AUTO THAILAND's Fan Box

AUTO THAILAND on Facebook

Facebook Fanpage QR Code

qrcode

เจอกันที่ใหม่ จัดเต็มกว่าเดิม!

๒๗ กันยายน ๒๕๕๒

มาสด้ากระตุ้นน้อง3ซะหน่อยกับMAZDA 3 LIFE&PLAY


ตอนนี้ใครที่รอมาสด้า3โฉมใหม่ที่จะเปิดตัวในปี2011 และรวมถึงการเปิดตัวมาสด้า2ไมเนอร์เชนโดยใช้
ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในการเปิดตัวในรุ่นไมเนอร์เชน ดังนั้นถ้ารอ2รุ่นนี้ไปโชว์รูมมาสด้าก็เงียบเหงา
เมื่อมาสด้ารู้เรื่องนี้ก็ไม่ให้เงียบเหงาจนเกินไป จึงส่งมาสด้า3รุ่นพิเศษคือ1.6Lifeและ2.0Play
พร้อมติดตั้งเครื่องเล่น DVD ทัชสกรีน พร้อมระบบนำทาง GPS หรือเนวิเกเตอร์จากโรงงานทุกรุ่น
มาสด้า3 "Life" & "Play" รุ่นด้วยราคาเริ่มเพียง 872,000 บาทเท่านั้น
เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าผู้หลงใหลความความสปอร์ต




จอห์น เรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้าประสบความสำเร็จอย่างสูงใน
การเปิดตัวมาสด้า3 รุ่นพิเศษ โดยเฉพาะรุ่นพิเศษ "MOVE Series" ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาและจำหน่ายหมด
ภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือน สำหรับการเปิดตัวรถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า3 รุ่นพิเศษ "Life" & "Play" ในครั้งนี้
นับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากตลาดรถยนต์นั่งของมาสด้ามีทิศทางการเติบโตเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดขาย
รถมาสด้า3 ที่กำลังร้อนแรงมีอัตราการเติบโตสูงสุดอย่างต่อเนื่อง สามารถก้าวขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ของตลาด C เซ็กเมนต์
ผมคาดว่านับจากนี้ไป ยอดขายมาสด้า3 น่าจะอยู่ที่ประมาณเดือนละ 400 คัน และยอดรวมรถยนต์นั่งของมาสด้า
น่าจะอยู่ที่ประมาณ 6,500 คัน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เติบโตขึ้นจากในปี 2551 เติบโตสูงถึงกว่า 35 เปอร์เซ็นต์"





สำหรับรถยนต์นั่งมาสด้า3 รุ่นพิเศษ "Life" & "Play" คือรุ่นสปอร์ตพิเศษที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ให้คงความสดใหม่ เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า เน้นตลาดที่กลุ่มทั้งแฮ็ทช์แบ็ค 5 ประตู และกลุ่มซีดาน 4 ประตู
เจาะกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบในเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยประกอบด้วย รุ่นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ที่ถูกพัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ความสปอร์ต
แบบคุ้มค่า ภายใต้ชื่อรุ่น "Life" ซึ่งแปลว่า ความมีชีวิตชีวา มีสีสันและความสดใส ถูกตกแต่งด้วยอุปกรณ์เสริมสไตล์สปอร์ตรอบคันทั้งภายนอกและภายใน และสำหรับรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ภายใต้ชื่อ "Play" หมายถึงการชื่นชอบความแรงแบบสปอร์ต
และความสนุกเร้าใจในการขับขี่ ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้โดดเด่นด้วยเครื่องเล่น DVD Touch Screen TFT LED ขนาด 7 นิ้ว
ที่มาพร้อมระบบนำทาง GPS Navigator และเซ็นเซอร์ถอยหลัง 4 ตำแหน่ง สติ๊กเกอร์ลายพิเศษ
ปลายท่อไอเสียสไตล์สปอร์ต และป้ายชื่อรุ่นพิเศษ โดยรุ่นพิเศษนี้เป็นเจ้าของได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 872,000 บาท


รถยนต์นั่งมาสด้า3 รุ่นพิเศษ "Life" เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร และรุ่นพิเศษ "Play" เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร
นำมาตกแต่งสไตล์สปอร์ต
รอบคันทั้งภายในและภายนอก มากด้วยความคุ้มค่า บอกเอกลักษณ์ของความเป็นรุ่นพิเศษ
มีให้เลือก 2 สี
ได้แก่
- สีขาวไดมอนด์ไวท์
-สีดำแพนเธอร์แบล็กเมทัลลิก
ราคามาสด้า3 รุ่นพิเศษ "Life" 1.6 ลิตร
รุ่น 4 ประตู 872,000 บาท
รุ่นแฮทช์แบ็ค 5 ประตู 908,000 บาท

ราคารถมาสด้า3รุ่น "Play" 2.0 ลิตร
รุ่น 4 ประตูราคา1,033,000 บาท
รุ่นแฮทช์แบ็ค 5 ประตูราคา 1,099,000 บาท

ซึ่งราคาจำหน่ายดังกล่าวถือว่าคุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมและยังมีราคาต่ำกว่าคู่แข่งใน
ตลาดอยู่หลายหมื่นบาท นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบความเป็นรถสปอร์ตจากมาสด้า




ดังนั้นลูกค้ามาสด้าทุกท่านไม่ควรพลาดโอกาสในการเป็นเจ้าของ Mazda3 รุ่นพิเศษ "Life" & "Play"
ยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ตจากมาสด้าที่ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ที่เร้าใจ สมรรถนะเป็นเยี่ยม
ให้ความมั่นใจในความปลอดภัย
อบอุ่นใจตลอดการเดินทาง พร้อมรับข้อเสนอและเงื่อนไขสุดพิเศษจากมาสด้า
ทั้งนี้รถยนต์มาสด้า3
ทุกรุ่นรับประกันคุณภาพนานถึง 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร



๑๘ กันยายน ๒๕๕๒

ยอดขายเดือนสิงหาคม โตโยต้ายังคงที่1เหมือนเคย


ตลาดที่หดตัวสูงสุด คือ ตลาดรถตู้และรถขนาดครึ่งตันอื่นๆ โดยหดตัวลงถึง 38.97%
ส่วนตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลหดตัวลงน้อยที่สุด คือ11.04% ในตลาดรถยนต์รวมทุกประเภท
โตโยต้าจำหน่ายได้เป็นอันดับ 1
ด้วยยอดจำหน่าย 132,435 คัน คิดเป็น 41.67%
อีซูซุมาเป็นอันดับ 2 คือ 66,637 คัน
มีส่วนแบ่งตลาด 20.97% และอันดับ 3 คือ ฮอนด้า
จำหน่ายได้ 53,995 คัน
คิดเป็น 16.99%





สำหรับยอดจำหน่ายรถยนต์รวมทุกประเภทในเดือนสิงหาคม คือ 43,251 คัน เพิ่มขึ้น 0.22%
เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โตโยต้าจำหน่ายได้มากที่สุด คือ 18,708 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 43.25%
อีซูซุมาเป็นอันดับ 2 ด้วยยอดจำหน่าย 8,884 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 20.54% และฮอนด้ามาเป็นอันดับ 3
จำหน่ายได้ 6,829 คัน คิดเป็น 15.79%

สำหรับตลาดรถปิกอัพขนาด 1 ตันใน 8 เดือนแรก มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 155,258 คัน ลดลง 29.86%
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โตโยต้าจำหน่ายได้สูงสุด คือ 62,889 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 40.51%
อีซูซุตามมาเป็นอันดับ 2 คือ 62,113 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 40.01% และนิสสันมาเป็นอันดับ 3
ด้วยยอดจำหน่าย 11,743 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 7.56%

ตลาดรถปิกอัพขนาด 1 ตันในเดือนสิงหาคม มียอดจำหน่ายรวม 21,029 คัน ลดลง 1.55%
เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม โตโยต้าจำหน่ายได้สูงสุด คือ 8,658 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 41.17%
ตามมาด้วยอีซูซุจำหน่ายได้ 8,189 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 38.94% และนิสสันมาเป็นอันดับ 3
ด้วยยอดจำหน่าย 1,508 คัน คิดเป็น 7.17%

ยอดจำหน่ายของตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 8 เดือนแรกของปีนี้รวมทั้งสิ้น 131,379 คัน ลดลง 11.04%
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โตโยต้าจำหน่ายได้เป็นอันดับ 1 คือ 57,587 คัน
คิดเป็น 43.83% ฮอนด้ามาเป็นอันดับ 2 ด้วยยอดจำหน่าย 50,961 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 38.79% และ
นิสสันจำหน่ายได้เป็นอันดับ 3 คือ 5,274 คัน คิดเป็น 4.01%

สำหรับตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในเดือนสิงหาคมนี้ เพิ่มขึ้น 1.47% จากเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
โดยมียอดจำหน่ายรวมทุกยี่ห้อ 17,790 คัน โตโยต้าจำหน่ายได้สูงสุด 8,502 คัน
คิดเป็น 47.79% ฮอนด้ามาเป็นอันดับ 2 จำหน่ายได้ 6,366 คัน คิดเป็น 35.78% และนิสสันมาเป็นอันดับ 3 คือ 838 คัน
มีส่วนแบ่งตลาด 4.71%

ยอดจำหน่ายของตลาดรถแต่ละประเภทมีรายละเอียดดังนี้

1. ตลาดรถปิกอัพขนาด 1 ตัน (ไม่รวม SUV)
ลำดับ ผู้จำหน่าย ยอดจำหน่าย(คัน) : พ.ศ. 2552 ส่วนแบ่งตลาด % เพิ่ม / ลด
ส.ค. % เพิ่ม / ลด ม.ค.-ส.ค. ( % ) ยอดจำหน่าย
(เทียบ ก.ค.) ม.ค.-ส.ค. (เทียบ ม.ค.-ส.ค. 51)
1 โตโยต้า 8,658 -4.57% 62,889 40.51% -29.29%
2 อีซูซุ 8,189 -1.00% 62,113 40.01% -27.09%
3 นิสสัน 1,508 -16.45% 11,743 7.56% -29.82%
4 มิตซูบิชิ 1,081 31.19% 7,232 4.66% -46.61%
5 ฟอร์ด 559 19.70% 3,689 2.38% -28.44%



