวันที่ 13 มีนาคมนี้
ซึ่งถ้าใครอยู่กทม. สามารถไปชมได้ที่ ลานหน้าห้าง Central World

ส่วนถ้าใครอยู่ตจว. สามารถไปชมได้ที่โชว์รูมนิสสันท่วประเทศ 
แต่ว่าใครที่อยากได้รุ่นเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT นั้น
คงต้องรอถึงประมาณเดือนมิถุนายน เนื่องจากมีปัญหา
ในด้านการผลิตอยู่เล็กน้อย จึงทำให้การส่งมอบรถนั้นช้าอยู่ 
แต่ถ้าใครสนใจรุ่นเกียร์ธรรมดานั้นจะได้ในเดือนเมษายนนะครับ
สำหรับใครที่อยากรู้รายละเอียดรถอีโค่คาร์ 
สามารถไปดูได้ที่ http://www.nissanecocar.net 
หรือคุณจะรองานมอเตอร์โชว์ 2010 ก็ได้ #BIM2010TH

ถ้ามีรายละเอียดเพิ่มเติมเมื่อไร ผมจะมารายงานให้ทราบนะครับ
ขอจบการ live แต่เพียงเท่านี้ครับ อ่านย้อนหลังได้ที่
หากมีขอผิดพลาดประการใด ต้องขออภัย ณ ที่นี่นะครับ


Naow27 Auto Talk Show #9 : Hybrid มันทำงานยังไง??

9สวัสดีครับชาวทวีตชนและ #twittcm ทุกท่านครับ 
วันนี้มาช้าไปประมาณ 1 ชั่วโมง เนื่องด้วยว่าวันนี้ได้มีการมีตติ้งกับเพื่อนร่วมห้อง
แล้วก็ไปกินหมูกระทะกัน เจอเวลานั้น lateee ชนิดที่ว่าสนุกจนลืมหน้าที่(555+)
บวกกับว่ามือถือของผมมันไม่สามารถทวีตได้(เพราะผมใช้ i-mobile 200และ
อยากเปลี่ยนโทรศัพท์เต็มทนแล้ว อยากใช้ htc จัง 555+)

แล้วเสาร์ที่แล้วนั้นผมได้บอกว่างาน #hellotwt ผมจะ live สดๆ
แต่ก็ไม่สามารถ live ได้เนื่องจากเวลาค่อนข้างกระชั้นชิด
แต่ว่าผมก็ขอปรบมือกับ @ewsudsiri ซึ่งเป็นแม่งานเลยก็ว่าได้
ต้องขอขอบคุณ htc ที่ได้สนับสนุนงบในการจัดงานครั้งนี้
ร่วมไปถึงวิทยากรทุกๆท่านที่ให้ความรู้เกี่ยวกับทวีตเตอร์ 
แต่ผมชอบ 2 หัวข้อของการบรรยายหัวข้อ
ข้อแรกเป็นของ @mjbank ที่ได้พา @ninanaka มาร่วมงานด้วย 
ทำเอาใครหลายๆคนอิจฉาตาร้อนนนไปตามๆกัน
พร้อมกับคำพูดที่ @mjbank ได้พูดไว้าในงานว่า
"เพราะ twitter ทำให้ผมได้มีเค้าในทุกวันนี้"
(แหม!!หวานชนิดน้ำตาลล้นเลยนะเนี้ย 555+)

หัวข้อที่ 2 ที่ผมชอบมากที่สุดบวกกับฮ่าที่สุดคือการบรรยายของ @pawoot 
ชนิดที่ว่าฉีกทุกรูปแบบของการบรรยายในงานนี้เลยก็ว่าได้
 เพราะบรรยายได้ฮ่ามากๆผสมกับความ #หื่น นิดๆ ทะลึ่ง หน่อยๆ
เข้ามาจนการบรรยายในเวลานั้นฮ่าจนน้ำตาเล็ดเลยทีเดียว

เอาล่ะตอนนี้เข้าสู่เนื้อหาของ live ผมซะทีหลังจากที่มีเรื่องไอทีนิดๆ
เที่ยวหน่อยๆ มามากพอสมควร เวลานี้ได้เวลาทำความรู้จักกับ
ระบบไฮบริด(Hybrid)กันครับ 
คำว่า Hybrid แปลว่า การรวมสองสิ่งมาเป็นหนึ่งเดียว
นั้นก็คือมี 2 พลังงานเป็นหลักคือ

 1.เครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงเป็นหลัก
2.มอเตอร์ไฟฟ้า

