ฟอร์ด จับมือ มาสด้า เปิดโรงงงานแห่งที่ 2 ณ ระยอง
ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี และมาสด้า คอร์ปอเรชั่น สองบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลก
ฉลองเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศไทยแห่งใหม่ (แห่งที่ 2 ) มูลค่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ
หรือกว่า 17,000 ล้านบาทอย่างเป็นทางการที่โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย)
หรือ เอเอที จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างฟอร์ดและมาสด้า (เริ่มเปิดผลิตจริงปลายปีนี้ 2552)
การเปิดโรงงานแห่งใหม่เป็นผลสำเร็จจากการขยายการลงทุน
ในศูนย์การผลิตรถยนต์ระดับโลกของสองบริษัทยานยนต์ชั้นนำของโลก ซึ่งได้ประกาศโครงการลงทุนนี้เมื่อปี 2550
ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ฯ ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานใน
พิธีเปิดโรงงงานรถยนต์นั่งเอเอที โดยมี ฯพณฯ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย
นายเอริค จี.จอห์น ฯพณฯ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย นายเคียวจิ โคะมะจิ
รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงของ ฟอร์ด มาสด้า และเอเอที ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดโรงงานอย่างเป็นทางการ
ณ โรงงานเอเอที ในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง
โรงงานรถยนต์นั่งแห่งใหม่ที่เสร็จสมบูรณ์นี้ จะเพิ่มการผลิตรถยนต์ของเอเอทีเป็น 275,000 คันต่อปี
โรงงานนี้จะผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็กมาสด้า2 และฟอร์ด เฟียสต้า เพื่อจำหน่ายในประเทศไทย
และส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และแอฟริกาใต้ ปัจจุบัน
เอเอทีผลิตรถกระบะฟอร์ดและมาสด้าเพื่อจำหน่ายภายในประเทศ และส่งออกไปยังกว่า 130 ประเทศทั่วโลก
นายเดวิด อัลเดน ประธานฟอร์ด อาเซียน เปิดเผยว่า “การลงทุนก่อสร้างโรงงานเอเอทีแห่งใหม่ที่เสร็จ
สมบูรณ์ ตอกย้ำถึงความสำคัญของเอเอทีต่อการดำเนินงานของเราในภูมิภาคนี้
และมีบทบาทเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญในฐานะศูนย์กลางการผลิตและส่งออกระดับโลก ทั้งนี้
ภูมิภาคอาเซียนเป็นตลาดที่มีความสำคัญต่อกลยุทธ์การเติบโตของฟอร์ดในเอเชีย
การที่เอเอทีสามารถผลิตรถได้หลากหลายประเภทมากขึ้น
จะเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันการเติบโตของธุรกิจของเรา”
ในการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานเอเอทีในครั้งนี้ ทำให้มูลค่าการลงทุนรวมของฟอร์ดและมาสด้า
นับตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา มีมูลค่ารวมถึงกว่า 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 51,000 ล้านบาท
ด้านนายมาซาฮารุ ยามากิ รองประธานบริหาร มาสด้า คอร์ปอเรชั่น ได้เปิดเผยถึงโรงงานแห่งใหม่นี้ว่า
“โรงงานผลิตรถยนต์นั่งแห่งใหม่ของเอเอที จะเป็นฐานการผลิตที่สำคัญตามกลยุทธ์การขยายธุรกิจของมาสด้าทั่วโลก
โรงงานแห่งนี้จะใช้เทคโนโลยีการผลิตที่มีความยืดหยุ่นสูงที่ทันสมัยที่สุด
ซึ่งจะทำให้เราสามารถผลิตรถยนต์ที่มีคุณภาพระดับโลก และโดดเด่นด้วยมาตฐานความปลอดภัย
และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”
“โรงงานเอเอทีเป็นตัวอย่างที่สำคัญของความสำเร็จ ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างพนักงานมาสด้า ฟอร์ด
และเอเอทีที่ได้ทุ่มเทเพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน ผมมั่นใจว่าการทำงานร่วมกันเป็นทีมที่แข็งแกร่งจะทำให้
เราฝ่าฟันอุปสรรคความท้าทายต่างๆ และนำพาเราไปสู่ความสำเร็จทางธุรกิจได้ต่อไป”
โรงงานแห่งใหม่นี้ได้มีการติดตั้งระบบการผลิตรถยนต์นั่งที่มีความยืดหยุ่นสูง โดยใช้เทคโนโลยีที่มี
ระบบกระบวนการผลิตรถยนต์อัตโนมัติ รวมถึงการขึ้นรูปตัวถัง การประกอบรถยนต์ขั้นสุดท้าย
โรงพ่นสีรถยนต์ที่สามารถรองรับการพ่นสีได้ทั้งรถกระบะและรถยนต์นั่ง
ด้วยเทคโนโลยีการพ่นสีแบบซ้อนทับ 3 ชั้นแล้วอบสีเพียงครั้งเดียว
(Three Layer Wet Paint System) ซึ่งเป็นกระบวนการที่มีคุณภาพระดับโลกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สามารถลดปริมาณสารอินทรีย์ไอระเหยและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
รวมทั้งของเสียจากการผลิตได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันก็ให้คุณภาพสีที่ดียิ่งขึ้นด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น