2. ตลาดรถตู้และรถขนาดครึ่งตันอื่นๆ
ลำดับ ผู้จำหน่าย ยอดจำหน่าย(คัน) : พ.ศ. 2552 ส่วนแบ่งตลาด % เพิ่ม / ลด
ส.ค. % เพิ่ม / ลด ม.ค.-ส.ค. ( % ) ยอดจำหน่าย
(เทียบ ก.ค.) ม.ค.-ส.ค. (เทียบ ม.ค.-ส.ค. 51)
1 โตโยต้า 954 -9.06% 7,069 72.09% -25.88%
2 ซูซูกิ 214 34.59% 1,251 12.76% -73.89%
3 ฮุนได 121 12.04% 709 7.23% 62.61%
4 โฟล์ค 45 28.57% 257 2.62% 11.74%
5 นิสสัน 28 180.00% 180 1.84% -50.95%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ (ไม่รวม SUV)
ลำดับ ผู้จำหน่าย ยอดจำหน่าย(คัน) : พ.ศ. 2552 ส่วนแบ่งตลาด % เพิ่ม / ลด
ส.ค. % เพิ่ม / ลด ม.ค.-ส.ค. ( % ) ยอดจำหน่าย
(เทียบ ก.ค.) ม.ค.-ส.ค. (เทียบ ม.ค.-ส.ค. 51)
1 โตโยต้า 9,612 -5.04% 69,958 39.93% -28.96%
2 อีซูซุ 8,867 0.11% 66,360 37.87% -26.32%
3 นิสสัน 1,536 -15.37% 11,923 6.80% -30.27%
4 มิตซูบิชิ 1,176 28.24% 8,206 4.68% -43.84%
5 ฮีโน่ 647 12.91% 4,118 2.35% -15.46%

4. ตลาดรถขับเคลื่อน 4 ล้ออเนกประสงค์(SUV)
ลำดับ ผู้จำหน่าย ยอดจำหน่าย(คัน) : พ.ศ. 2552 ส่วนแบ่งตลาด % เพิ่ม / ลด
ส.ค. % เพิ่ม / ลด ม.ค.-ส.ค. ( % ) ยอดจำหน่าย
(เทียบ ก.ค.) ม.ค.-ส.ค. (เทียบ ม.ค.-ส.ค. 51)
1 โตโยต้า 594 -18.29% 4,890 43.49% -17.58%
2 ฮอนด้า 463 16.33% 3,034 26.99% -54.73%
3 มิตซูบิชิ 130 -6.47% 1,320 11.74% 6500.00%
4 เชฟโรเลต 129 -20.86% 1,006 8.95% -51.21%
5 อีซูซุ 17 -55.26% 277 2.46% -48.61%

5. ตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล
ลำดับ ผู้จำหน่าย ยอดจำหน่าย(คัน) : พ.ศ. 2552 ส่วนแบ่งตลาด % เพิ่ม / ลด
ส.ค. % เพิ่ม / ลด ม.ค.-ส.ค. ( % ) ยอดจำหน่าย
(เทียบ ก.ค.) ม.ค.-ส.ค. (เทียบ ม.ค.-ส.ค. 51)
1 โตโยต้า 8,502 12.70% 57,587 43.83% -20.47%
2 ฮอนด้า 6,366 -6.40% 50,961 38.79% 3.60%
3 นิสสัน 838 -10.85% 5,274 4.01% 7.26%
4 เชฟโรเลต 344 -50.00% 4,861 3.70% -37.58%
5 มาสด้า 332 -11.23% 3,026 2.30% 23.06%

6. ตลาดรถยนต์รวมทุกประเภท
ลำดับ ผู้จำหน่าย ยอดจำหน่าย(คัน) : พ.ศ. 2552 ส่วนแบ่งตลาด % เพิ่ม / ลด
ส.ค. % เพิ่ม / ลด ม.ค.-ส.ค. ( % ) ยอดจำหน่าย
(เทียบ ก.ค.) ม.ค.-ส.ค. (เทียบ ม.ค.-ส.ค. 51)
1 โตโยต้า 18,708 1.71% 132,435 41.67% -25.10%
2 อีซูซุ 8,884 -0.12% 66,637 20.97% -26.46%
3 ฮอนด้า 6,829 -5.14% 53,995 16.99% -3.39%
4 นิสสัน 2,374 -13.99% 17,240 5.42% -22.09%
5 มิตซูบิชิ 1,624 20.47% 11,500 3.62% -33.64%


๑๗ กันยายน ๒๕๕๒

ISUZU D-MAX และ MU-7 SUPER PLATINUM เปลี่ยนอีกแล้วเหรอ!!!!

 ISUZU D-MAXและMU-7 SUPER PLATINUMเปลี่ยนอีกแล้วเหรอ!!!!
หลังจากในช่วงปลายปี2008 อีซูซุได้เปิด”อีซูซุดีแมคซ์ และอีซูซุมิว-เซเว่น แพลททินั่ม"
จนมีกระแสการตอบรับเป็นอย่างดี และสามารถแซงโตโยต้าวีโก้
(ได้แค่ประมาณ6เดือน หลังจากนั้นก็โดนโตโยต้าแซง555+)
ดังนั้นอีซูซุจึงแก้เกมด้วยการส่ง อีซูซุดีแมคซ์ และอีซูซุมิว-เซเว่น ซูเปอร์ แพลททินั่ม มาแก้เกม




ต้องเท้าความสักนิดนึงว่าอีซูซุนั้นมักจะเปลี่ยนโฉมทุกๆปีตั้งแต่ปี2006ซึ่ง ได้เปิดตัว”ISUZU D-MAX รุ่นใหม่ของโลก”
สร้างกระแสได้ดีแต่ดันมาเสียท่าให้โตโยต้าซะงั้น จนอีซูซุได้ปรับโฉมเพื่อเอาใจลูกค้า
แต่ก็มีกระแสว่าการที่อีซูซุปรับโฉมบ่อยนั้น ทำเอาลูกค้ารู้สึกเซงกับการเปลี่ยนโฉมบ่อยของอีซูซุ
ดังนั้นผมจึงขอตั้งฉายาให้กับอีซูซุว่า”เจ้าพ่อ ไมเนอร์เชน”555+ แล้วช่วงปลายปีผมจึงเรียกช่วงนี้ว่า
”เทศกาลอีซูซุไมเนอร์เชน”เปลี่ยนแล้ว เปลี่ยนอีกไม่รู้ว่าจะใช้ชื่อว่าอะไรอีกจนในที่สุดทุกข้อสงสัยได้กระจ่างไป
เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับการเปิดตัวในวันนี้(17กันยายน2552)




ไม่เท่านั้น อีซูซุยังชูจุดเด่นด้วยการติดตั้งระบบนำทางNavigaterที่อีซูซุได้ใช้ ชื่อในนามi-Genii
(Genius Exploring Network Interactive Intelligence) ระบบเพื่อนนำทางอัจฉริยะ
นับเป็นรายแรกของเมืองไทยที่ติดตั้งในรถกระบะ

เหตุผลว่าทำไม อีซูซุถึงต้องติดตั้งระบบนำทางNavigater เพราะอีซูซุกำลังให้ของเล่นใหม่ๆมาติดตั้งในดีแมคซ์และ
ทางอีซูซุเองก็ได้ ทราบว่าจากประสบการณ์ตรงของผู้ใช้รถ อีซูซุตระหนักว่า การหลงทางนั้นเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งที่ผู้ใช้รถ
มากกว่า 50% เคยประสบมาแล้วทั้งสิ้น ซึ่งไม่เพียงสิ้นเปลืองน้ำมันเท่านั้น แต่ยังเสียเวลา เสียโอกาสทางธุรกิจอีกด้วย

งานนี้ อีซูซุ ได้พันธมิตรที่ดีมากๆ อย่าง KENWOOD ที่ไปดีลติดต่อกับ Garmin ผู้ผลิตอุปกรณ์ และซอฟต์แวร์
ระบบนำทาง อันดับต้นๆของเมืองไทย งานนี้ อีซูซุ ขออะไร KENWOOD กับ Garmin จัดการให้เสร็จสรรพ
ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์ ในด้าน ช่วยประหยัดน้ำมัน โดยระบบจะคำนวณเลือกเส้นทางที่เหมาะสมเพื่อการขับขี่
ที่ประหยัดน้ำมันกว่า ช่วยประหยัดเวลา ลดปัญหาเรื่องหลงทาง สามารถคำนวณระยะทางและเวลาในการเดินทาง
ช่วยวางแผนการเดินทางล่วงหน้าได้ และมั่นใจอีกระดับ แม้จะขับไปในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ด้วยหน้าจอแสดง
ลักษณะถนนล่วงหน้าที่อาจเป็นอันตราย เช่น ทางโค้งหักศอก อีกทั้งช่วยหาสถานที่สำคัญที่ใกล้ที่สุด ได้ตามต้องการ
ชุดเครื่องเสียงพร้อมระบบนำทางจาก Kenwood เครื่องเล่น DVD จอ LCD ขนาด 7 นิ้ว
เล่นได้ทั้ง DVD/VCD/MP3/WMA และ DivX พร้อมระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบไร้สาย Built-in Bluetooth และสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์บันเทิงได้ทั้ง iPhone, iPod และ เครื่องเล่นMP3 พร้อมเมนูภาษาไทย
ติดตั้งกล้องมองภาพขณะถอยจอด Platinum Vision Camera จาก Kenwood