 โดยมอเตอร์ไฟฟ้าจะมีหน้าที่ในการปั่นพลังงานเพื่อให้มีกำลังที่เหนือกว่า
ระบบเครื่องยนต์ธรรมดาทั่วไป ที่สำคัญคือประหยัดกว่ารถรุ่นอื่นทั่วๆไป
 แต่จะบอกไว้ก่อนนะว่าการทำงานนั้นเป็น 50:50 นะครับ 
แต่ส่วนมากจะลงที่"มอเตอร์ไฟฟ้า"
 เพราะไฮบริดนั้นเป็นระบบที่ใช้ไฟฟ้าเป็นหลัก จึงช่วยลดภาระของเครื่องยนต์
แต่เครื่องยนต์จะช่วยทำงานเป็นบางครั้ง เช่น ขึ้นทางชัน เร่งแซง เป็นต้น

ระบบไฮบริดมี 3 แบบคือ
1.แบบอนุกรม คือทำงานในลักษณะไปทีละอย่าง 
จุดเด่นคือ ประหยัด
จุดด้อยคือ อัตราเร่งไม่ทันใจ 

2.แบบขนาน คือการทำงานแบบขนานคู่ ด้วยการถ่ายเทกำลังไฟฟ้าแบบคู่ 
จุดเด่นคือให้อัตราเร่งที่ดี
จุดด้อยคือสิ้นเปลืองมากกว่าแบบอนุกรม 

แบบสุดท้ายคือ แบบอนุกรมขนาน คือการนำจุดเด่นของทั้ง 2 ระบบ
มาพัฒนาให้มีความประหยัดกว่าและให้อัตราเร่งที่ดีกว่า 2 ระบบแรก 

ที่นี้เรามาดูการทำงานของระบบไฮบริดกันบ้าง ผมจะอธิบายแบบสั้นๆ 
เข้าใจนะครับ โดยจะไปทีละข้อนะครับ เริ่มจาก
 1.เมื่อเราสตาร์ทรถ มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานก่อน
โดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่โดยความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม. 

2.เมื่อขับรถด้วยความเร็วสูงเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า
จะทำงานประสานกันจนมีอัตราเร่งเหนือกว่ารถรุ่นอื่นทั่วไป

3.เมื่อเราถอนคันเร่งหรือเบรกมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่ปั่นพลังงานไฟฟ้า
เพื่อสะสมเก็บไว้ในแบตเตอรี่ เพื่อใช้ในอนาคต

4.เมื่อรถหยุดนิ่งระบบเครื่องยนต์จะหยุดโดยอัตโนมัติ 
แต่ระบบปรับอากาศก็ยังทำงานปกติโดยใช้พลังงานไฟฟ้า

4 ข้อนี้คือการทำงานของระบบไฮบริด ในตอนนี้ประเทศไทย
มีรถไฮบริดที่ถือได้ว่าผลิตในประเทศเป็นครั้งแรกในเอเชีย(ไม่รวมญี่ปุ่น) 
นั้นก็คือโตโยต้า คัมรี่ ไฮบริด หลังจากที่เปิดตัว
ก็สามารถโกยยอดขายได้ยังสมน้ำสมเนื้อ 

แต่ก่อนเปิดตัวนั้นได้มีการแนะนำระบบไฮบริด ให้ปชช.ทั่วไป
ได้ทราบถึงการทำงานของระบบไฮบริด
ใครสนใจสามารถสอบถามได้ที่ @toyotabkk ก็ได้นะครับ 

จบ(แบบดื้อๆ) สามารถไปอ่านย้อนหลังได้ที่เดิมนะครับ 

Naow27 Auto Talk Show #8 : ISUZU D-MAX X-SERIES ตกแต่งพิเศษหรือรุ่นใหม่

สวัสดีครับชาวทวีตชนและชาว #twittcm ทุกท่าน
ขอต้อนรับสู่ Naow27 Auto Talk Show Live ครับ 
วันนี้จะมา live เรื่อง"ISUZU D-MAX X-SERIES ตกแต่งพิเศษหรือรุ่นใหม่"
อีซูซุ ดีแมคซ์ เป็นรถกระบะที่ครองใจคนไทยเป็นระยะเวลา 8 ปี 
โดยยอดขายถึง 1,000,000 คัน นอกจากนี้ยังมีบทพิสูจน์ต่างๆ
เช่น การขับรถจากกรุงเทพ-เอเวอร์เรส เบสท์แคมป์ 
ไปกลับด้วยระยะทาง 15,000 กม.
การทดสอบน้ำมันถังเดียวสามารถเที่ยวได้หลายประเทศ
(มีเยอะมากให้ไปดูได้ที่ http://tinyurl.com/history-isuzud-max )
แล้วล่าสุดเมื่อวานนี้(18 ก.พ. 2010)อีซูซุก็ได้เปิดตัว ISUZU D-MAX X-SERIES
  ซึ่งเป็นรุ่นตกแต่งพิเศษมีให้เลือกถึง 3 รุ่นหลักคือรุ่น SLX ,Hi-Lander และ LS
การเปิดตัวรุ่นนี้ถึงว่าเป็นการเปิดตัวรุ่นพิเศษซึ่งถ้าใครที่ซื้อ
รุ่น Super Platinum นั้น อย่าพึ่งตกใจ  เพราะงานนี้อีซูซุได้ขาย 2 รุ่นนี้
ควบกันไปเลย ดังนั้นภายในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม
จะมีการเปิดตัวรุ่นใหม่ที่จะแทนรุ่น Super Platinum

