AUTO THAILAND's Fan Box

AUTO THAILAND on Facebook

Facebook Fanpage QR Code

qrcode

เจอกันที่ใหม่ จัดเต็มกว่าเดิม!

๒๑ เมษายน ๒๕๕๓

รายงานยอดขายรถยนต์ประจำเดือนเมษายน 2010



บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์
เดือนมีนาคม 2553  มีปริมาณการขายทั้งสิ้น 63,067 คัน เพิ่มขึ้น 52.6%  
ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 23,122 คัน เพิ่ม ขึ้น 42.8%  
รถเพื่อการพาณิชย์   39,945 คัน เพิ่มขึ้น 58.9%   
รวมทั้ง รถกระบะขนาด 1 ตัน
ในเซกเมนท์นี้ จำนวน 34,938 คัน เพิ่มขึ้น 61.7%   

โตโยต้า ประเมินว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมีเหตุผลสำคัญ  3 ข้อ

1.) ตลาดรถยนต์เดือนมีนาคม มีปริมาณการขาย 63,067 คัน เพิ่มขึ้น 52.6% 
เติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่เจ็ด เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 23,122 คัน เติบโต 42.8% รถเพื่อการพาณิชย์ 39,945 คัน 
เติบโต 58.9% ซึ่งมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่หกและ
สูงสุดในรอบ 89 เดือน รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซ็กเมนท์นี้ 34,938 คัน
เติบโต 61.7% ทั้งนี้เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ดีขึ้น 
ประกอบกับการแนะนำรถยนต์นั่งรุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดหลายรุ่น
ทั้งรถยนต์ประหยัดพลังงานรถยนต์ขนาดเล็กและขนาดกลาง
ตลอดจนอัตราดอกเบี้ยที่ยังทรงตัวส่งผลต่อความเชื่อมั่นและ
การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค

2.) ตลาดรถยนต์ไตรมาสแรก มีปริมาณการขาย 166,802 คัน เพิ่มขึ้น 54.8%
เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา เป็นอัตราการเติบโต
ที่เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ไตรมาสสุด ท้ายของปีที่ผ่านมา
โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 50.7% ตลาด
รถ ยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 57.6% 
แสดงถึงการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ดังจะเห็นได้จาก
การจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมและบริการปรับตัวดีขึ้น
ราคา สินค้าเกษตรมีราคาสูงขึ้นตามทิศทางราคาสินค้าเกษตรใน
ตลาดโลก การส่งออกดีขึ้น และราคาน้ำมันที่ทรงตัว
ส่งผลให้การบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้นเช่นกัน

3.) ตลาดรถยนต์ในเดือน เมษายน คาดว่ายังคงเติบโต 
เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ความนิยม
ในรถยนต์รุ่นใหม่ ตลอดจนยอดจองรถยนต์ในงานบางกอก มอเตอร์โชว์
ที่ผ่านมาที่สูงถึง 27,878 คัน และ ราคาน้ำมันที่ไม่ผันผวนมากนัก 
ยังคงเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดรถยนต์ 

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เดือนมีนาคม  2553
1.) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 63,067 คัน เพิ่มขึ้น 52.6%                             
อันดับ ที่ 1 โตโยต้า     28,019 คัน        เพิ่มขึ้น    67.2%    ส่วนแบ่งตลาด 44.4%    
อันดับที่ 2 อีซูซุ         13,139 คัน        เพิ่มขึ้น    50.0%    ส่วนแบ่งตลาด 20.8%    
อันดับที่ 3 ฮอนด้า        6,338 คัน         ลดลง    12.5%    ส่วนแบ่งตลาด 10.0%  

2.) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 23,122 คัน เพิ่มขึ้น 42.8%                               
อันดับที่ 1 โตโยต้า     10,427 คัน        เพิ่มขึ้น    50.0%    ส่วนแบ่งตลาด 45.1%      
อันดับ ที่ 2 ฮอนด้า        5,933 คัน         ลดลง    12.2%    ส่วนแบ่งตลาด 25.7%
อันดับที่ 3 มาสด้า        2,120 คัน        เพิ่มขึ้น   590.6%   ส่วนแบ่งตลาด  9.2%

