หากจะพูดถึง โตโยต้า โคโรลล่า อัสติส มักจะมี 2 ความคิดคือ
รถแท็กซี่กับรถบ้านๆ ซึ่งก็หมายความว่ากลุ่มเป้าหมายนั้น
อาจจะไม่ใช่หนุ่มสาวออฟฟิศ แต่เป้าหมายกลับไปอยู่ที่กลุ่มแท็กซี่
และกลุ่มบุคคลทั่วไป(ที่ไม่ได้ทำงานออฟฟิศ ออกแนวรถครอบครัว)
แต่จากที่ดูยอดขายแล้ว ปรากฎอัลติสครองส่วนแบ่งเยอะกว่าซีวิคซะด้วย
ซึ่งหากย้อนไปอีกว่าช่วงเปิดตัวใหม่(สำหรับรุ่นที่ 10 เมื่อ 2 ปีที่แล้ว)
เปิดตัวมาอาจจะไม่สวยดังที่หวังไว้ โตโยต้าเลยแก้เผ็ดด้วยการ
เข็นเครื่องยนต์ 2.0 L พร้อมกับการปรับออฟชั่นให้เหมาะสมในแต่ละรุ่น
หลังจากการเปิดตัวรุ่น 2.0 นั้น การตอบรับเริ่มดีขึ้น ถึงแม้ช่วงแรกๆจะยังไม่ดีอยู่บ้าง
แล้ววันนี้( 5 สิงหาคม 2553)โตโยต้าก็ถึงเวลาที่จะได้ปรับโฉมอัลติสใหม่
ให้ดูดีขึ้น หลังจากโฉมนี้ได้เปิดตัวในทวีปยุโรปเมื่อเดือนพฤษภาคม
และที่ไต้หวันเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ที่น่าสังเกตคือ
ช่วงที่เปิดตัวที่ไต้หวันนั้น ค่อนข้างใกล้เคียงในเวอร์ชั่นไทย
เพราะออฟชั่นทั้งหมด(ยกเว้นซันรูฟและรุ่น 2.0 Z)นั้นเป็นไปได้ว่าจะเข้ามาในไทย
พอมาวันนี้สิ่งที่เราคาดว่าที่ไต้หวันมียังไงที่ไทยมียังนั้นก็(อาจจะ)ถูกทั้งหมด
ต้องย้อนความเป็นมาของ โคโรลล่า อัลติส ก่อนนะครับ
โคโรลล่า อัลติส นั้นเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2545 (ปี 2002)
โดยในปีนั้นได้ Brad Pitt มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับรถรุ่นนี้
พอมาปี 2547 (ปี 2004) ก็ได้ปรับโฉมใหม่ให้ดูหรูขึ้นไปจากรุ่นเดิม
ซึ่งรุ่นนี้ไม่มีพรีเซ็นเตอร์รุ่นนี้ถือได้ว่าได้รับความนิยมมากที่สุด
(สังเกตง่ายๆรถรุ่นนี้เห็นบนท้องถนนบ่อย)
แต่พอคู่แข่งอย่า ฮอนด้า ซีวิค มาเบียดกระแสจนกลบมิดเลยก็ว่าได้
ดังนั้นปี 2549 (ปี 2006) ก็ได้ปรับโฉมอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งรุ่นนี้ได้ติดตั้ง
เครื่องเล่นดีวีดีพร้อมจอขนาด 6.5 นิ้ว พร้อมกล้องมองหลังขนาดถอยหลัง
จนปลายปี 2007 โตโยต้าก็ได้ยลโฉม อัลติส เจเนอเรชั่นที่ 10
ในงาน Motor Expo 2007จนมีกระแสวิพากย์วิจารณ์ในเรื่องต่างๆ
จนกระทั่งมีการเปิดตัวในปี 2551(ปี 2008)ก็เปิดตัวรุ่นดังกล่าว
แล้วหลังจากนั้นผ่านไป 1 ปีก็เพิ่มเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร
ปัจจุบันโคโรลล่า อัลติส เจอเนอเรชั่นที่ 10 นั้นมียอดขายสะสมอยู่ที่ 520,000 คัน
นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 2551 จนถึงวันที่ 5 สิงหาคม 2553
ปัจจุบันโคโรลล่า อัลติส เจอเนอเรชั่นที่ 10 นั้นมียอดขายสะสมอยู่ที่ 520,000 คัน
นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 2551 จนถึงวันที่ 5 สิงหาคม 2553
สำหรับโคโรลล่า อัลติส ใหม่นี้ มีการปรับเปลี่ยนชิ้นส่วน
ซึ่งหน้าตาของรุ่นนี้นั้นเหมือนกันทั่วโลก เพียงมีการปรับรายละเอียดปลีกย่อย