ก่อนที่ปี 2011 จะมีการเปิดตัว Isuzu D-max ใหม่หมดทั้งคัน
โดยมีรหัสโครงการว่า"RT-50"ซึ่งจะมีประตูบานแค็บเปิดได้ 
มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน หลังจากที่คู่ปรับตลอดกาลอย่างโตโยต้า
ก็ได้นำประตูบานแค็บเปิดได้มาใส่ในวีโก้รุ่นปัจจุบัน 
การเปิดตัวรุ่นพิเศษของอีซูซุนั้น ถือเป็นการแก้เกม
หลังจากที่ไม่สามารถกระชากแชมป์อย่าง
โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ ลงมาจากที่ 1 ได้  เพราะเมื่อครั้งที่อีซูซุ
ได้เปิดตัว D-max รุ่น Platinum ซึ่งเป็นรุ่นที่พัฒนามาจาก Gold Series 
สามารถแซงโตโยต้าได้เป็นเวลา 6 เดือนก่อนที่จะถูก
โตโยต้าทวงแชมป์คืนในช่วงเดือนสิงหาคม 2009 
สำหรับ D-max X-Series นั้นมีการตกแต่งเล็กๆน้อยๆไม่ว่าจะเป็น 
โลโก้ ISUZU สีแดง,สติ๊กเกอร์บริเวณด้านหน้ารถสีเทา 
คิ้วกันกระแทกด้านข้างแบบโครเมียม,สเกิรต์รอบคันในรุ่น SLX 
ภายในตกแต่งโทนสีแดง-ดำ
มาตรวัดดีไซน์สปอร์ตแบบสีส้มและอื่นๆอีกมากมาย 

เดี๋ยววันหลังผมจะลงข่าวนี้ในบล็อกผมนะครับ ตอนนี้รูปภาพประกอบยังไม่มี 
ส่วนรายละเอียดตอนนี้จะคัดในส่วนที่สำคัญให้ผู้ที่เข้าบล็อกได้อ่านกันครับ  
ส่วนรถตัวจริงนั้นคงต้องกัดฟันรอกันไปก่อนนะครับ 
รถตัวจริงนั้นจะมาในวันที่ 2 มีนาคมนี้ พร้อมกับ
การประกาศราคารถรุ่นนี้ด้วยนะครับ  นอกจากนี้ยังเตรียมแผนต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นภาพยนต์โฆษณา,สื่อสิ่งพิมพ์,ป้ายโฆษณา
รวมไปถึงการจัดงานโรดโชว์แนะนำรถรุ่นนี้ควบคู่ไปกับรุ่น Super Platinum 
นอกจากนี้ยังมีเว็บไซต์สำหรับรถรุ่นนี้ 
ใครสนใจตามลิงค์เลยครับ  http://tinyurl.com/d-max-x-series
แต่ช่วงนี้ยังไม่มีอะไรมากนะครับ รอจนถึง 2 มีนาคมนี้ครับ 
สำหรับรุ่นนี้นั้นมีแค่เกียร์ธรรมดาอย่างเดียวนะครับ เพราะรุ่นนี้
เน้นความเป็นสปอร์ตและไลฟ์สไตล์ชีวิตในเมือง  

รุป.ISUZU D-MAX X-SERIES นั้นเป็นรุ่นพิเศษนะครับ
ไม่ใช่รุ่นที่เข้ามาแทนที่ Super Platinum 
ฉะนั้นใครที่มีไลฟ์สไตล์ที่ชอบผจญภัย 
ชอบความอิสระและชอบความเร็วรถรุ่นนี้ก็เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่ถือว่า
เหมาะสำหรับความเร้าใจเช่นคุณ!! 

End.  

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม timeline ของผม สามารถอ่านย้อนหลังได้ที่
หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยในมา ณ ที่นี่ 



๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓

ISUZU D-MAX X-SERIES จับดีแมคซ์มาในมาดดำ-แดง!!!