ISUZU D-MAX CAB-4 LS SUPER PLATINUM

ISUZU D-MAX CAB-4 SLX SUPER PLATINUM

ISUZU D-MAX CAB-4 Hi-LANDER SUPER PLATINUM

ISUZU D-MAX RODEO SUPER PLATINUM 2500Ddi


"อีซูซุดีแมคซ์ ซูเปอร์ แพลททินั่ม ใหม่!" ภายนอกได้มีการเปลี่ยนแปลงดังต่อไปนี้
- กระจังหน้าโครเมี่ยมใหม่ พร้อมการ์ดกันชนหน้า (Front Bumper Guard) ในรุ่นไฮแลนเดอร์,รุ่นโรดีโอ และแค็บโฟร์ LS
- กระจังหน้าโครเมี่ยมใหม่ พร้อม U-Shape Under Grille ในรุ่นสเปซแค็บ SLX และแค็บโฟร์ SLX
-ขอบสคูปฝา กระโปรงสีเงินใหม่
- ขอบคิ้วโครเมี่ยมพร้อมบันไดข้างใหม่ออกแบบให้รับกัน
-ล้อแมกซ์ใหม่



ISUZU D-MAX SPACE CAB Hi-LANDER SUPER PLATINUM



ISUZU D-MAX SPACE CAB SLX SUPER PLATINUM

ISUZU D-MAX SMART SUPER PLATINUM
ISUZU D-MAX SPARK SUPER PLATINUM





ส่วนภายในมีการตกแต่งห้องโดยสารใหม่โทนสีเบจในรุ่น 4 ประตู และแผงคอนโซลสไตล์
"แบล็คโมเดิร์นกราไฟท์" (Black Modern Graphite) ตกแต่งด้วยขอบวงแหวนโครเมี่ยม
สวยโฉบเฉี่ยวเต็มอารมณ์สปอร์ต พร้อมเบาะนั่งดีไซน์เฉพาะรุ่น




ในส่วนการเปลี่ยนแปลงของ"อีซูซุมิว-เซเว่น ซูเปอร์ แพลททินั่ม ใหม่!"
ภายนอกมีการเปลี่ยนแปลงดังต่อไปนี้

-กันชนหน้าใหม่
-ขอบสคูปฝากระโปรงหน้าสีเงินใหม่
-กระจกมองข้างและมือจับประตูแบบโครเมี่ยมใหม่
-ล้ออะลูมินั่มอัลลอยด์ปัดเงา


ภายในห้องโดยสารมีการตกแต่งใหม่ด้วยเพิ่ม ลายไม้ใหม่ (Giallo Walnut) ลงตัวกับชุดโครเมี่ยม Platinum Package
เข้มสปอร์ต พร้อมชุด Platinum Entertainment ต้นแบบของระบบความบันเทิงที่สมบูรณ์แบบ
เวอร์ชั่นล่าสุดจาก Kenwood พัฒนาอีกขั้นเพื่อความสะดวกสบายอีกระดับกับฟังค์ชั่นเมนูภาษาไทยใหม่ ใช้งานง่าย
เล่นได้ทั้ง DVD/VCD/MP3/WMA และ DivX สามารถเชื่อมต่อ iPod, iPhone และเครื่องเล่น MP3
อีกทั้งยังรองรับ TV Tuner เพิ่มเติมได้อีกด้วย พร้อมระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบไร้สาย Built-in Bluetooth
สามารถโทรออกได้เพียงกดหมายเลขโทรศัพท์จากหน้าจอ พร้อมจอ LCD ขนาดใหญ่ 8 นิ้ว
บนเพดานห้องโดยสาร ที่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ความบันเทิงอื่นได้
กล้องมองภาพขณะถอยจอด Rear View Camera จาก Kenwood เพิ่มความมั่นใจขณะถอยจอด ปลอดภัย


ตอนนี้ผมขออธิบายระบบเพื่อนนำทางอัจฉริยะ "ไอ-จินนี่"

ระบบเพื่อนนำทางอัจฉริยะ "ไอ-จินนี่" หรือ i-GENii (Genius Exploring Network Interactive Intelligence)
ซูเปอร์เทคโนโลยีนำทางอัจฉริยะล่าสุดจากอีซูซุ นำทางผ่านดาวเทียม เพื่อให้ผู้ใช้รถอีซูซุ ซูเปอร์ แพลททินั่ม ใหม่!
สามารถค้นหาจุดหมายตามที่ต้องการเพียงปลายนิ้วสัมผัส (Touch Screen) ใช้งานง่ายด้วยเมนูภาษาไทย
อธิบายเส้นทางทุกระยะด้วยเสียงพูด ลดปัญหาเรื่องหลงทาง ช่วยวางแผนการเดินทางล่วงหน้าได้
โดยระบบจะคำนวณเลือกเส้นทางในการเดินทางที่เหมาะสมเพื่อการขับขี่ที่ประหยัด น้ำมันกว่า และประหยัดเวลายิ่งขึ้น
อีกทั้งช่วยหาสถานที่สำคัญยามฉุกเฉินได้ เช่น โรงพยาบาล สถานีตำรวจ สถานีบริการน้ำมัน
นอกจากนี้ยังมอบความปลอดภัยอีกระดับ มั่นใจกว่า แม้จะขับไปในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย
ด้วยหน้าจอแสดงลักษณะถนนล่วงหน้าที่อาจเป็นอันตราย เช่น ทางโค้งหักศอก เป็นต้น
นอกจากนี้ยังสามารถอัพเดทข้อมูลการเดินทางใหม่ได้ตลอดเวลา


สนุนราคาของดีแมคซ์และมิว-7 ซูเปอร์ แพลททินั่ม
ราคาปรับเพิ่มจากรุ่นเดิมประมาณ 5,000 - 7,000 บาท ส่วนรุ่นที่เสริมระบบนำทาง "ไอ-จินนี่"
เข้าไปจะต้องเพิ่มเงินอีก 24,000 บาท ในตัวถังสเปซแค็บ และ 25,000
ในตัวถังดับเบิลแค็บ(ใส่ "ไอ-จินนี่”เข้าไปในรุ่นเดิมที่มีจอแสดงผล ดีวีดีและกล้องถอยหลังอยู่แล้ว)
ขณะที่ มิว-7 ซูเปอร์ แพลททินั่ม จะใส่ "ไอ-จินนี่”เป็นมาตรฐานทุกรุ่น ราคาเพิ่ม 24,000 บาท


สำหรับ"อีซูซุดีแมคซ์ ซูเปอร์ แพลททินั่ม ใหม่!" และ "อีซูซุมิว-เซเว่น ซูเปอร์ แพลททินั่ม ใหม่!"
จะขึ้นโชว์รูมในวันที่28 กันยายนนี้ พร้อมพบกิจกรรมพิเศษได้ที่โชว์รูมอีซูซุทั่วประเทศถึงวันที่ 31 ตุลาคม


๑๕ กันยายน ๒๕๕๒

มันมาแล้ว!!MITSUBISHI LANCER EXขายจริง16ตุลาคมนี้

มันมาแล้ว!!MITSUBISHI LANCER EXขายจริง16ตุลาคมนี้

การรอคอยสิ้นสุดลงแล้วเสียที เมื่อ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย
จัดงานเแถลงข่าวแนะนำรถเก๋งรุ่นใหม่ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์
เช้าวันนี้ 15 กันยายน 2009 และพร้อมเปิดรับจองที่โชว์รูมทั่วประเทศ
ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายนนี้ ก่อนเปิดขายทางการ 16 ตุลาคม เป็นต้นไป

มร.โนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
จัดงานแถลงข่าวแนะนำมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ซึ่งจะเปิดรับจองล่วงหน้าตั้งแต่ 16 กันยายนนี้
ก่อนเปิดขายอย่างเป็นทางการ 16 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป ถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 9 ของมิตซูบิชิ แลนเซอร์
ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยมาพร้อมแนวคิด "Sensational Intelligence”
ที่ให้ลูกค้าได้มากกว่าทั้งในเรื่องของความทันสมัยและอัจฉริยะในการขับขี่
โดยขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 2 ขนาด ที่ให้ทั้งสมรรถนะและการประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม

ได้แก่ เครื่องยนต์ Flexible Fuel Vehicle หรือ FFV ขนาด 1.8 ลิตร จำนวน 3 รุ่น
รองรับการใช้น้ำมันได้หลากหลายตั้งแต่เบนซินธรรมดาไปจนถึงน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 85
และ
เครื่องยนต์ ขนาด 2.0 ลิตร รองรับถึงน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 20 พร้อมตั้งราคาขายเริ่มต้นที่ 831,000 บาท ถึง1,034,000 บาท
ทั้งนี้เพื่อสร้างความไว้วางใจและความมั่นใจให้กับลูกค้า
บริษัทฯ ยังได้สร้างความแข็งแกร่งให้กับทุกส่วนของการดำเนินงานทั้งด้าน การขาย การบริการ และอะไหล่
รวมทั้งจัดกิจกรรมการขายและกิจกรรมทางการตลาด ตลอดจนการใช้กลยุทธ์การสื่อสารที่ตรงกับลูกค้า
กลุ่มเป้าหมายไปพร้อมๆ กัน โดยมั่นใจว่าจะมียอดจองรถมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์
เกินเป้าการขายที่ตั้งไว้จำนวน 4,000 คัน ภายใน 6 เดือนแรกอย่างแน่นอน

“แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ เจนเนอเรชั่นที่ 9 เป็นรถคุณภาพที่ได้มาตรฐานระดับโลกทั้งในเรื่องระบบความปลอดภัย
ความสะดวกสบาย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังให้สมรรถนะที่เป็นเยี่ยมตามแบบฉบับรถเก๋งของมิตซูบิชิ
เราพัฒนารถรุ่นนี้ขึ้นเพื่อให้เป็นรถเก๋งรุ่นใหม่ที่ให้คุณค่าทั้งในแง่ของ การใช้งานและความรู้สึก
โดดเด่นด้วยการออกแบบที่สะท้อนตัวตนของรถเก๋งสไตล์มิตซูบิชิที่ให้ความ ประทับใจทั้งในแง่ความรู้สึก
การใช้งานสำหรับทุกความต้องการ และความปลอดภัยในการขับขี่ซึ่งสอดคล้องกับรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ต
รวมทั้งประสิทธิภาพในการควบคุมและตอบสนองโดยเฉพาะอย่างยิ่งอารมณ์ใน
ขณะขับขี่ที่สะท้อนความเป็นมิตซูบิชิ จากสิ่งเหล่านี้ทำให้ผมมั่นใจอย่างยิ่งว่า
มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ที่พรั่งพร้อมไปด้วยนวัตกรรมรวมไปถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยจะสามารถตอบสนอง
ความต้องการของผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์กลุ่มนี้ได้อย่างแน่นอน “ มร.มูราฮาชิ กล่าว
มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ได้รับการออกแบบที่สานต่อภาพลักษณ์ของรถเก๋งสไตล์สปอร์ตของ
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส โดย ประกอบไปด้วยรุ่น GT ซึ่งเป็นรุ่นสูงสุด เหมาะกับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ช่วยเสริม
“คุณค่าด้านอารมณ์” สำหรับลูกค้าผู้ชาญฉลาดที่ให้ความสำคัญทั้งกับความทันสมัย สมรรถนะ
และความอัจฉริยะในการขับขี่ ในขณะที่รุ่น GLS-Ltd. รุ่น GLS และ GLX ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าผู้หญิงเป็นหลัก โดยสะท้อนให้เห็นถึง “คุณค่าด้านเหตุผล” ด้วยรูปลักษณ์สวยงาม
เพราะบริษัทฯ เชื่อว่าผู้หญิงจะเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของรถยนต์กลุ่มนี้

มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ถูกออกแบบให้มีรูปลักษณ์ภายนอกที่เร้าใจ และสะท้อนความแข็งแกร่ง
ด้วยการผสมผสานระหว่างห้องโดยสารขนาดใหญ่สไตล์สปอร์ตและตัวถังที่กว้างขึ้น
ร่วมกับการออกแบบด้านหน้าตัวรถให้ลาดเอียงลงรับกับกระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมูเอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ
ในขณะที่การออกแบบภายในเน้นการผสมผสานระหว่างฟังก์ชั่นการใช้งานและความทัน สมัยในทุกๆส่วน
ของตัวรถ แผงคอนโซลหน้าทรงโค้งให้ความรู้สึกกว้างสบายที่สุดในรถระดับเดียวกันพร้อม
การออกแบบองค์ประกอบต่างๆ เพิ่มความสะดวกสูงสุดให้กับผู้ขับขี่ทั้งในเรื่องของการใช้งาน ทัศนวิสัย
และการมองเห็น นอกจากนี้ระยะฐานล้อรถที่กว้างขึ้น ทำให้ได้การทรงตัวและการตอบสนองของรถที่ดียิ่งขึ้น
ในขณะเดียวกันก็ออกแบบให้มีรัศมีวงเลี้ยวที่แคบสุดในรถระดับเดียวกันเพียง 5.0 เมตร
เครื่องยนต์ใหม่ ของมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ มีขนาด 1.8 ลิตร FFV และ 2.0 ลิตร DOHC MIVEC
พร้อมเสื้อสูบอลูมิเนียม ที่ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 4 ทำงานคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT INVECS-III
สปอร์ตโหมด 6 จังหวะ ของมิตซูบิชิ
ที่ให้สมรรถนะพร้อมการประหยัดน้ำมันที่เป็นเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรุ่น 1.8 ลิตร ที่ถือเป็นรถ FFV
รุ่นแรกที่ผลิตเป็นจำนวนมากเพื่อจำหน่ายในประเทศไทยซึ่งรองรับน้ำมันเชื้อ
เพลิงได้ทุกประเภทตั้งแต่เบนซินธรรมดาไปจนถึงแก๊สโซฮอล์ อี 85 ในขณะที่รุ่น 2.0 ลิตร
รองรับได้ถึงแก๊สโซฮอล์ อี 20

ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้พัฒนาเครื่องยนต์ขึ้นโดยเฉพาะสำหรับรถแลนเซอร์ อีเอ็กซ์ FFV โดยได้มีการปรับโครงสร้างทางวิศวกรรมทุกส่วนที่เกี่ยวข้องให้รองรับน้ำมัน แก๊สโซฮอล์ทุกประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งอี 85 ที่มีปริมาณการกัดกร่อนสูง
โดยการเปลี่ยนชิ้นส่วนที่สัมผัสกับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 85 ไม่ว่าจะเป็น ถังน้ำมัน
ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง วาล์วและบ่าวาล์ว ท่อส่งน้ำมัน และหัวฉีด ซึ่งทำจากโลหะ ยาง และพลาสติก
เพื่อให้สามารถทนต่อการกัดกร่อนดังกล่าวได้ ในขณะที่สมองกลอัจฉริยะของเครื่องยนต์ INTELLIGENT ECU
จะทำการตรวจสอบและปรับอัตราการฉีดจ่ายน้ำมันและระยะเวลาในการจุดระเบิดเชื้อ
เพลิงโดยอัตโนมัติเพื่อให้ได้มาซึ่งสมรรถนะที่ดีที่สุดในทุกครั้งที่เติมน้ำมันไม่ว่าจะเป็นเบนซิน
หรือแก๊สโซฮอล์ อี 10 ไปจนถึง อี 85 ก็ตามจากโครงสร้างที่แข็งแกร่งพร้อมระบบความปลอดภัยที่
ช่วยลดความเสียหายเมื่อ เกิดอุบัติเหตุที่เป็นเยี่ยม รวมไปถึงระบบช่วงล่างที่ได้รับการพัฒนาใหม่
มีส่วนช่วยทำให้การทรงตัวและการตอบสนองของรถ รวมไปถึงความปลอดภัยที่เหนือกว่า
การปรับปรุงความปลอดภัยจากการรับแรงกระแทก รวมทั้งตัวถังนิรภัย RISE Body ระบบถุงลมนิรภัยด้านคนขับ
และผู้โดยสารตอนหน้า รวมไปถึงระบบเพิ่มความสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (AFS)*
ที่ช่วยเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ยามค่ำคืน ถือเป็นระบบที่ช่วยเสริมสร้างความปลอดภัย
และลดผลกระทบเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ได้อย่างทรงประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
* เฉพาะรุ่น GT







การออกแบบ …โดดเด่นสะท้อนภาพลักษณ์สไตล์สปอร์ตของมิตซูบิชิ

โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอก ....สะท้อนความปราดเปรียวและหรูหรา

แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ สะท้อนภาพลักษณ์ใหม่ของรถเก๋งจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส จากการออกแบบโฉมหน้าใหม่
โดดเด่นด้วยเส้นสายที่สะท้อนความปราดเปรียว สมรรถนะ และความล้ำสมัย บ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของมิตซูบิชิได้เป็นอย่างดี ด้วยส่วนหน้าที่ลาดเอียงลงตามแบบฉบับรถเก๋งของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประกอบกับเส้นสายเรียบง่ายของฝากระโปรงรถที่ยังให้
ความปลอดภัยไปถึงคนเดินถนน พร้อมกระจังหน้าใหม่ทรงสี่เหลี่ยมคางหมูช่วยเสริมให้รถดูปราดเปรียวและล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น
ด้วยรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ต ทำให้มิตซูบิชิ แลนซอร์ อีเอ็กซ์ เหนือกว่าในเรื่องอากาศพลศาสตร์
(โดยให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน เพียง 0.29) โดยรุ่น GT GLS-Ltd. และ GLS มาพร้อมกระจังหน้าโครเมียม
ไฟตัดหมอกหน้า และปลายท่อสเตนเลส พร้อมเสริมอารมณ์สปอร์ตให้กับรุ่น GT ยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่งสไตล์สปอร์ตรอบคัน และสปอยเลอร์หลัง
เพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นด้วยไฟหน้า 2 สไตล์ รูปทรงใหม่ ดุดัน ที่ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน
ได้แก่ ไฟหน้ามัลติรีเฟล็กเตอร์ แบบฮาโลเจน สำหรับรุ่น GLS-Ltd. รุ่น GLS และ รุ่น GLX และไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์
แบบไบซีนอน (Bi-Xenon) พร้อมระบบปรับระดับลำแสงไฟหน้าและระบบเพิ่มความส่องสว่างด้านข้างขณะเข้าโค้ง (AFS)
สำหรับรุ่น GT ในขณะที่ด้านหลังตัวรถออกแบบให้โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่ที่ กว้างขึ้น
พร้อมจัดวางแนวเฉียงขึ้นช่วยให้เห็นได้ชัดเจนกว่าเดิม และยังช่วยเสริมให้มีดีไซน์ที่สวยงามและทันสมัยยิ่งขึ้น
โดดเด่นด้วยล้ออัลลอยด์ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับแลนเซอร์ อีเอ็กซ์
สะท้อนภาพลักษณ์ของสมรรถนะที่แข็งแกร่งและการทรงตัวที่เป็นเยี่ยม
โดยในเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร FFV รุ่น GLS-Ltd. รุ่น GLS และรุ่น GLX ใช้ล้ออัลลอยล์ขนาด 16 นิ้ว
ในขณะที่เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร รุ่น GT มาพร้อมล้ออัลลอยด์ ขนาด 18 นิ้ว ใหญ่สุดในรถระดับเดียวกัน