3.) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน*  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)
ปริมาณการขาย  34,938 คัน เพิ่มขึ้น 61.7%
อันดับ ที่ 1 โตโยต้า     15,960 คัน        เพิ่มขึ้น  79.7%     ส่วนแบ่งตลาด 45.7%
อันดับที่ 2 อีซูซุ         12,289 คัน        เพิ่มขึ้น  49.7%     ส่วนแบ่งตลาด 35.2%
อันดับที่ 3 นิสสัน         2,384 คัน        เพิ่มขึ้น   44.9%    ส่วนแบ่งตลาด  6.8% 
*ปริมาณการขายรถกระบะ ดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 4,148 คัน
โตโยต้า 2,424 คัน- มิตซูบิชิ 957 คัน - อีซูซุ 677 คัน - ฟอร์ด 90 คัน     

3.) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน*  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)
ปริมาณการขาย  34,938 คัน เพิ่มขึ้น 61.7%
อันดับที่ 1 โตโยต้า     15,960 คัน        เพิ่มขึ้น  79.7%     ส่วนแบ่งตลาด 45.7%
อันดับที่ 2 อีซูซุ         12,289 คัน        เพิ่มขึ้น  49.7%     ส่วนแบ่งตลาด 35.2%
อันดับที่ 3 นิสสัน         2,384 คัน        เพิ่มขึ้น   44.9%    ส่วนแบ่งตลาด  6.8% 
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 4,148 คัน
โตโยต้า 2,424 คัน- มิตซูบิชิ 957 คัน - อีซูซุ 677 คัน - ฟอร์ด 90 คัน    
4.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย  30,790 คัน เพิ่มขึ้น 58.7%
อันดับที่ 1 โตโยต้า    13,536 คัน        เพิ่มขึ้น  77.4%      ส่วนแบ่งตลาด 44.0% 
อันดับที่ 2 อีซูซุ        11,612 คัน        เพิ่มขึ้น  49.6%      ส่วนแบ่งตลาด 37.7% 
อันดับที่ 3 นิสสัน        2,384 คัน        เพิ่มขึ้น  44.9%       ส่วนแบ่งตลาด   7.7%

5.) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 39,945 คัน เพิ่มขึ้น 58.9%                     

อันดับที่ 1 โตโยต้า   17,592 คัน        เพิ่มขึ้น  79.3%     ส่วนแบ่งตลาด 44.0%  
อันดับที่ 2 อีซูซุ       13,139 คัน        เพิ่มขึ้น  50.0%     ส่วนแบ่งตลาด 32.9%  
อันดับที่ 3 นิสสัน       2,449 คัน        เพิ่มขึ้น  47.7%     ส่วนแบ่งตลาด   6.1%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – มีนาคม 2553
1) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 166,802 คัน เพิ่มขึ้น 54.8%                             
อันดับ ที่ 1 โตโยต้า      69,801 คัน    เพิ่มขึ้น   57.1%    ส่วนแบ่งตลาด 41.8% 
อันดับที่ 2 อีซูซุ          35,349 คัน    เพิ่มขึ้น   50.1%    ส่วนแบ่งตลาด 21.2% 
อันดับที่ 3 ฮอนด้า       21,893 คัน    เพิ่มขึ้น   19.2%    ส่วนแบ่งตลาด 13.1% 

 2) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 66,247 คัน เพิ่มขึ้น 50.7%                               
อันดับ ที่ 1 โตโยต้า     28,495 คัน        เพิ่มขึ้น    38.5%       ส่วนแบ่งตลาด 43.0%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า      20,318 คัน        เพิ่มขึ้น    17.8%       ส่วนแบ่งตลาด 30.7%
อันดับที่ 3 มาสด้า        5,633 คัน        เพิ่มขึ้น   521.7%      ส่วนแบ่งตลาด   8.5%  

3) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)
ปริมาณ การขาย  87,062 คัน เพิ่มขึ้น  58.0%
อันดับที่ 1 โตโยต้า        37,291 คัน        เพิ่มขึ้น   73.5%     ส่วนแบ่งตลาด 42.8% 
อันดับที่ 2 อีซูซุ            33,037 คัน        เพิ่มขึ้น   49.5%     ส่วนแบ่งตลาด 37.9%
อันดับที่ 3 นิสสัน            5,839 คัน         เพิ่มขึ้น   42.1%     ส่วนแบ่งตลาด  6.7% 
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 9,278คัน
โตโยต้า 4,997 คัน - มิตซูบิชิ 2,478 คัน - อีซูซุ 1,583 คัน - ฟอร์ด 220 คัน

4) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 77,784 คัน เพิ่มขึ้น 56.8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า     32,294 คัน           เพิ่มขึ้น    76.1%      ส่วนแบ่งตลาด 41.5% 
อันดับ ที่ 2 อีซูซุ         31,454 คัน           เพิ่มขึ้น    49.7%      ส่วนแบ่งตลาด 40.4%
อันดับที่ 3 นิสสัน          5,839 คัน          เพิ่มขึ้น    42.1%      ส่วนแบ่งตลาด  7.5% 

5) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 100,555 คัน เพิ่มขึ้น 57.6%                   
อันดับที่ 1 โตโยต้า     41,306 คัน        เพิ่มขึ้น   73.1%      ส่วนแบ่งตลาด 41.1% 
อันดับที่ 2 อีซูซุ         35,349 คัน        เพิ่มขึ้น   50.1%      ส่วนแบ่งตลาด 35.2% 
อันดับ ที่ 3 มิตซูบิชิ       5,965 คัน        เพิ่มขึ้น   42.1%      ส่วนแบ่งตลาด   5.9%  

๐๒ เมษายน ๒๕๕๓

(First) Exculsive Test Riding : Honda PCX เพิ่มแค่ 12,800 จาก แอร์เบลด-ไอ ก็ได้ขี่คันนี้แล้ว!!

หลายครั้งที่ผมทำรีวิวเกี่ยวกับการทดลองขับขี่รถมอเตอร์ไซด์
ผมมักจะตั้งคำถามให้กับตัวเองว่า"ตูจะให้มีแค่ฮอนด้าอย่างเดียวเหรอ?"
คำตอบคือ"ไม่มีค่ายเดียวต้องมีค่ายอืนสิ"หลายคนอาจสงสัยว่า
ทำไมรีวิวมีแค่ฮอนด้าเหรอ ผมตอบเลยว่าค่ายอื่นๆจะตามมา


เข้าเรื่อง!!!


วันที่ 11 มีนาคม 2010 ขณะที่ผมกำลังเดินเล่นใน
ห้างเซ็นทรัล แอร์พอร์ต พลาซ่า เชียงใหม่ หัวผมก็แล่นแล้วคิดว่า
ไปทดลองขี่ ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ เอที ไหม ช่วงนี้ว่างนิ
ก็เลยควบน้อง Fino ไปที่"นิยมพานิช"ที่เดิมสถานที่ทดลองขับขี่
พอไปถึงปรากฎว่า"เวฟ ไอ 110 เอที อยู่ที่ลำพูนครับ"
อ้าว!! ทำไงดี? คิดไปคิดมาเลยตัดสินใจทดลอง PCX ซะเลย
ในใจคิดว่า"เขาคงไม่ให้เราลองขี่แน่เลย"แต่ซะที่ไหนล่ะเขาขี่ PCX 
มาให้ผมลองขี่ซะเลย



การตั้งหัวข้อของผมหลายคนสงสัยว่าทำไมมีวงเล็บด้วยล่ะ
คำตอบคืออาจจะไม่ใช่คนแรก เพราะมีคน(อาจจะ)ทำไปแล้ว
(แต่ให้รายละเอียดน้อยอยู่)ก็เลยใส่วงเล็บซะ




สำหรับ Honda PCX นั้นเปิดตัวในประเทศไทยเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนปี 2009
ซึ่งได้ใช้ประเทศไทยเป็นฐานผลิตของ Honda PCX ทั้งจำหน่ายในประเทศ
และส่งออกต่างประเทศ รวมไปถึงญี่ปุ่นซึ่งเป็นบริษัทแม่


Honda PCX นั้นเป็นรถในคลาส Big Size Automatic หรือ
รถออโตเมติดขนาดใหญ่สุดในบันดารถออโตเมติก
สำหรับการออกแบบนั้นออกแบบในสไตล์รถ Big Bike Automatic
ซึ่งมีขนาดใหญ่ให้ความรู้สึกเหมือนคุณกำลังขี่รถ Big Bike ที่มีราคาหลักแสน
ขนาดของตัวรถ Honda PCX นั้น
มีความกว้าง 738 มม. ยาว 1,917 มม. สูง 1,094 มม.
ระยะห่างของล้อ 1,305 มม. ระยะห่างจากพื้น(เรียบ) 135 มม.