8 กุมภาพันธ์ 2010 ขณะที่ผมกำลังดูเว็บบอร์ด Headlightmag นั้น
มีกระทู้หนึ่งได้โพสต์ไว้ว่า"isuzu d-max x-series"ตอนแรกผมก็คิดว่า
"อีซูซุบ้าไปแล้วเหรอ ปีที่แล้วก็พึ่งเปิดตัว Super Platinum ไป 
จะปรับอีกแล้วเหรอ"แต่พอสืบค้นไปเรื่อยๆ ก็รู้ว่าเป็น"รุ่นพิเศษ"
ย้ำนะครับว่าเป็นรุ่นพิเศษ



แถมว่ามีบางเว็บเอากำหนดการของงานเปิดตัวมาให้ซะด้วย
ที่น่าสังเกตคือสถานที่เปิดตัว ที่งานนี้ใช้ผับ Funky Villa
มาเป็นสถานที่เปิดตัว ทุกทีอีซูซุมักจะใช้ศูนย์ประชุม
ระดับแนวหน้าของเมืองไทย เช่น อิมแพ็ค เมืองทองธานี
ไบเทค บางนา ศูนย์ประชุม สิริกิตต์ เป็นต้น และอีกจุดหนึ่งคือ
ชุดในการไปงานนั้นจะเป็น"ลำลองสีแดง-ดำ"ผมก็คิดว่า
"อีซูซุจะมีลูกเล่นอะไรอีก" จนมาในวันที่ 18 กุมพาพันธ์ 2010
อีซูซุก็ได้เปิดตัว ISUZU D-MAX X-SERIES โดย
กลุ่มลูกค้าสำหรับรถรุ่นนี้คือ"วัยรุ่น" 




 

Xterior
สำหรับอีซูซุดีแมคซ์ เอ็กซ์-ซีรี่ย์ ได้มีการตกแต่งพิเศษ
ที่เน้นความสปอร์ตโดยมีสีแดง-ดำเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น
-โล้โก้ ISUZU สีแดงตรงกระจังหน้า
-สติ๊กเกอร์ลายคาดคู่ด้านหน้ารุ่นเครื่องยนต์ 2500 Ddi
-สติ๊กเกอร์ตกแต่งสคูปฝากระโปรงหน้ารุ่นเครื่องยนต์ 3000 Ddi VGS Turbo
 

-สเกิรต์รอบคันในรุ่น SPEED
-ตกแต่งด้วยสีเทาพิเศษรอบคัน ทั้งขอบล้อและบันไดข้างในรุ่น LS
-ขอบหน้าต่างและแถบกันกระแทกด้านข้าง แบบโครเมี่ยม 



Interior
 ภายในห้องโดยสารของอีซูซุดีแมคซ์ เอ็กซ์-ซีรี่ย์ ได้มีการตกแต่ง
เพิ่มความสปอร์ตขึ้นโดยยังเน้นสีแดง-ดำเป็นหลัก เช่น
-โลโก้ ISUZU สีแดง ตรงแป้นพวงมาลัย
-ภายในตกแต่งด้วยสีแดง เช่น เบาะนั่งและข้างประตู เป็นต้น
-หัวเกียร์และพวงมาลัยหุ้มหนัง
-มาตรวัด Super Vision แบบสีส้ม ใหม่
-แผงควบคุมเรืองแสงสีส้มแอมเบอร์
-ชุดเครื่องเล่นดีวีดีที่คอนโซลหน้าขนาด 7 นิ้ว (2 Din)
 ควบคุมการทำงานด้วยระบบสัมผัส
พร้อมเชื่อมต่อทั้ง iPod*, iPhone* และ BlackBerry
รวมถึง Bluetooth Connection**
-Platinum Visions ระบบกล้องมองหลังจาก Kenwood**

(หมายเหตุ : *เป็นอุปกรณ์เสริมพิเศษเพิ่มเติม,**เฉพาะรุ่น LS และ Hi-Lander)


Intellgence
นอกจากนี้ยังมีระบบ i-GENii
(Isuzu-Genuis Expolering Network Interactive Intellgence)
ระบบเพื่อนนำทางอัจฉริยะที่ได้ระบบนำทางของ GARMIN
มาเป็นระบบหลักในการนำทาง ที่แสดงผ่านชุดเครื่องเล่นของ Kenwood

 

Performance
เครื่องยนต์มีให้เลือกถึง 2 เครื่องยนต์คือ

1. เครื่องยนต์ i-TEQ 3,000 Ddi VGS TURBO
รหัส 4JJ1-TCX 4 สูบ DOCH 16 วาลว์ พร้อมเทอร์โบแปรผันแบบ
VGS Turbo และอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ถูกติดตั้งอยู่ด้านบน
พร้อมสคูปดักลมขนาดใหญ่
ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า(120 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตรที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที


2.เครื่องยนต์ i-TEQ 2,500 Ddi
รหัส 4JK1-TC 4 สูบ DOCH 16 วาล์ว
ระบายความร้อนด้วยน้ำ เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ 
ให้กำลังสูงสุด 116 แรงม้า(85 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,200 รอบ/นาที

โดยทั้ง 2 เครื่องยนต์นั้นได้ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ 3
หรือยูโร 3 (EURO 3) และทั้ง 2 รุ่นมีให้เลือกแค่เกียร์ธรรมดาเท่านั้น