การออกแบบภายใน ....เพื่อการขับขี่ที่สะดวกสบาย ผ่อนคลายตลอดการเดินทาง

จากการออกแบบที่ยึดความต้องการของผู้ใช้รถเป็นหลัก ทำให้ได้มาซึ่งห้องโดยสารที่กว้างขวางขึ้น
รับกับฟังก์ชั่นการใช้
งานที่ให้ความรู้สึกที่เหนือกว่าในทุกๆ ส่วนไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งคนโดยสารหรือคนขับ
ห้องโดยสารกว้างที่สุดในรถระดับเดียวกันถึง 1,985 มม. ถูกออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์
ในขณะที่ความสูงของห้องโดยสารตอนหน้าอยู่ที่ 905 มม. ให้ความโอ่โถงสบายเทียบเท่ารถยนต์ซีดานขนาดใหญ่
แผงคอนโซลหน้าทรงโค้งให้ความรู้สึกกว้างสบาย ผนวกกับการออกแบบในส่วนรายละเอียดเพื่อให้ความสะดวกสูงสุด
ทั้งในด้านการขับขี่ ทัศนวิสัย และการมองเห็น เพิ่มอารมณ์สปอร์ตและเสริมความโดดเด่นของ
ห้องโดยสารยิ่งขึ้นด้วยชุดอุปกรณ์ หุ้มหนัง** แอร์อัตโนมัติ** และพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น *
แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ มาพร้อมห้องโดยสาร 2 แบบ 2 สไตล์ ได้แก่ ห้องโดยสารโมโนโทนสีดำสไตล์สปอร์ตในรุ่น GT และ GLS-Ltd. และห้องโดยสารแบบทูโทน สีดำ-เบจในรุ่น GLS และ GLX ให้ความรู้สึกหรูหราและผ่อนคลาย
เพิ่มความเท่ และสบายยิ่งขึ้น ด้วยเบาะหนังแบบสปอร์ตใน รุ่น GT และ GLS-Ltd. และเบาะผ้าสีเบจสองสไตล์ ในรุ่น GLS และ GLX พร้อมความพิถีพิถันในการออกแบบเบาะนั่งด้านหน้าใหม่ เพื่อความรู้สึกกระชับและสบายกว่าในขณะนั่ง
รวมทั้งช่วยในการลดแรงกระแทก ในขณะที่เบาะหลังมีขนาดใหญ่ พร้อมพนักพิงศีรษะ 3 ตำแหน่งในรุ่น GT และ GLS-Ltd.
เพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ที่สำคัญยังสามารถปรับพับแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มความสะดวกในการบรรทุกสัมภาระ
จอแสดงข้อมูลอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ทันสมัย ด้วยจอแสดงผลเรืองแสงสีแดงแบบ LED
ง่ายต่อการอ่านและการใช้งานขณะขับขี่รถ ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น แสดงผลข้อมูลได้หลากหลาย
ทั้งความเร็วเฉลี่ยในการขับขี่ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย ระยะทางขับขี่ที่เหลือจากปริมาณน้ำมันที่มีอยู่ในถัง และ
ระบบเตือนการบำรุงรักษา อุณหภูมิเครื่องยนต์ อุณหภูมิภายนอกตัวรถ
รวมไปถึงการเตือนต่างๆเมื่อมีความผิดปกติของระบบต่างๆ


เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก...เพื่ออรรถประโยชน์สูงสุดในการขับขี่

แลนเซอร์ อีเอ็กซ์เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร รุ่น GT ใช้ระบบพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น เทคโนโลยีที่ตอบสนองทุกการเดินทาง สามารถเลือกปรับการใช้งานหลากหลายได้โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัยเพื่อการควบคุมที่ดีกว่า ทั้งระบบควบคุมเครื่องเสียงที่ง่ายต่อการปรับ เลือกเพลงและระบบเสียง ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
(Cruise Control) เพื่อการควบคุมความเร็วให้คงที่เพิ่มความสะดวกสบาย และช่วยลดอาการเมื่อยล้าจากการขับขี่ระยะทางไกลๆ
เพิ่มประโยชน์ใช้สอยในทุกตารางนิ้วด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมายที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะ
ไม่ว่าจะเป็นช่องเก็บของขนาดใหญ่ พร้อมช่องวางขวดน้ำบริเวณข้างประตู
ถาดเก็บของและกล่องอเนกประสงค์ขนาดใหญ่แบบมีฝาปิดที่คอนโซลกลาง
ในขณะที่เบาะหลังมาพร้อมที่พักแขน ที่วางแก้ว และช่องเก็บข้องบริเวณประตูหลัง
เพลิดเพลินตลอดการเดินทางด้วยระบบเครื่องเสียงวิทยุซีดี MP3 แบบ 6 แผ่น พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่งในรุ่น GT
รุ่น GLS-Ltd. และ GLS ในขณะที่รุ่น GLX มาพร้อม วิทยุซีดี MP3 แบบ 1 แผ่น พร้อมลำโพง 4 ตำแหน่ง
เพิ่มความสะดวก และปลอดภัยมากขึ้นด้วยระบบกุญแจรีโมท พร้อมระบบควบคุมการปลดล็อกฝากระโปรงท้าย
นอกจากนี้รถทุกรุ่นยังติดตั้งระบบอำนวยความสะดวกและปลอดภัยอัจฉริยะ
Mitsubishi Motors ETACS (Electric Total Automobile Control System) ซึ่งควบคุมระบบไฟฟ้าต่าง ๆ
เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นระบบปิดไฟหน้าและไฟในห้องโดยสารอัตโนมัติ ระบบสัญญาณกันขโมย**
ระบบกุญแจป้องกันการโจรกรรม (immobilizer) และระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ภายในรถ





ระบบขับเคลื่อน ...เทคโนโลยีล้ำสมัย ให้ทั้งสมรรถนะที่โดดเด่น และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ขนาดเล็กและเบา
บล็อก 4B10 ขนาด 1.8 ลิตร FFV และ 4B11 ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC MIVEC
ล้ำหน้ากับเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ ด้วยเสื้อสูบอลูมิเนียม ฝาครอบวาล์วแบบพลาสติกพิเศษ
พร้อมโครงสร้างการวางท่อร่วมไอเสียไว้ด้านหลัง และการติดตั้งแผ่นสแตนเลสครอบท่อร่วมไอเสียโดยรอบ
เพื่อป้องกันความร้อน
มาพร้อม MIVEC ระบบวาล์วแปรผันที่ควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วทั้งไอดีและไอเสียให้แปรผัน
สัมพันธ์กับอัตราเร่งในทุกๆรอบเครื่องยนต์และทุกสภาพการขับขี่ จึงให้ทั้งสมรรถนะและการประหยัดน้ำมันที่เป็นเยี่ยม
ระบบเกียร์อัจฉริยะ CVT พร้อมติดตั้งระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์อัจฉริยะ INVECS-III แบบ 6 จังหวะ
เติมเต็มอารมณ์สปอร์ต และเร้าใจยิ่งขึ้นด้วยฟังก์ชั่น Sport Mode ให้การปรับเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลและแม่นยำ
เหมาะสมในทุกรอบความเร็วของเครื่องยนต์ เพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อน ตอบสนองทุกอัตราเร่ง พร้อมการประหยัดน้ำมัน


มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ รุ่น 1.8 ลิตร ถือเป็นรถยนต์ FFV รุ่นแรกที่ผลิตจำนวนมากเพื่อการจำหน่ายในประเทศไทยติดตั้ง
เครื่องยนต์ทัน สมัยรองรับได้ทั้งน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอลล์ทุกชนิดจนถึง E85 ทั้งนี้เพื่อตอบสนองนโยบายด้านพลังงานและ
สิ่งแวดล้อมของรัฐบาลในฐานะวาระ แห่งชาติ รวมทั้งสนับสนุนเกษตรกรไทยและสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจของประเทศ
มั่นใจในสมรรถนะแม้เติมน้ำมันที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นเบนซิน 100 % ไปจนถึงน้ำมันเบนซินที่ผสมเอทานอล (แก๊สโซฮอลล์)
ได้ทุกสัดส่วนตั้งแต่ E0 ถึง E85 เพราะด้วยสมองกลอัจฉริยะของเครื่องยนต์ “INTELLIGNET ECU”
ระบบจะทำการตรวจวิเคราะห์และคำนวณสัดส่วนของเอทานอลที่มีอยู่ในถังน้ำมัน เชื้อเพลิง
และปรับการฉีดจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้มีส่วนผสมระหว่างน้ำมันกับอากาศที่
เหมาะสมที่สุดในทุกสภาวะของเครื่องยนต์ โดยอัตโนมัติเพื่อให้ได้มาซึ่งสมรรถนะที่ดีที่สุด

เครื่องยนต์
มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ FFV 1.8 ลิตร ให้กำลังสูงที่ 139 แรงม้า
ที่ 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 172 นิวตัน-เมตร
ที่ 4,200 รอบต่อนาที


รุ่น 2.0 ลิตร ซึ่งรองรับทั้งเบนซิน 91 95 แก๊สโซฮอล์ E10 และ E20
ให้กำลังสูงสุด 154 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 198 นิวตัน-เมตร ที่ 4,250 รอบต่อนาที
มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ทุกรุ่นผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 4




ระบบช่วงล่าง...ใหม่ แข็งแกร่ง อีกระดับของการควบคุมและเสถียรภาพในการขับขี่

มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ติดตั้งระบบช่วงล่างหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท คอยส์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
และช่วงล่างหลังแบบมัลติลิงค์พร้อมคอยส์สปริง และเหล็กกันโคลง ช่วยให้รถมีการทรงตัวเป็นเยี่ยมและง่ายต่อการควบคุม
ยิ่งไปกว่านั้นในรุ่น GT ยังมีการติดตั้งเหล็กค้ำโช้คหน้าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าโค้งเมื่อใช้ ความเร็วสูง
เพื่อให้ได้กำลังสูงสุดและการควบคุมที่ดีที่สุด รวมไปถึงการทรงตัวและความสะดวกสบายในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น
แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ จึงมาพร้อมล้ออัลลอยด์ขนาด 16 นิ้วและ 18 นิ้ว โดยในรุ่น GT มาพร้อมล้ออัลลอยล์ขนาดใหญ่สุดใน
รถระดับเดียวกัน แบบ 10 ก้านขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 215/45R18
เพิ่มการยึดเกาะถนนและการเข้าโค้งพร้อมสมรรถนะที่เป็นเยี่ยม
ในขณะที่รุ่น GLS-Ltd. GLS และ GLX
มาพร้อมล้ออัลลอยล์ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยางแบบ 205/60 R16

เพื่อความแม่นยำในการเข้าโค้งและสะดวกสบายในการขับขี่
โดดเด่นด้วยรัศมีวงเลี้ยวที่แคบที่สุดในรถระดับเดียวกันเพียง 5.0 เมตร
เพิ่มความสะดวกในการขับขี่มากยิ่งขึ้น แม้จะมีห้องโดยสารที่กว้างที่สุดในรถระดับเดียวกันก็ตาม