ไฟหน้าของ Honda PCX นั้นได้ออกแบบให้มีขนาดใหญ่ ขณะที่เราบิดไปที่ ON
ไฟหรี่จะทำงานอัตโนมัติ พอสตาร์ทปุ๊ปไฟหน้าจะทำงานทันทีที่สตาร์ท



สำหรับด้านข้างตัวรถนั้น ไม่ค่อยจะมีสติ๊กเกอร์ตกแต่งด้านข้างสักเท่าไร
เพราะ Honda PCX ได้เน้นความหรูหราเป็นหลัก ซึ่งมีตัวอักษร"PCX"
ติดอยู่ข้างตัวรถและสัญลักษณ์"Presitge"และที่สำคัญมีแค่รุ่นล้อแม็กเท่านั้น! 




สำหรับไฟท้ายของพีซีเอ็กซ์นั้นออกไปในแนวแยกส่วน
เพื่อเพิ่มวิสัยทัศน์ขณะขับขี่ แต่สิ่งที่ควรปรับปรุงคือไฟเบรก 
ซึ่งเป็นสภาพดังภาพดังล่างนี้




นี่ผมไม่ได้พาใครมากำเบรกเล่นๆนะครับ ค่อนข้างแสบตาไปนิดนึง
แต่เชื่อว่าหลังที่ที่สตาร์ทเครื่องไปแล้ว ไฟแสบๆแบบนี้จะหายไป
ที่นี้เรามาลองนั่งกัน เมื่อเราขึ้นมาขับขี่ก็จะพบชุดไมล์ที่ยกมาจาก Wave 125 i
เพราะพอบิดกุญแจไปที่ ON เข็มไมล์ก็จะวอร์มดังภาพดังล่าง




เมื่อชุดไมล์วอร์มและเช็คระบบไฟฟ้าภายในตัวรถเสร็จก็จะมีหน้าตาแบบนี้



อะไรจะโดนใจข้าพเจ้าขนาดนี้ ชุดไมล์ของเจ้า PCXนั้น
ออกแบบมาในสไตล์เรียบง่าย ไม่ยุ่งยากต่อการใช้งาน
แถมยังสามารถวัดระยะทุกครั้งที่คุณเดินทางในสถานที่ไกลๆ
นี้แหละสมควรเป็นรถออโตเมติกขนาดใหญ่สุด
ยังไม่หมดแค่นั้นช่องเก็บมีอยู่ 2 ที่คือ





1.ที่เก็บคอนโซลซ้าย-ไว้ใส่พวกแว่นตา,ถุงมือ หรือของกระจุกกระจิได้




2.ที่เก็บของใต้เบาะ-มีความจุถึง 32 ลิตร
สามารถใส่หมวกกันน็อคได้ 1 ใบหรือเสื้อแจ็คเก็ตเท่ๆก็ยังใส่ได้
 เราข้ามมาที่เบาะนั่งของ PCX กัน
 สำหรับเบาะนั่งนั้นมีความสูง 761 มม. หลังจากที่ได้ครั้งแรกก็รู้สึกถึง
ความกระด้างบ้าง แต่นั่งนานๆไปเริ่มมีความรู้สึกสบายก้นมากขึ้น
แถมการออกแบบของคนซ้อนเป็นไปตามธรรมชาติของท่านั่งคนซ้อน




เรามาที่สวิชต์กุญแจบ้าง




Honda PCX ได้ใช้สวิชต์กุญแจแบบ Super Key Sutterพร้อมม่านปิดกุญแจ
นอกจากนี้ยังสามารถเปิดเบาะและเปิดฝาถังน้ำมันซึ่งอยู่ตรงกลางได้
เพียงแต่! ม่านปิดกุญแจไม่ได้ใช้แบบอัตโนมัติทันทีที่ล็อกคอรถ
ฉะนั้นรถใครที่คิดว่าทำไมไม่ให้มาล่ะ?