Suspenion
รุ่น SPEED
 ช่วงล่างด้านหน้า-แบบปีกนกอิสระ
ดับเบิ้ลวิชโบนและคอยสปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
ช่วงล่างด้านหลัง-แบบแหนบซ้อนใต้เพลาพร้อมโช้คอัพแก็ส

รุ่น LS , Hi-Lander และ CAB-4
ช่วงล่างด้านหน้า-แบบปีกนกอิสระ 2 ชั้น
ทอร์ชันบาร์และโช้คอัพแก็ส พร้อมเหล็กกันโคลง
ช่วงล่างด้านหลัง-แบบแหนบซ้อนใต้เพลาพร้อมโช้คอัพแก็ส


สำหรับอีซูซุดีแมคซ์ เอ็กซ์-ซีรี่ย์ มีให้เลือกถึง 5 รุ่นหลักคือ

1.รุ่น SpaceCab SLX SPEED 2,500 Ddi
2.รุ่น RODEO LS 3,000 Ddi VGS Turbo และ  2,500 Ddi
3.รุ่น CAB-4 LS 3,000 Ddi VGS Turbo
4.รุ่น SpaceCab Hi-Lander 3,000 Ddi VGS Turbo และ 2,500 Ddi
5.รุ่น CAB-4 Hi-Lander 3,000 Ddi VGS Turbo และ 2,500 Ddi

ส่วนราคานั้นจะประกาศในวันที่ 2 มีนาคมนี้ พร้อมกับการขายรุ่นนี้
พร้อมกันทั่วประเทศ ซึ่งจะขายควบคู่ไปกับรุ่น Super Platinum
ติดตามรายละเอียดได้ที่ http://www.isuzux-series.com 

ISUZU D-MAX X-SERIES Live the X-style Life!



๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓

TOYOTA ประกาศยอดขายเดือนมกราคม


นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส  
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำ
เดือนมกราคม 2553 มีปริมาณการขายทั้งสิ้น 49,560 คัน เพิ่มขึ้น 54.5% 
ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 20,721 คัน เพิ่มขึ้น 53.2% 
รถเพื่อการพาณิชย์ 28,839 คัน เพิ่มขึ้น 55.4% รวมทั้ง
รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ จำนวน 24,648 คัน เพิ่มขึ้น 53.5%

ตลาดรถยนต์เดือนมกราคม มีปริมาณการขาย 49,560 คัน เพิ่มขึ้น 54.5% 
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เป็นอัตราการเติบโต
สูงสุดในรอบกว่า 7 ปี อย่างไรก็ดี อัตราการเติบโต
ที่เพิ่มขึ้นมาสูงมากนั้น เกิดจากภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวลดลง
ตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์การเงินในสหรัฐอเมริกา เมื่อครึ่งปีหลังของปี 2008
เริ่มเห็นสัญญาณของการคลายตัว และดีขึ้นเป็นลำดับ
โดยรถยนต์นั่งเติบโต 53.2% รถเพื่อการพาณิชย์เติบโต 55.4% 
โดยเฉพาะรถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซ็กเมนท์นี้ เติบโตถึง 53.5%

ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก ภาวะเศรษฐกิจในประเทศ
ที่มีสัญญาณฟื้นตัวจาก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ 
นโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำ
สินค้าทางการเกษตรที่มีราคาดีขึ้น การฟื้นตัวของการส่งออก 
รวมถึงการแนะนำสินค้าใหม่และกิจกรรมส่งเสริมการขาย
ส่งผลให้งานมอเตอร์เอ็กซ์โปในช่วงปลายปีที่ผ่านมา มียอดจองสูงที่สุด
และการเริ่มทยอยส่งมอบรถให้กับลูกค้า ล้วนเป็นปัจจัยบวกต่อ
ระบบเศรษฐกิจ ตลอดจนตลาดรถยนต์

ตลาดรถยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ คาดว่าปริมาณการขายยังคงดี
อย่างต่อเนื่อง จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนมกราคมที่สูงถึง 71.9
สูงสุดในรอบ 21 เดือน การแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ 
มาตรการต่อเนื่องต่างๆของภาครัฐที่มุ่งกระตุ้นระบบเศรษฐกิจ 
ล้วนเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดรถยนต์ ประกอบกับข้อมูลสถิติการขายที่
เดือนกุมภาพันธ์จะมียอดขายเป็นอันดับ 2 ของไตรมาสแรก แต่อย่างไรก็ตาม
สถานการณ์ภายในประเทศช่วงปลายเดือนอาจส่งผลกระทบต่อ
ความเชื่อมั่นต่อผู้ บริโภคและภาคการลงทุน