มั่นใจด้วยระบบความปลอดภัย...ได้มาตรฐานโลก

ตัวถังของรถมิตซูบิชิแลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ด้วยโครงสร้างตัวถังแบบ RISE body เอกสิทธิ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส พร้อมคานเหล็กนิรภัยในประตู นอกจากนี้ยังเสริมความแข็งแกร่งด้วยส่วนรับแรงกระแทกด้านข้างแบบ Ultra High Tensile Steel จึงทำให้สามารถปกป้องแรงกระแทกจากการชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เสริมความปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยระบบกุญแจป้องกันการโจรกรรม (immobilizer) ระบบสัญญานกันขโมย**
และมั่นใจยิ่งกว่าด้วยระบบเบรก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) และระบบเสริมแรงเบรก (BA)
ถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า** และระบบเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติพร้อมระบบผ่อนแรง**
อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรกด้วยดิสก์เบรกขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับ ล้อขนาด15 นิ้วขึ้นไป
สำหรับรุ่น GLS-Ltd. รุ่น GLS และ GLX
พร้อมรองรับล้อขนาด 16 นิ้วขึ้นไปสำหรับรุ่น GT
ด้วยเบาะนั่งคู่หน้าสไตล์สปอร์ตที่ได้รับการออกแบบเฉพาะช่วยปกป้องอันตราย
ที่จะเกิดกับคอ
ในขณะที่ฝาประโปรงและกันชนหน้ามาพร้อมโครงสร้างที่จะช่วยซึมซับแรงกระแทก
เพื่อลดการบาดเจ็บรวมทั้งปกป้องคนเดินถนน
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบ ELR 3 จุด พร้อมระบบดึงกลับอัตโนมัติ
ช่วยลดแรงกระแทกจากการชนเพื่อความปลอดภัยเมื่อเกิดการชนจากด้านหน้า
รวมทั้งลดอาการบาดเจ็บที่หน้าอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รุ่น GT มาพร้อมไฟหน้าติดตั้งระบบเพิ่มความสว่างขณะเข้าโค้ง (AFS)
ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการมองเห็นสำหรับการขับขี่ยามค่ำคืน
* เฉพาะรุ่น GT
** ยกเว้นรุ่น GLX




มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ มี 4 รุ่นให้เลือก เพื่อตอบสนองทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า โดยมี 5 สีให้เลือก ประกอบด้วย
- สีแดง
-สีบรอนซ์เงิน
-สีบรอนซ์ทอง
-สีเทาดำ
-สีดำ
ราคา
มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์

1. มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ 1.8 MIVEC GLX ราคา 831,000 บาท
2. มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ 1.8 MIVEC GLS ราคา 886,000 บาท
3. มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ 1.8 MIVEC GLS-Ltd. ราคา 899,000 บาท
4. มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ 2.0 MIVEC GT ราคา 1,034,000 บาท

มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ เตียมเปิดให้จองในวันที่16กันยายน2552
เริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่16ตุลาคม2552


โดย
มิตซูบิชิ มอเตอร์ ปะเทศไทยได้ตั้งเป้าไว้ที่4,000คันภายใน4เดือน(กันยายน2552-มีนาคม2553)

มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ Sensational Intelligence

๑๒ กันยายน ๒๕๕๒

SuzukiเปิดตัวJelatoดึงนิชคุณเป็นพรีเซนเตอร์









SuzukiเปิดตัวJelatoดึงนิชคุณเป็นพรีเซนเตอร์

“ซูซูกิ” เปิดตัว New Jelato 125 รถจักรยานยนต์สไตล์แฟชั่นใหม่ล่าสุดของเมืองไทย ฉีกสไตล์เทรนด์เก่าแบบเดิมๆ
ด้วยเทคโนโลยีออโต้หัวฉีด DCP-FI (Fuel-Injection) เกียร์อัตโนมัติ Super CVT 125 ซีซี 4 จังหวะ
ทำงานและปรมวลผลด้วยกล่องสมองกลอัจฉริยะ ECM ที่รับสัญญาณดิจิตอลจากเซ็นเซอร์ในตำแหน่งต่างๆ
เช่น ออกซิเจนเซ็นเซอร์ (O2 Sensor) ตรวจวัดปริมาณออกซิเจน สั่งจ่ายอัตราส่วนผสมน้ำมันเชื้อเพลิง
และอากาศในปริมาณที่เหมาะสม ให้การเผาไหม้สมบูรณ์แบบ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการผ่าน
มาตรฐานไอเสียระดับ 6 หรือเทียบเท่ามาตรฐาน Euro III และยังรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้

ทั้งนี้ยังเสริมด้วยระบบเซ็นเซอร์ตัดสัญญาณสั่ง จ่ายน้ำมัน TOS เมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือรถเอียงกว่า 65 องศา
จะหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้ขับขี่ พร้อมหม้อกรองอากาศที่มีขนาดใหญ่
กรองฝุ่นละอองได้ถึง 2 ชั้นอย่างมีประสิทธิภาพทำให้ไอเสียสะอาด
กระบอกสูบอะลูมิเนียมเคลือบเซรามิค SCEM ให้ความทนทานเป็นเยี่ยม

ส่วนรูปทรงภายนอก การออกแบบได้แรงบันดาลใจจากJellyและLatte 2รถต้นแบบจาก
ซูซูกิที่ได้เปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์2009 โดดเด่นด้วยไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์แบบโคมคู่ 2 ดวง
ได้แรงบันดาลใจจากไอศกรีมดับเบิ้ลสกู๊ป ชุดไฟท้ายแบบแยกชิ้นตามคอนเซ็ปท์ Topping
ไอศกรีมหวานเจี๊ยบ ทั้งไฟเบรก, ไฟเลี้ยว และไฟส่องป้ายทะเบียน ทรงกลมมน สีสัน
เรืองแสงแบบทูโทน ทั้งสีน้ำเงินม่วง (เฉพาะรุ่น Three Stars) และ
เหลืองส้ม (เฉพาะรุ่น Five Stars) อ่านง่าย เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์

ด้าน แผงหน้าปัดมีระบบไฟสัญญาณเตือน FI เพื่อให้คุณทราบถึงความแรงคลื่นไฟฟ้าของแบตเตอรี่ New Jelato 125
มากับระบบระบายความร้อนแบบ SJCS ที่ฉีดน้ำมันหล่อลื่นระบายความร้อนเคลือบสารเซรามิค ถ่ายความร้อนได้ดีกว่า
หม้อกรองอากาศขนาดใหญ่ เพิ่มประสิทธิภาพดักฝุ่นละอองถึง 2 ชั้น

พร้อมไส้กรองน้ำมันแบบ Cartridge-Type กรองสิ่งสกปรก
ช่วยทำให้น้ำมันสะอาด ลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ เทคโนโลยีระบบกุญแจนิรภัย 2 ชั้นแบบแม่เหล็ก


ส่วนโช้คอัพหน้าแบบเทเลสโคปิคมีจุดยึดที่แกนกลาง และโช้คอัพหลังเดี่ยวแบบวาล์ว 2 ชุด
พร้อมวงล้อขนาด 14 นิ้ว
มีให้เลือก 2 แบบ 2 สไตล์ในรุ่น Five Stars อยู่4สีคือ
-สีชมพู(สตรอเบอรี่)
-สีฟ้า (มินต์)
-สีน้ำตาลอ่อน (ลาเต้)
-สีน้ำตาลเข้ม (ช็อคโกแลต)
รุ่น Three Stars มี3สีคือ
-สีแดง (เจลลี่)
- สีดำ (กาแฟ เอสเพรสโซ่)

ราคา
SUZUKI JELATO 125 5STARS 46,900บาท
SUZUKI JELATO 125 3STARS 45,900บาท

สัมผัสและทดลองขับขี่Suzuki Jelatoได้ที่โชว์รูมซูซูกิทั่วประเทศ





ได้เวลาน่ารัก ได้เวลาJelato

๐๘ กันยายน ๒๕๕๒

มาสด้าเปิดเว็บไซต์ www.mazda2life.com พร้อมนับถอยหลังเตรียมพบกับมาสด้า2



มาสด้าเปิดเว็บไซต์ www.mazda2life.com พร้อมนับถอยหลังเตรียมพบกับมาสด้า2

มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมเปิดตัวเว็บไซต์สำหรับกลุ่มลูกค้าผู้หลงใหลรถยนต์นั่งสปอร์ตซิตี้คาร์ มาสด้า2 เพื่อตอบรับกับกระแสการรอคอยรถยนต์มาสด้า2 โฉมใหม่ และเพื่อสื่อสารข้อมูลรายละเอียดของผลิตภัณฑ์อย่างเป็นทางการ
พร้อมมอบประสบการณ์ ซูม-ซูม ผ่านกิจกรรมออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ ที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่
ทันสมัย
มีไลฟ์สไตล์เป็นตัวของตัวเอง ชอบความสปอร์ต มีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผู้สนใจสามารถเข้าไปเยี่ยมชม
ลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมกิจกรรม และรับข่าวสารข้อมูลจากทางมาสด้าได้ที่ www.mazda2life.com
ซึ่งเว็บไซด์นี้ออกแบบภายใต้แนวคิด "Countdown TO 2" หรือนับถอยหลังต้อนรับมาสด้า2 ใหม่
โดยมาสด้าขอเชิญชวนลูกค้าร่วมนับถอยหลังเพื่อสัมผัสประสบการณ์สไตล์ ซูม-ซูม กับมาสด้า2 ใหม่ ในวันที่ 9 เดือน 9 ปี 09


สำหรับเว็บไซต์ www.mazda2life.com เป็นเว็บที่จัดทำขึ้นพิเศษสำหรับแฟนพันธุ์แท้ที่ต้องการติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของมาสด้า2 โฉมใหม่ ซึ่งกำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกของโลกในประเทศไทยในช่วงปลาย ปีนี้
โดยในเว็บไซต์ดังกล่าวได้ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด "ร่วมนับถอยหลังต้อนรับมาสด้า2 ใหม่" หรือ Countdown to 2
โดยในแต่ละสัปดาห์จะมีข้อมูลรายละเอียด รูปภาพ หรือกิจกรรมใหม่ๆ ให้ผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซด์ได้ติดตามและ
เข้าร่วมก่อนการเปิดตัวสู่สาธารณชน ที่สำคัญผู้ลงทะเบียนยังอาจได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคนไทยกลุ่มแรกที่ได้
สัมผัสมาสด้า2 โฉมใหม่ก่อนใคร และร่วมลุ้นรางวัลแก๊ทเจ็ทอินเทรนด์อีกมากมาย