คำตอบคือ"มีกุญแจรีโมท พร้อมชุดสัญญาณกันขโมย"
นี้แหละเป็นมาตรฐานของรถจักรยานยนต์ในเมืองไทยเลยก็ว่าได้
เพราะเป็นรุ่นแรกที่ใช้สัญญาณกันขโมยในรถจักรยานยนต์
หลักการทำงานคือเมื่อรถมีการเคลื่อนที่หรือสั่นผิดปกติ รถจะส่งสัญญาณ
ไปถึงเจ้าของรถเพื่อรู้ว่ามีการโจรกรรมเกิดขึ้นนี่ถือว่า"เป็นค่ายแรกของ
รถจักรยานยนต์ของเมืองไทยที่ติดตั้งชุดสัญญาณกันขโมยมาให้จากโรงงาน"

แต่ตัวที่เราเทสนั้นกลับไม่มีรีโมทมาให้



แต่ไม่ต้องห่วง เมื่อคุณจ่ายในราคาประมาณ 69,000-70,000บาท 
คุณจะได้ชุดสัญญาณกันขโมยมาจากโรงงานเลย


เครื่องยนต์


------------------รายละเอียดมาจากทางวิศวกร หลังจาการขับขี่------------------


เครื่องยนต์ของ PCX นั้นเป็นแบบ 4 จังหวะ SOHC
แบบซิงเกิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ระบบจ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด PGM-FI ความจุกระบอกสูบ 124.9 ซีซี
ระบบส่งกำลัง V-matic แบบสายพาน V-belt
สามารถใช้น้ำมันเบนซิน 91 แก็สโซฮอล์ 91 และ E20

นอกจากนี้ Honda PCX ได้ติดตั้งระบบ Idling Stop 
ระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติทันทีที่หยุดรถนิ่งสนิท ระบบนี้จะทำงาน
ก็ต่อเมื่อคุณหยุดรถชนิดนิ่งสนิทระบบจะดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ 
ไฟ Stand by ตรงชุดไมล์จะกระพริบเป็นระยะ
แล้วเครื่องยนต์จะกลับมาทำงานอีกครั้งก็ต่อเมื่อคุณบิดคันเร่ง


ระบบกันสะเทือน
ระบบกันสะเทือนของ Honda PCX นั้น
ด้านหน้าเป็นแบบโช้คอัพแก็ส
ส่วนด้านหลังเป็ยแบบโช้คคอยสปริงคู่
ซึ่สัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลผสมกับกระด้างเล็ก แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรง
ชนิดต้องปรับปรุงนะ ถือว่าใช้ได้สำหรับระบบกันสะเทือนของ Honda PCX






สมรรถนะ
หลังจากที่ได้ลองขี่ก็รู้สึกถึงความไฮเทคของรถจักรยานยนต์รุ่นนี้เลยก็ว่าได้
เพราะมีอุปกรณ์ที่ถือว่าไม่เคยมีใครยัดมาให้กับราคาที่อยู่ในระดับหลักหมื่น
ซึ่งผมเองก็อึ่งไปเลยก็ว่า ในด้านสมรรถนะถึงแม้ว่า PCX จะซีซีแค่ 125 ซีซี
แต่ก็ถือว่าทำได้เหนือกว่า แอร์เบลด-ไอ เสียอีก เพราะเมื่อผมลองบิดในจังหวะ
ปานกลาง การตอบสนองของอัตราเร่งถือว่าดีเลยก็ว่าได้ แต่มีจุดติคือ
การทรงตัว เนื่องด้วยตัวรถมีขนาดใหญ่จึงทำให้การทรงตัวมีลำบากเล็กน้อย
แต่ก็ถือว่าไม่ได้ร้ายแรงมากหนัก ในส่วนการทดสอบนั้นผมได้ทำการทดสอบ
0-40 มาแล้ว ผลปรากฎว่าใช้เวลาเพียง 05.5 วินาที เนื่องด้วย
สถานที่ค่อนข้างจำกัด จึงไม่สามารถทดสอบความเร็ว 0-60 ได้
เกรงอาจจะได้รับอุบัติเหตุที่อาจจะส่งผลต่อชีวิตและทรัพย์สินได้