สำหรับ กรณีเรียกรถกลับมาตรวจสอบแก้ไขในต่างประเทศนั้น
คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์เมืองไทยมากนัก
เนื่องจากผู้ผลิตแต่ละค่ายได้ออกมาให้รายละเอียดและอธิบายแก่ลูกค้าอย่าง 
เข้าใจ ประกอบกับมาตรฐานการผลิต ที่มีการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด
เชื่อว่าสามารถสร้างความมั่นใจต่อผู้บริโภคได้ในที่สุด

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม 2553
ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 49,560 คัน เพิ่มขึ้น 54.5%

- อันดับที่ 1 โตโยต้า 20,289 คัน 
เพิ่มขึ้น 50.8%  ส่วนแบ่งตลาด 40.9%

- อันดับที่ 2 อีซูซุ 10,168 คัน เพิ่มขึ้น 42.7%
ส่วนแบ่งตลาด 20.5%  ส่วนต่าง 10,121 คัน

- อันดับที่ 3 ฮอนด้า 7,701 คัน เพิ่มขึ้น 45.2%
ส่วนแบ่งตลาด 15.5%  ส่วนต่าง 12,588 คัน

ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 20,721 คัน เพิ่มขึ้น 53.2%

- อันดับที่ 1 โตโยต้า 8,665 คัน
เพิ่มขึ้น 28.5% ส่วนแบ่งตลาด 49.8%

- อันดับที่ 2 ฮอนด้า 7,059 คัน เพิ่มขึ้น 42.2% 
ส่วนแบ่งตลาด 34.1% ส่วนต่าง 1,606 คัน

- อันดับที่ 3 มาสด้า 1,583 คัน เพิ่มขึ้น 447.8%
ส่วนแบ่งตลาด 7.6% ส่วนต่าง 7,082 คัน

• ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน*  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) 
ปริมาณการขาย  24,648 คัน เพิ่มขึ้น 53.5%

- อันดับที่ 1 โตโยต้า 10,442 คัน
เพิ่มขึ้น 73.3% ส่วนแบ่งตลาด 42.4%

- อันดับที่ 2 อีซูซุ 9,472 คัน เพิ่มขึ้น 41.3% 
ส่วนแบ่งตลาด 38.4% ส่วนต่าง 970 คัน

- อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 1,644 คัน 
เพิ่มขึ้น 73.2% ส่วนแบ่งตลาด 6.7% ส่วนต่าง 8,798 คัน

• ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 2,371 คัน 
-โตโยต้า 1,142 คัน 
- มิตซูบิชิ 741 คัน 
- อีซูซุ 428 คัน 
- ฟอร์ด 60 คัน

ตลาดรถกระบะ Pure Pick up  ปริมาณการขาย 22,277 คัน เพิ่มขึ้น 53.2%

- อันดับที่ 1 โตโยต้า 9,300 คัน
เพิ่มขึ้น 79.8% ส่วนแบ่งตลาด 41.7%

- อันดับที่ 2 อีซูซุ 9,044 คัน
เพิ่มขึ้น 40.4% ส่วนแบ่งตลาด 40.6% ส่วนต่าง 256  คัน

- อันดับที่ 3 นิสสัน 1,642 คัน 
เพิ่มขึ้น 36.2% ส่วนแบ่งตลาด 7.43% ส่วนต่าง 7,658 คัน

ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 28,839 คัน เพิ่มขึ้น 55.4%

- อันดับที่ 1 โตโยต้า 11,624 คัน
เพิ่มขึ้น 73.2% ส่วนแบ่งตลาด 40.3%

- อันดับที่ 2 อีซูซุ 10,168 คัน
เพิ่มขึ้น 42.7% ส่วนแบ่งตลาด 35.3% ส่วนต่าง 1,456 คัน

- อันดับที่ 3 นิสสัน 1,655 คัน 
เพิ่มขึ้น 32.3% ส่วนแบ่งตลาด 5.7% ส่วนต่าง 9,969 คัน 
 

๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓

Toyota Corolla Altis TRD Sportivo แต่งหน้าให้เข้ม มีแค่ 2,000 คันเท่านั้น

หลังจากที่เปิดตัว Corolla Altis Advenced CNG ไปไม่กี่เดือน
ในที่สุดโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ก็ได้ส่ง Corolla Altis รุ่นพิเศษในนาม
"TRD Sportivo"ที่ได้อุปกรณ์ตกแต่งจาก TRD สำนักแต่งของโตโยต้า
โดยงานนี้ผลิตแค่ 2,000 คันเท่านั้น


สำหรับ Corolla Altis TRD Sportivo มีให้เลือกทั้ง 2 รุ่นคือ
รุ่น 1.8 L ใช้เครื่องยนต์ 1,800 ซีซี รหัส 1ZZ-FE 
4 สูบแถวเรียง DOHC VVT-i ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ EFI
ให้กำลังสูงสุด 132 แรงม้า (97 กิโลวัตต์) ที่ 6,000 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 170 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบ/นาที