ด้วยบุคลิกภาพอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ มาสด้า ซึ่งถูกถ่ายทอดลงมาในรถยนต์นั่งซิตี้คาร์มาสด้า2 โฉมใหม่
เช่นกัน อันประกอบด้วย "ดีไซน์ล้ำสมัย การออกแบบที่โดดเด่นทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงประโยชน์ใช้สอยของห้องโดยสารและพื้นที่การใช้งาน และสมรรถนะพลังของเครื่องยนต์ที่ตอบสนองทุกการเดินทาง ที่ให้ความเพลิดเพลิน
และ สนุกสนานในการขับขี่ซึ่งถือได้ว่าเป็น DNA ของมาสด้าในสไตล์ ซูม-ซูม อย่างแท้จริง
พร้อมทั้งการวางตำแหน่งสินค้าที่สอดรับกับความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย
ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่มีแนวทางเป็นตัวของตัวเองอย่างชัดเจน

รถยนต์มาสด้า2 นับว่าเป็นรถยนต์ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด หลังจากเปิดตัวต่อสาธารณชนทั่วโลก
รวมทั้งลูกค้าชาวไทยเองก็มีการพูดถึงรถยนต์มาสด้า2 มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องการออกแบบ รูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว
เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกเร้าใจในแบบ ซูม-ซูม พร้อมการถ่ายทอดจิตวิญญาณความเป็นรถสายพันธุ์สปอร์ตมาจากมาสด้า RX-8, MX-5 และ Mazda3 รวมทั้งสมรรถนะการขับขี่ จึงทำให้มาสด้า2 ประสบความสำเร็จอย่างสูง
และยังได้รับการการันตีความเป็นสุดยอดของรถยนต์สปอร์ตซิตี้คาร์ด้วยรางวัล ต่างๆ มากมายจากทั่วทุกมุมโลกกว่า 51 รางวัล
โดยเฉพาะรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมของโลกในปี 2551 (World Car of the Year 2008) ที่ผ่านมา

ใครที่ยังไม่เคยเข้า สามารถเข้าเว็บไซต์และลงทะเบียนได้ที่
www.mazda2life.com

มาสด้าอัดแคมเปญ "M DAY" เพียง 11 วันเท่านั้น 10 – 20 กันยายนนี้



มาสด้าอัดแคมเปญ "M DAY" เพียง 11 วันเท่านั้น 10 – 20 กันยายนนี้

มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัดได้อัดแคมเปญ "M DAY" ด้วยการมอบข้อเสนอพิเศษสุดคุ้ม ครั้งเดียวในรอบปีเท่านั้น
ออก รถสปอร์ตปิคอัพมาสด้า บีที-50 ใหม่ รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ แบบยกสูง ไฮเรเซอร์ และไฮเรเซอร์ พลัส
ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 6,999 บาท พร้อมรับดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 0.99 เปอร์เซ็นต์ สำหรับรถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า3
รับทันทีฟรีค่าบำรุงรักษานานสูงสุดถึง 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 2.49 เปอร์เซ็นต์
และเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสที่รถสปอร์ตโรดสเตอร์ที่ขายดีที่สุดในโลก มาสด้า MX-5 ใหม่
ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานถึง 20 ปี รับฟรีค่าบำรุงรักษานานสูงสุดถึง 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
พร้อมดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 2.49 เปอร์เซ็นต์ เพียง 11 วันเท่านั้น ระหว่างวันที่ 10 – 20 กันยายนนี้
โดยจัดขึ้นพร้อมกันทุกโชว์รูมมาสด้าทั้ง 98 แห่งทั่วประเทศ



หลังจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณที่ดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดรถยนต์เริ่มมีแนวโน้มทิศทางเป็นบวกมากยิ่งขึ้น ทั้งในแง่ของการผลิต และยอดขายรถยนต์ในประเทศ มาสด้าจึงส่งแคมเปญเด็ดต่อเนื่องทันที หวังมัดใจลูกค้า และเพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงปลายปี ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษที่ลูกค้าไม่ควรพลาดในงาน "M DAY" ครั้งเดียวในรอบปี และเพียง 11 วันเท่านั้น ประกอบด้วยรถสปอร์ตปิคอัพมาสด้า บีที-50 ที่ทำการปรับโฉมให้ความเป็นสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ที่มาพร้อมระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DE-S ที่ทั้งแน่นและหนึบ รับข้อ เสนอสุดพิเศษ เงินดาวน์ต่ำ ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 6,999 บาท นานสูงถึง 72 เดือน ดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 0.99 เปอร์เซ็นต์ รับฟรีพร้อมรับประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี

ในส่วนของรถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า3 ที่สร้างความฮือฮาร้อนแรงมากที่สุด พิชิตรางวัลมาแล้วทั่วโลก
รับข้อเสนอสุดพิเศษเงินดาวน์ต่ำ ผ่อนชำระนาน รับฟรีค่าบำรุงรักษานานสูงสุดถึง 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
ดอกเบี้ยต่ำสุดพิเศษเพียง 2.49 เปอร์เซ็นต์ และประกันภัยชั้นหนึ่งฟรี 1 ปี และสำหรับมาสด้า MX-5
รถสปอร์ตโรดสเตอร์ที่ขายดีที่สุดในโลกและกวาดรางวัลมาแล้วทั่วโลก รับข้อเสนอสุดพิเศษฟรีค่าบำรุงรักษานานสูงสุด 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และดอกเบี้ยต่ำสุดพิเศษเพียง 2.49 เปอร์เซ็นต์ พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง
และเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสที่รถสปอร์ตโรดสเตอร์ มาสด้า MX-5 ใหม่ ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานถึง 20 ปี
ลูกค้าที่ออกรถยังได้รับนาฬิกาสปอร์ตสุดหรูที่ผลิตขึ้นเป็นกรณีพิเศษจำนวน จำกัดเพียง 100 เรือนเท่านั้น
พร้อมกันนี้รถยนต์มาสด้าทุกรุ่นยังรับประกันคุณภาพนาน 3 หรือ 100,000 กิโลเมตร



โอกาสรับสิทธิพิเศษให้คุณเป็นเจ้าของรถยนต์สปอร์ตสายพันธุ์จากมาสด้า ที่ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ที่เร้าใจ แบบ ซูม-ซูม สมรรถนะเป็นเยี่ยม ด้วยเงื่อนไขสุดพิเศษเพียง 11 วันเท่านั้น สำหรับรถปิคอัพมาสด้า บีที-50 ที่โดดเด่นด้วยระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DE-S และรถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า3 ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 777,000 บาท สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมของรายละเอียดข้อเสนอใหญ่แห่งปี "M DAY" ได้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ หรือ มาสด้า สปีดไลน์ โทรศัพท์ 0-2661-9880 ต่างจังหวัดโทรฟรี ได้ที่หมายเลข 1-800-226-408 แคมเปญสุดพิเศษนี้หมดเขต 20 กันยายนนี้เท่านั้น

๐๓ กันยายน ๒๕๕๒

ตามคำเรียกร้อง!!กับNISSAN NAVARA CALIBRE 5AT





ตามคำเรียกร้อง!!กับNISSAN NAVARA CALIBRE A/T

นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) ส่ง “นาวารา คาลิเบอร์ 4 ประตู เกียร์อัตโนมัติ”
พร้อมแนะนำสีขาวใหม่ White Pearl Color ลงโชว์รูม 9 กันยายน 2552

แม้ว่าปีนี้ ศึกรถกระบะจะแผ่วเบาลงไปบ้าง อันเกิดจากความซบเซาต่อเนื่องจากวิกฤติราคาน้ำมันเดือด
เมื่อกลางปีที่แล้ว ต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้ กระนั้น ผู้ผลิตรถกระบะทุกค่าย ต่างก็ต้องหาทางกระตุ้นใจลูกค้า
กันด้วยรุ่นปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ ประเดิมมาตั้งแต่ต้นปีด้วย ฟอร์ด เรนเจอร์ ตามด้วยมิตซูบิชิ ไทรทัน
ไมเนอร์เชนจ์ ครบไลน์ และ มาสด้า เปิดเกมกระตุ้นตลาดรถกระบะด้วยรุ่นปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์
ตามด้วย มาสด้า BT-50 และล่าสุดเมื่อ ไม่กี่สัปดาห์ก่อน ด้วย โตโยต้า วีโก้ 2.5 VN Turbo

เอาละ ถ้านิสสัน จะไม่ทำอะไรบ้างเลย โชว์รูมทั้งประเทศ ก็คงขายกันแต่ทีด้า กับเทียนา กันเพลินไป

ดังนั้น วันนี้
2 กันยายน 2009 นิสสัน จึงลุกขึ้นมา จับเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ วางลงใน นาวารา
คาลิเบอร์ เวอร์ชันขับ 2 ยกสูง ออกสู่ตลาดกันตามเสียงเรียกร้องของลูกค้า พร้อมกับการเพิ่มสีขาวมุก
White Pearl เป็นพิเศษ แต่ทั้งหมดนี้...มีแค่รุ่น 4 ประตูเท่านั้นนะ

นิสสัน นาวารา เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยปี พ.ศ 2550 ได้รับการยอมรับในด้านสมรรถนะ ความแข็งแกร่ง โดยได้รับการยืนยันจากรางวัลจากนานาประเทศทั่วโลกถึง 25 รางวัล โดยบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นหนึ่งในฐานการผลิตที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกของรถกระบะรุ่นนี้ โดยปัจจุบันได้ส่งออกเพื่อจำหน่ายในหลายประเทศกว่า 74 แห่งทั่วโลก