ในส่วนความคล่องตัวถือว่าอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ มีเทอะทะบาง
 
ระบบเบรก
ระบบเบรกของ Honda PCX นั้นได้ใช้ระบบ Combi Brake 
พร้อมคาลิปเปอร์ 3 ลูก เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการหยุดรถในกรณีกระทันหัน
หลังจากที่ได้ลองระบบเบรกก็พบว่าสามารถทำได้ค่อนข้างดี 
แต่ในระบบ Combi Brake นั้น มีเสียงวิพาทย์วิจารณว่า เบรกแล้วล้ม
สาเหตุนี้อันเนื่องมาจากความเร็วของรถบวกกับน้ำหนักของการบีบก้านเบรก
ที่บีบแรงจนระบบ Combi Brake นั้นทำงานอย่างฉับไว ฉะนั้น
ใครที่ใช้ระบบ Combi Brake ควรระมัดระวังในการบีบก้านเบรก
เพื่อความปลอดภัยต่อผู้ขับขี่แล้วตัวรถ


รายละเอียดเพิ่มเติม




____________________________________________________________________


สรุป

++++++สไตล์ Big Bike Automatic ราคาหลักหมื่น++++++
เป็นรถออโตเมติดที่ถือว่าเหนือกว่าคู่แข่ง เพราะนอกจากมีรูปทรงเหมือนรถ
ราคาหลักแสนแล้ว ยังมีอุปกรณ์ที่ถือว่ารถยนต์มีอย่างไร รถรุ่นนี้มีอย่างนั้น
โดยฉะเพราะชุดสัญญาณกันขโมยที่ถือว่าเป็นเจ้าแรกในวงการ 2 ล้อเลยก็ว่าได้
ที่ติดตั้งมาให้ในรถจักรยานยนต์คลาสนี้ ส่วนราคาล่ะ หัวเรื่องบอกว่า
"เพิ่มแค่ 12,800 บาทจาก แอร์เบลด-ไอ ก็ได้ขี่คันนี้แล้ว!!" นั้นก็มายความว่า
แอร์เบลด-ไอ รุ่นล้อแม็ก มีราคา 57,000 บาท* หากเพิ่มอีก 12,800 บาท
ก็จะเป็น 69,800 บาท*!!! โอ้!! รถอะไรว่ะเนี้ย หน้าตายังกะราคาหลักแสน
ที่ไหนได้ราคาก็ปาเข้าไปเกือบ 70,000 บาท กันออฟชั่นที่ให้มาถือว่าคุ้มอยู่
เรามาดูที่ข้อดี-ข้อเสียกัน

               ข้อดี 
               -อัตราเร่งดี
               -ให้ออฟชั่นที่มีรถในราคาหลักแสน มาใส่ในราคาเกือบ 7 หมื่น
               -การตกแต่งของตัวรถถือจัดแบบเรียบง่าย
               -ชุดสัญญาณกันขโมย ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ค่ายอื่นๆยังไม่มีในรถราคาหลักหมื่น 

              ข้อเสีย           
               -เบาะกระด้างบ้าง
               -ตัวรถมีขนาดใหญ่ อาจมีบางครั้งที่มีความรู้สึกหนักบาง
               -ความจ้าของไฟเบรก ขณะที่กุญแจบิดไปที่ ON ลดระดับแสงลงมานิดนึง


สรุป "เพิ่มแค่ 12,800 บาทจาก แอร์เบลด-ไอ ก็ได้ขี่คันนี้แล้ว!!" 
เพราะมีสิ่งที่เหนือกว่ารถรุ่นอื่นกับราคาที่ถือว่าใช้ได้
แต่มีบางสิ่งที่ควรไปปรับปรุง แต่ภาพรวมถือว่าดีเลยก็ว่าได้


นี้คือสิ่งที่รถเอทีในประเทศไทยไม่เคยมีออฟชั่นแบบนี้
ไม่เคยมีก่อนนอกจาก Honda PCX


 End.

 Spaecial Thank
นิยมพานิช เอื้อเฟื้อรถและสถานที่ในการทดสอบ 

(หมายเหตุ*เป็นราคาในเขตกรุงเทพและปรมิณฑล)