และอีกรุ่นหนึ่งคือรุ่น 1.6 L ใช้เครื่องยนต์ 1,600 ซีซี รหัส 3ZZ-FE 
4 สูบแถวเรียง DOHC VVT-i ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ EFI
ให้กำลังสูงสุด 109 แรงม้า (80 กิโลวัตต์) ที่ 6,000 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 145 นิวตัน-เมตร ที่ 4,600 รอบ/นาที



สำหรับรุ่น TRD Sportivo นั้นมีการตกแต่งด้วยใช้อุปกรณ์ตกแต่งจาก TRD
 ซึ่งเป็นสำนักแต่งของโตโยต้า ได้มีการตกแต่งสไตล์สปอร์ต เช่น


 สเกิรต์รอบคัน,สปอยเลอร์หลัง,สติ๊กเกอร์ TRD Sportivo ด้านข้างตัวรถ
สัญลักษณ์ TRD Sportivo ติดตรงบริเวณกระจังหน้าและฝากระโปรงท้าย
โคมไฟหน้า แบบ Smoke Chrome,ไฟท้าย LED แบบเลนส์ใส
ปลายท่อไอเสียสเตนเลส,ล้อแม็กขนาด 16 นิ้วจาก TRD
พร้อมยางขนาด  205/55/R16







ภายในห้องโดยสารนั้นมีการตกแต่งโทนสีดำทั้งเบาะนั่ง แผงประตู
พวงมาลัย และหัวเกียร์หุ้มหนัง แผงคอนโซลหน้าสีเมทัลลิก
พร้อมลายหินอ่อนสีดำ,เบาะนั่งด้านคนขับและผู้โดยสารจาก TRD




สำหรับ Corolla Altis TRD Sportivo มีให้เลือกทั้ง 2 รุ่นคือ
- รุ่น 1.8 L ราคา 894,000 บาท
- รุ่น 1.6 L ราคา 839,000 บาท 


พร้อมทั้งมีให้เลือก 2 สีคือ
- สีดำ(Black Mica)
- สีขาว(Super White)

ใครสนใจสามารถไปชมตัวจริงและทดลองขับ
ได้ที่โชว์รูมโตโยต้า กว่า 311 แห่งทั่วประเทศ
ที่สำคัญรุ่นนี้ผลิตแค่ 2,000 คันเท่านั้นนะครับ


Yamaha Mio 125 ยัดกระบอกสูบ Diasil อัพซีซีให้แรงขึ้น


หลังจากที่รอมีโอรุ่นใหม่กันมานานในที่สุดก็
เปิดตัวแล้วเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2010 โดยงานนี้ยามาฮ่าได้
เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ให้กับมีโอจากรุ่นเดิมที่ใช้ 115 ซีซี มาเป็น 125 ซีซี
พร้อมยัดเทคโนโลยีใหม่ๆมาให้กับมีโอ 125 ซีซีแถมด้วยราคาที่น่าตกใจ


เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2010 บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด
ได้จัดงาน Yamaha Automatic Festival 2010 เพื่อเป็นการ
ฉลองความสำเร็จหลังจากที่จำหน่ายรถจักรยานยนต์แบบออโตเมติก
มาเป็นเวลา 8 ปี จนมียอดขายถึง 2,000,000 คัน แล้วหนึ่งในนั้นคือ"มีโอ"
นำเป็นรุ่นที่ 2 ของตระกูลยามาฮ่า ออโตเมติกเลยก็ว่าได้ หลังจากปี 2002
ได้เปิดตัว"นูโว"ออโตเมติกรุ่นแรกของเมืองไทย

 

ยามาฮ่า มีโอได้เปิดตัวครั้งแรกในเมืองไทยเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2003 
โดยได้วงแคลชมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ด้วยรูปทรงที่คล่องแคลว โฉบเฉี่ยว
จนได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว 
และถูกกล่าวขานว่ามีโอคือผู้นำเทรนด์รถออโตเมติกตัวจริง

จนมาปี 2007 ยามาฮ่าก็ได้เปิดตัว มีโอ เจเนอเรชั่นที่ 2 
ออกสู่ตลาดในประเทศไทย โดยใช้วงแคลช
เป็นพรีเซ็นเตอร์เหมือนเดิมพร้อมกับรูปทรงที่ถือว่าใหม่หมดทั้งคัน
แต่ยังใช้เครื่องยนต์ 115 ซีซีเหมือนเดิม

ปี 2009 ยามาฮ่าก็ได้เปิดตัว มีโอ เจเนอเรชั่นที่ 3 
ออกสู่ตลาดในประเทศไทย โดยมีแบงค์ แคลช
ดา เอ็นโดฟิน และ แน็ป เรโทรสเป็ค มาเป็นพรีเซ็นเตอร์
โดยเปลี่ยนไฟหน้าจากไฟหน้ารวมมาเป็นไฟหน้าคู่