นาวารา คาลิเบอร์ ราชาแห่งป่าคอนกรีตที่ทางนิสสันได้ทำการเปิดตัวครั้งนี้ เป็นรุ่นท๊อปของประเภท
รถกระบะ 4 ประตูขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์
ดีเซลคอมมอนเรลไดเร็คอินเจคชั่น ขนาด 2500 ซีซี VN Turbo
เทอร์โบแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 144 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 356 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นนวัตกรรมล่าสุดของเครื่องยนต์ดีเซล VN Turbo
ระบบเทอร์โบแปรผัน ควบคุมการทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ โดยครีบจะปรับเปลี่ยนองศาด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า
ควบคุมปริมาณอากาศให้สัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์ ตั้งแต่รอบต่ำจนถึงรอบสูง ตอบสนองฉับไว
ให้กำลังแรงจัดในทุกความเร็วรอบ
รองรับได้แม้อยู่ในสภาวะที่ต้องใช้งานหนัก
และยังช่วยให้มีอัตราการสิ้นเปลืองของน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำ
ห้ความรู้สึกและสมรรถนะในการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ
และลงตัวมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังใช้ได้ดีกับน้ำมันดีเซล B5 อีกด้วย สำหรับเครื่องยนต์ตระกูล YD นี้
เป็นเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอลเรล
ที่ออกแบบมาพร้อม VN Turbo เทอร์โบแปรผันตั้งแต่แรก
ไม่ใช่เป็นการดัดแปลงต่อเติมเทอร์โบในภายหลัง ทำให้มั่นใจได้ว่า
ะบบกลไกภายในถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับระบบ VN Turbo
ชิ้นส่วนต่างๆออกแบบให้ทนความร้อนสูง รอบจัด
ทนทาน ทำให้ค่าการบำรุงรักษาต่ำ



เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด เทคโนโลยีเฉพาะเพื่อรถกระบะ โฉบเฉี่ยวมีสไตล์ด้วยดีไซน์แบบ L TYPE
มากเทคโนโลยีด้วยไม่ว่าจะเป็นชุดเกียร์ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ควบคุมการทำงานด้วย
ระบบคอมพิวเตอร์ภายในชุดเกียร์ (Built-in Computer) ประมวลผลเพื่อปรับเปลี่ยนแรงดันน้ำมันภายในชุดเกียร์
เพื่อปรับเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสม กับรูปแบบการขับขี่ของผู้ขับขี่ ให้การทำงานแม่นยำ
ตอบสนองฉับไวมีกำลังต่อเนื่อง ประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม

รูปลักษณ์ภายนอกของนิสสันนาวารา คาลิเบอร์ 4 ประตู เกียร์อัตโนมัตินี้
ได้ถูกปรับเปลี่ยนเพื่อให้ดูแตกต่างจากรุ่นมาตรฐาน โครงสร้างภายนอกสไตล์รถกระบะอ๊อฟโรด
เน้นความโฉบเฉี่ยว ดุดัน ด้วยซุ้มล้อขนาดใหญ่เช่นเดียวกับรถนาวารารุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ
พร้อมบันไดข้าง ล้ออัลลอยด์สไตล์ออฟโรดขนาด 16 นิ้ว กระจกมองข้างโครเมี่ยมขนาดใหญ่
ปรับด้วยไฟฟ้าจากภายใน ส่วนห้องโดยสารยังคงให้ความสำคัญในเรื่องความสบายและให้ความรู้สึกผ่อนคลาย
เป็นสำคัญ รวมทั้งเบาะหนังโทนสีน้ำตาลที่ดูเรียบหรูกว้างสบาย อุปกรณ์มาตรฐานครบครัน
ถูกออกแบบให้ใช้งานง่าย ตำแหน่งจัดวางอย่างลงตัว พร้อมวิทยุ 2 DIN ซีดี 6 แผ่น 6 ลำโพง
สามารถเล่น MP3 กระจกมองหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ

ระบบช่วงล่าง และแชชซีส์อันแข็งแกร่ง ขึ้นรูปด้วยเทคโนโลยี NGT PLATFORM
ยึดเกาะถนนได้นุ่มนวลมั่นคงในทุกสภาพถนน ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ ปีกนกคู่สองชั้น
พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ระบบกันสะเทือนหลังแบบแหนบซ้อนพร้อมโช้คอัพไขว้

โครงสร้างนิรภัย ZONE BODY แนวคิดการออกแบบโครงสร้างอันแข็งแกร่ง
เพื่อดูแลทุกชีวิตในห้องโดยสาร โดยแบ่งออกเป็น 2 โซน คือ CRUSHABLE ZONE และ SAFETY ZONE
• CRUSHABLE ZONE โครงสร้างความปลอดภัยด้านหน้า ทำหน้าที่ดูดซับแรงกระแทก
ที่เกิดจากการชนทางด้านหน้า ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน SINCAP มาตรฐานความปลอดภัยของสหรัฐอเมริกา

• SAFETY ZONE โครงสร้างความปลอดภัยของห้องโดยสาร แข็งแกร่งเสริมด้วยโครงสร้าง Reinforce
ให้ความปลอดภัยสุดกับทุกชีวิต โดยรุ่น กระบะตอนครึ่ง King Cab
มีโครงสร้างประตูเพื่อความปลอดภัย 6 จุด ซึ่งต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจน

พร้อมอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS ระบบป้องกันล้อล๊อค ABS
พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD แบบอิสระทั้ง 4 ล้อ ช่วยปรับแรงดันน้ำมันเบรค
ตามแรงที่กดลงในแต่ละล้อ เพื่อลดระยะเบรคให้สั้นลง เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่

นอกจากนี้ ฝ่ายการตลาด บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ปรับกลยุทธ์การสื่อสาร เ
น้นจุดเด่นของผลิตภัณฑ์
ตามลักษณะการใช้งานของรถกระบะแต่ละประเภท เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น
ภายใต้คอนเซ็ป “ECO” โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
• Eco-PWR (อีโค่พาวเวอร์) ภายใต้สโลแกน “แรงกว่า ประหยัดกว่า” โดยในกลุ่มนี้จะครอบคลุมการสื่อสาร
ในรุ่นกระบะตอนครึ่ง King Cab และรุ่น 4 ประตู Double Cab ทุกรุ่น
ทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ รวมถึงนาวารา คาลิเบอร์ด้วย โดยในกลุ่มนี้จะเน้นจุดขาย 3 จุดคือ
1. การประหยัดน้ำมัน
2. เครื่องยนต์ VN Turbo
3. ความปลอดภัย



• Eco-Loader (อีโค่โหลดเดอร์) ภายใต้สโลแกน “ทนกว่า ประหยัดกว่า” โดยในกลุ่มนี้จะครอบคลุมการสื่อสาร
ในรุ่นนาวารากระบะตอนเดียว Single Cab และรถฟรอนเทียร์
คอมมอลเรลกระบะตอนเดียว เน้นไปที่กลุ่มที่ต้องการใช้งานโดยตรงซึ่งจะให้ความสำคัญ
กับเรื่องของการบรรทุกหนักที่ดีกว่า รวมถึงโครงสร้างที่คงทนกว่า โดยในกลุ่มนี้จะเน้น
จุดขาย 3 จุดคือ
1. การประหยัดน้ำมัน
2. ความแข็งแกร่งทนทาน
3. เหมาะกับงานบรรทุกหนัก

ภายใต้ “ECO” คอนเซ็ปนี้ จะเห็นว่าความประหยัดเป็นจุดสำคัญของรถกระบะนิสสันทั้งหมด
และด้วยสมรรถนะที่เหนือกว่าในทุกด้าน ตามลักษณะการใช้งานของรถแต่ละประเภท
จึงแบ่งการสื่อสารออกเป็น 2 กลุ่ม Eco-PWR (อีโค่พาวเวอร์) และ Eco-Loader (อีโค่โหลดเดอร์)
ถือเป็นคำอธิบายแนวคิดของรถกระบะนิสสันได้อย่างชัดเจน

ทางฝ่ายการตลาดได้สื่อสารจุดขายนี้ไปยังผู้บริโภค ผ่านสติกเกอร์ใหม่ติดข้างรถกระบะทุกคัน
รวมทั้งได้ปรับเปลี่ยนความเข้าใจของจุดขายของรถกระบะใหม่นี้
ทั้งภายในและภายนอกองค์กร รวมทั้งแนวทางการสื่อสารต่อจากนี้

ส่วนในไตรมาสสุดท้ายของปี 2552 บริษัทได้จัดเตรียม สำหรับกิจกรรมการตลาดอื่นๆนั้น
ทั้งในส่วนของการโฆษณาประชาสัมพันธ์ และ กิจกรรมทางการตลาดอีกมากมาย
อาทิ การจัดทดสอบรถยนต์ให้กับทั้งสื่อมวลชนและลูกค้า
เพื่อให้ได้มีประสบการณ์ในการขับขี่จริง โดยกิจกรรมดังกล่าวมีการจัดทำอย่างต่อเนื่อง

ท้ายสุด บริษัท นิสสัน ฯ ยังได้เปิดตัวรถกระบะนาวารา คาลิเบอร์ รุ่นพิเศษ (Limited Version)
ที่มาพร้อมอุปกรณ์ตกแต่งดุดันเฉพาะสีขาวมุก สำหรับผู้ขับขี่ที่มีสไตล์และต้องการความ
โดดเด่น โดยมีจำนวนจำกัด ถือเอาฤกษ์เปิดตัวพร้อมกัน ณ โชว์รูมของนิสสันทั่วประเทศ
ในวันที่ 9 กันยายนนี้

ราคาจำหน่าย ดังนี้
- นาวารา คาลิเบอร์ รุ่น LE (AT, D/C) 789,000 บาท
- นาวารา คาลิเบอร์ รุ่น LE สีพิเศษ (ขาวมุก) (AT, D/C) 796,000 บาท
- นาวารา คาลิเบอร์ รุ่น LE Limited version สีพิเศษขาวมุกเท่านั้น (AT, D/C) 801,000 บาท
- นาวารา คาลิเบอร์ รุ่น Limited version สีพิเศษขาวมุกเท่านั้น (MT,D/C) 727,000 บาท
- นาวารา คาลิเบอร์ รุ่น Limited version สีพิเศษขาวมุกเท่านั้น (MT,K/C) 651,000 บาท