โดยหน้าตาของอัลติสรุ่นนี้มีความเป็นสปอร์ตขึ้น ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดคือ
กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ที่ได้มีการขยายช่องรับลมตรงกระจังหน้าให้ยาวขึ้น
รับกับกันชนหน้าดีไซน์ใหม่พร้อมไฟตัดหมอกที่มีรูปทรงคล้ายรถโตโยต้า พรีอุสส่วนไฟหน้าก็เป็นดีไซน์ใหม่ ซึ่งหลายคนก็เรียกไฟหน้าแบบนี้ว่า"ตาเหยี่ยว"
ไฟหน้าของอัลติสนั้นเป็นแบบ HID แต่ในรุ่น 2.0 นั้นจะรมสีดำ ล้ออัลลอยด์ลายเป็นขนาด 16 นิ้ว 5 ก้าน ซึ่งมีเฉพาะ 2.0 ทุกรุ่น และ 1.8 G
กันชนหลังดีไซน์พร้อมไฟท้ายดีไซน์ใหม่เป็นแบบ LED เลนส์ใส
สำหรับรุ่น 2.0 นั้นจะมีชุดแต่งรอบคัน อาทิ สเกิร์ตกันชนหน้า-ด้านข้าง-หลัง
สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
ภายในห้องโดยสารของโคโรลล่า อัลติส ใหม่นั้นมีการเปลี่ยนโทนสี
ภายในให้สปอร์ตขึ้น โดยรุ่นก่อนจะเป็นโทนดำตัดกับสีครีมเบจแบบไอเวอรี่ มาเป็นสีโทนเทาดำ พร้อมลายไม้ตัดสลับกับเมทัคลิค มาพร้อมวิทยุ
ที่เพิ่มฟังก์ชั่น AUX มีเฉพาะรุ่น 2.0V, 2.0G 1.8 ทุกรุ่น 1.6G และ 1.6E
พวงมาลัยสไตล์สปอร์ต พร้อมสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียง และจอแสดงข้อมูล
การขับขี่เพิ่มความสะดวกสบาย มีให้ในรุ่น 2.0 ทุกรุ่น ส่วนมาตรวัดเรืองแสง
มีให้ในรุ่น 2.0 ทุกรุ่น และ 1.8G ปิดท้ายด้วยเบาะหนัง
ชิ้นกลางเจาะรูแบบสปอร์ต ติดตั้งในรุ่น 2.0 ทุกรุ่น 1.8 ทุกรุ่น และ 1.6G
เครื่องยนต์ของ โคโรลล่า อัลติส ใหม่นั้น ได้มีการเปลี่ยนจากเดิมที่มีแค่ VVT-i
มาเป็น Dual VVT-i ถามว่ามันต่างกันอย่างไร เอาง่ายคือ
VVT-i มีระบบวาล์วแปรผันแบบเดียว แต่พอเติม Dual เข้าไปก็เป็น
ระบบวาล์วแปรผันแบบคู่ สำหรับเครื่องยนต์ Dual VVT-i มีตั้งแต่ 2.0 1.8 และ 1.6
ซึ่งรายละเอียดมีดังนี้
เครื่องยนต์ขนาด 2,000 ซีซี รหัส 3ZR-FE
แบบ 4 สูบ แถวเรียง DOHC Dual VVT-I
พร้อมระบบ ACIS (Acoustic Control Induction System)
แรงม้าสูงสุด 145 แรงม้า (107 กิโลวัตต์) ที่ 6,200 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 187 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบต่อนาที
เครื่องยนต์ขนาด 1,800 ซีซี รหัส 2ZR-FE
แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC Dual VVT-I
พร้อมระบบ ACIS (Acoustic Control Induction System)
แรงม้าสูงสุด 140 แรงม้า (103 กิโลวัตต์) ที่ 6,400 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที
เครื่องยนต์ขนาด 1,600 ซีซี รหัส 1ZR-FE
แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC Dual VVT-I
พร้อมระบบ ACIS (Acoustic Control Induction System)
แรงม้าสูงสุด 122 แรงม้า (80 กิโลวัตต์) ที่ 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 145 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที
ส่วนรุ่น 1.6 CNG นั้นยังคงเป็นบล็อกเดิมคือ