สำหรับยามาฮ่า มีโอ 125 ซีซี ใหม่! นั้นได้มีการปรับปรุงใหม่หมดทั้งคัน
ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ 2 ดวงคู่ สว่างชัดเจนกว่า 50 เมตร 
พร้อมกับแยกไฟหรี่แบบ Blue Lensไว้ด้านบน,ไฟท้ายดีไซน์ใหม่
พร้อมไฟครอบเลนส์ใสทั้งชุด,สติ๊กเกอร์ลายใหม่ ดีไซน์สปอร์ต

 

 ที่เก็บของขนาดใหม่ 12.8 ลิตร ใหญ่ขึ้นกว่าสามารถหมวกกันน็อคได้

 

 ท่อไอเสียแบบใหม่ได้มีการติดตั้งแคทตาไลส์เซอร์ 2 ตัว
ซึ่งผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ 3 หรือ ยูโร 3 (EURO 3)


เรามาดูในส่วนการขับขี่บ้างครับ

 

มาตรวัดดีไซน์ใหม่แบบแยกส่วนพร้อมเฟรมสีน้ำเงิน


 
 

ระบบกุญแจนิรภัย 2 ชั้น แบบ Super Key Shutter 
พร้อมปุ่มปิดรูกุญแจแบบอัตโนมัติ พร้อมเปิดใต้เบาะจากช่องสตาร์ทได้

เครื่องยนต์


เครื่องยนต์แบบ 4 จังหวะ SOHC 2 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ปริมาตรกระบอกสูบ 124 ซีซี อัตรากำลังอัด 10.90 : 1
กระบอกสูบ 52.4 มม. ระยะชัก 57.9 มม. ระบบหล่อลื่นแบบเปียก
คาบูเรเตอร์ได้ใช้รุ่น MIKUNI BS 26 X 1 
ระบบส่งกำลังอัตโนมัติ แบบสายพานตัววี (V-Belt)
อัตราทดเกียร์ 2.540-0.838 : 1 
อัตราทด 2.625 / 3.750

 

ชิ้นส่วนนั้นกระบอกสูบที่ใช้นั้นเป็นตัวเดียวกับนูโว อีลิแกนซ์
กระสูบและเสื้อสูบ Diasil นั้นทำมาจากอะลูมิเนียม
และใช้ส่วนผสมซิลิกอนถึง 20 % ในขณะที่ลูกสูบนั้นได้ใช้แบบอัดขึ้นรูป
ซึ่งมีน้ำหนักถึง 73.6 กรัม มีความทนทานสูง ทั้งนี้
  ยามาฮ่าได้รับประกันความทนทานของกระบอกสูบไดอะซิล
ลูกสูบอัดขึ้นรูป และ แหวนลูกสูบ เป็นระยะเวลา 5 ปี หรือ 50,000 กม.



ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำแบบ Lquid-Cooled Full System
ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับนูโว อิลีแกนซ์ พร้อมด้วย
ระบบช่องทางเดินน้ำยาหล่อเย็นระบายความร้อนในเสื้อสูบ(Water Jacket)
ช่วยลดเสียงที่เกิดจากเครื่องยนต์



คาบูเรเตอร์ แบบ BS ขนาด 26 มม. เป็นชุดเดียวกับนูโวอิลีแกนซ์
พร้อมด้วยเซ็นเซอร์ตรวจจับตำแหน่งลิ้นเร่ง เพื่อการจุดระเบิดที่ดีเยี่ยม

สำหรับ ยามาฮ่า มีโอ 125 ซีซี นั้นมีให้เลือกถึง 3 รุ่นคือ

1.รุ่น MX ราคา 46,000 บาท*


2.รุ่น GT ราคา 44,000 บาท*



3.รุ่น RR ราคา 44,000 บาท*



(หมายเหตุ:*รวม VAT, ไม่รวมทะเบียน และ พ.ร.บ.)

นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่โดยนำ 3 นักฟุตบอลทีมชาติไทย 
ประกอบด้วย 
-“ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย 
-“มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา
-“โอ๊ต” ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์
 มาเป็นพรีเซ็นเตอร์และร่วมแสดงภาพยนต์โฆษณาชุดใหม่
ในชื่อ"RIDING TO THE BALL"



นอกจากนี้ยังได้นำ ยามาฮ่า มีโอ 115 ซีซี มาเปลี่ยนลายสติ๊กเกอร์
ใครสนใจสามารถชมและทดลองขับขี่ได้ที่โชว์รูม ยามาฮ่า ทั่วประเทศ

เตรียมพบกับ First Review Test Riding : Yamaha Mio 125 CC พฤษภาคมนี้ 

ภาพจาก the-cycle.com