เครื่องยนต์ 1600 ซีซี CNG รหัส 3ZZ-FE
4 สูบแถวเรียง DOHC VVT-i
แรงม้าสูงสุด 109 แรงม้า (80 กิโลวัตต์) ที่ 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 145 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที
สำหรับเครื่องยนต์ Dual VVT-i นั้นได้จับคู่กับเกียร์ Super CVT-i
พร้อม Manual Mode 7 Speed แบบ Sequential Shift
ซึ่งชุดเกียร์นี้จะมีเพียงรุ่น 2.0 และ 1.8 เท่านั้น
ส่วนรุ่น 1.6 ทั้งธรรมดาและ CNG นั้นจะเป็น เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด แบบ Gate-Type
ซึ่งถ้าเทียบกับตัวก่อนนั้นในรุ่น 2.0 และ 1.8 จะเป็นเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด
แบบ Sequential Shift แต่รุ่น 2.0 จะมี Paddle Shift บนพวงมาลัย
ส่วนรุ่น 1.6 J MT นั้นงานนี้สาวกคนชอบเกียร์ MT เตรียมกระทืบคันเร่งมันส์แน่ๆ
เพราะงานนี้โตโยต้าได้จัดการเปลี่ยนชุดเกียร์จาก 5 สปีด มาเป็น 6 สปีด
ส่วนความปลอดภัยนั้นยังคงเหมือนเดิม
แบบป้องกัน
- ระบบABS*
- ระบบกระจายแรงเบรก EBD*
- ระบบเสริมแรงเบรก BA*
- ระบบควบคุมการทรงตัว VSC**
-ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC**
แบบปกป้อง
- โครงสร้างนิรภัย GOA
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS***
- โครงสร้างเบาะนั่งแบบ WIL (Whiplash Injury Lessening)
- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้า แบบรั้งกลับ และผ่อนแรงดึงอัตโนมัติ***
หมายเหตุ
(*เฉพาะ 2.0 ทุกรุ่น 1.8 ทุกรุ่น 1.6G และ 1.6E)
(**เฉพาะรุ่น 2.0V Navi และ 2.0V)
(*** เฉพาะรุ่น 2.0 ทุกรุ่น 1.8 ทุกรุ่น และ 1.6G)
สำหรับราคาของ โคโรลล่า อัลติส ใหม่ นั้นได้ปรับเพิ่ม 10,000-15,000 บาท
ซึ่งราคามีดังนี้
Corolla Altis 2.0 V Navi 1,194,000 บาท
Corolla Altis 2.0 V A/T 1,054,000 บาท
Corolla Altis 2.0 G A/T 969,000 บาท
Corolla Altis 1.8 G A/T 919,000 บาท
Corolla Altis 1.8 E A/T 864,000 บาท
Corolla Altis 1.6 E CNG 854,000 บาท
Corolla Altis 1.6 G A/T 834,000 บาท
Corolla Altis 1.6 E A/T 799,000 บาท
Corolla Altis 1.6 J A/T 779,000 บาท
Corolla Altis 1.6 J M/T 751,000 บาท
Corolla Altis CNG Color Key 756,000 บาท
Corolla Altis CNG 744,000 บาท
สำหรับท่านไหนที่อยากจะสัมผัสและลองตัวจริงนั้น
ทางโตโยต้าจะกระจายรถรุ่นนี้ไปทั่วประเทศแล้วขึ้นโชว์รูมในวันที่ 14 สิงหาคมนี้
นอกจากนี้ยังมีการแสดงที่ผสมผสานระหว่างการขับแบบ Gymhana โดย
นักแข่งมืออาชีพกับน้ำพุเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเป็นครั้งแรกในเมืองไทย
ถ้าใครสนใจไปชมได้ที่ เซ็นทรัล ลาดพร้าว สกายฮอลล์ ชั้น 3
ในวันที่ 14 - 15 สิงหาคมนี้ แสดงวันละ 3 รอบคือ 15.30 น. , 17.30 น. และ 19.30 น.
ท่านใดสนใจไปชมกันได้นะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น