AUTO THAILAND's Fan Box

AUTO THAILAND on Facebook

Facebook Fanpage QR Code

qrcode

เจอกันที่ใหม่ จัดเต็มกว่าเดิม!

๒๗ เมษายน ๒๕๕๒

อีซูซุส่ง"ซูเปอร์ทรัค ซูเปอร์ซีเอ็นจี-เอ็มพีไอ"







อีซูซุส่ง"ซูเปอร์ทรัค ซูเปอร์ซีเอ็นจี-เอ็มพีไอ"

มร.ฮิโรชิ นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เปิดเผยว่า "ในฐานะผู้นำรถเพื่อการพาณิชย์ เราได้นำเสนอเทคโนโลยีเครื่องยนต์ CNG-MPI (Compressed Natural Gas) ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในประเทศญี่ปุ่น โดย เปิดตัวพร้อมกันถึง 4 รุ่น พร้อมตอบสนองทุกรูปแบบการขนส่งยุคใหม่ ด้วยรถบรรทุก 6 ล้อขนาดกลางตระกูลเอลฟ์ รุ่น NMR และ NPR รถบรรทุก 6 ล้อขนาดใหญ่ รุ่น FTR และรถหัวลาก 6 ล้อ รุ่น GVR "ใหม่ อีซูซุ ซูเปอร์ทรัค ซูเปอร์ซีเอ็นจี เอ็มพีไอ รถบรรทุก CNG แท้จากอีซูซุ ซึ่งประหยัดค่าเชื้อเพลิง ทนทาน แข็งแกร่ง ตลอดจนบริการหลังการขายและการรับประกันคุณภาพที่ครอบคลุมบริการและอะไหล่กว่า 300 แห่งทั่วประเทศ จะช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถควบคุมต้นทุนการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับเป็นอีกหนึ่งความมั่นใจในระยะยาวที่ช่วยเพิ่มผลกำไรในธุรกิจ อีกทั้งยังช่วยลดมลภาวะได้ดีกว่า จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับภาคธุรกิจที่ต้องการลดต้นทุนและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม" มร.นาคางาวะ กล่าวทิ้งท้าย


อีซูซุ ซูเปอร์ทรัค ซูเปอร์ซีเอ็นจี-เอ็มพีไอ รถบรรทุก CNG แท้จากอีซูซุ เปิดตัวพร้อมกันถึง 4 รุ่น พร้อมตอบสนองทุกรูปแบบการขนส่งยุคใหม่ ด้วยรถบรรทุก 6 ล้อขนาดกลางตระกูลเอลฟ์ รุ่น NMR และ NPR รถบรรทุก 6 ล้อขนาดใหญ่ รุ่น FTR และรถหัวลาก 6 ล้อ รุ่น GVR พร้อมเครื่องยนต์ 3 รุ่นได้แก่
เครื่องยนต์ รุ่น 4HV1 ขนาด 4,570 ซีซี โอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (OHC) ควบคุมการฉีดจ่ายด้วยหัวฉีดอัจฉริยะ MPI ให้กำลังสูงสุด 130 แรงม้า ที่ 3,200 รอบต่อนาที หรือ 96 กิโลวัตต์ ที่ 3,200 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 353 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400 รอบต่อนาที หรือ 36 กิโลกรัม-เมตร ที่1,400 รอบต่อนาที (ในรุ่น NMR82H5CK, NPR82H5CK และ NPR82K5CK)
เครื่องยนต์ รุ่น 6HF1-TCN ขนาด 7,790 ซีซี เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ แบบ 6 สูบ โอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (OHC)
ควบคุมการฉีดจ่ายด้วยหัวฉีดอัจฉริยะ MPI ให้กำลังสูงสุด 220 แรงม้า ที่ 2,400 รอบต่อนาที หรือ 162 กิโลวัตต์
ที่ 2,400 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 735 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400 รอบต่อนาที หรือ 75 กิโลกรัม-เมตร ที่ 1,400 รอบต่อนาที (ในรุ่น FTR86QCK)
เครื่องยนต์ รุ่น 6HF1-TCS ขนาด 7,790 ซีซี เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ แบบ 6 สูบ โอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (OHC) ควบคุมการฉีดจ่ายด้วยหัวฉีดอัจฉริยะ MPI ให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้า ที่ 2,200 รอบต่อนาที หรือ 180 กิโลวัตต์ ที่ 2,200 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 883 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400 รอบต่อนาที หรือ 90 กิโลกรัม-เมตร ที่ 1,400 รอบต่อนาที
(ในรุ่น GVR86JCK)

ตลาดรถยนต์เดือนมีนาคมหดตัวต่อเนื่อง ยอดขายรวม 41,328 คัน ลดลง 37.8%





ตลาดรถยนต์เดือนมีนาคมหดตัวต่อเนื่อง ยอดขายรวม 41,328 คัน ลดลง 37.8%
ปิดไตรมาสแรก 107,774 คัน ลดลง 33.4%


นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนมีนาคม 2552 ปริมาณการขาย 41,328 คัน ลดลง 37.8% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 16,194 คัน ลดลง 23.4% รถเพื่อการพาณิชย์ 25,134 คัน ลดลง 44.5% รวมทั้ง รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้
จำนวน 21,610 คัน ลดลง 44.8%
สถิติการขายสะสมในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2552 มีปริมาณทั้งสิ้น 107,774 คัน ลดลง 33.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแบ่งออกเป็น รถยนต์นั่ง 43,968 คัน ลดลง 17.4% รถเพื่อการพาณิชย์ 63,806 คัน ลดลง 41.2%
รวมทั้ง รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซ็กเมนท์นี้จำนวน 55,095 คัน ลดลง 40.9%ปริมาณการขายลดลง 37.8%ตลาดรถยนต์เดือนมีนาคม มีปริมาณการขาย 41,328 คัน ลดลง 37.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็น
การลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 เนื่องจากการหดตัวของตลาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ซึ่ง
เป็นตลาดที่สะท้อนให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งมียอดขายลดลงถึง 44.5% ลดลงสูงสุดในรอบ 11 เดือน
นับตั้งแต่ภาวะตื่นตระหนกของราคาน้ำมันดีเซล ตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา ประกอบกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงต่ำสุดในรอบ 7 ปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้ผู้บริโภคเพิ่มความระมัดระวังในการใช้จ่ายตลาดรถยนต์ในไตรมาสแรกมีปริมาณการขาย 107,774 คัน ลดลง 33.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 17.4% ส่วนหนึ่งเนื่องจากยอดขายในไตรมาสแรกของปีทีผ่านมา มียอดขายที่สูง เนื่องจากการตอบรับรถยนต์ที่ใช้พลังงาน อี20 ในขณะที่ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 41.2% เป็นผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลก ประกอบกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และความเข้มงวดของสถาบันการเงิน ในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ต่างเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์ สำหรับตลาดรถยนต์เดือนเมษายน คาดว่าจะมีปริมาณการขายหดตัว แม้ว่ายอดจองรถยนต์ในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา จะมียอดจองสูงถึง 16,936 คัน ก็ตาม อย่างไรก็ดีสถานการณ์ทางการเมือง ภาวะเศรษฐกิจ อาจมีผลต่อความมั่นใจผู้บริโภคซึ่งมีผลต่อระบบเศรษฐกิจรวมถึง
ตลาดรถยนต์เช่นกันปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เดือนมีนาคม 2552
ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 41,328 คัน ลดลง 37.8%
- อันดับที่ 1 โตโยต้า 16,762 คัน ลดลง 41.2% ส่วนแบ่งตลาด 40.6%
- อันดับที่ 2 อีซูซุ 8,761 คัน ลดลง 40.2% ส่วนแบ่งตลาด 21.2%
- อันดับที่ 3 ฮอนด้า 7,244 คัน ลดลง 16.4% ส่วนแบ่งตลาด 17.5%
ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 16,194 คัน ลดลง 23.4%
- อันดับที่ 1 โตโยต้า 6,951 คัน ลดลง 33.4% ส่วนแบ่งตลาด 42.9%
- อันดับที่ 2 ฮอนด้า 6,760 คัน ลดลง 7.0% ส่วนแบ่งตลาด 41.7 %
- อันดับที่ 3 เชฟโรเลต 537 คัน ลดลง 45.2% ส่วนแบ่งตลาด 3.3 %
ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 21,610 คัน ลดลง 44.8%
- อันดับที่ 1 โตโยต้า 8,880 คัน ลดลง 45.4% ส่วนแบ่งตลาด 41.1 %
- อันดับที่ 2 อีซูซุ 8,211 คัน ลดลง 40.7% ส่วนแบ่งตลาด 38.0 %
- อันดับที่ 3 นิสสัน 1,645 คัน ลดลง 46.1% ส่วนแบ่งตลาด 7.6 %*
ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 2,205 คัน
-โตโยต้า 1,249 คัน
- มิตซูบิชิ 463 คัน
- อีซูซุ 450 คัน
- ฟอร์ด 43 คัน
ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 19,405 คัน ลดลง 47.0%
- อันดับที่ 1 อีซูซุ 7,761 คัน ลดลง 39.4% ส่วนแบ่งตลาด 40.0 %
- อันดับที่ 2 โตโยต้า 7,631 คัน ลดลง 48.6% ส่วนแบ่งตลาด 39.3 %
- อันดับที่ 3 นิสสัน 1,645 คัน ลดลง 46.1% ส่วนแบ่งตลาด 8.5 %
ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 25,134 คัน ลดลง 44.5%
- อันดับที่ 1 โตโยต้า 9,811 คัน ลดลง 45.8% ส่วนแบ่งตลาด 39.0 %
- อันดับที่ 2 อีซูซุ 8,761 คัน ลดลง 40.2% ส่วนแบ่งตลาด 34.9 %
- อันดับที่ 3 นิสสัน 1,658 คัน ลดลง 47.0% ส่วนแบ่งตลาด 6.6 %

๒๒ เมษายน ๒๕๕๒

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ปรับภาพลักษณ์บริการหลังการขายยุคใหม่












มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ปรับภาพลักษณ์บริการหลังการขายยุคใหม่
มิตซูบิติชิปรับโฉมภาพลักาณ์ใหม่ในด้านบริการหลังการขายด้วยสโลแกนว่า
Diamondเพื่อการดูแลลูกค้าแบบครบวงจร และสร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจ
สูงสุดให้กับลูกค้า โดยจะครอบคลุมทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งโครงการต่างๆ ประกอบด้วย

Diamond Insurance
ประกันภัยเอกสิทธิ์พิเศษสำหรับลูกค้ารถยนต์มิตซูบิชิ เพิ่มความมั่นใจในการซ่อมแซมรถ จากช่างผู้เชี่ยวชาญ และมั่นใจกับอะไหล่แท้ ที่โชว์รูมรถยนต์มิตซูบิชิทั่วประเทศ โดยลูกค้าจะได้รับสิทธิประโยชน์ และความคุ้มครองพิเศษต่างๆ อาทิ ฟรีประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. อัตราเบี้ยประกันภัยพิเศษ การคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นสูงสุดถึง 10 ล้านบาทต่อครั้ง (เงื่อนไขความคุ้มครองตามรายละเอียดของกรมธรรม์ประกันภัย) พร้อมบริการรับแจ้งอุบัติเหตุและช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง รถใหม่สามารถต่ออายุประกันภัยชั้นหนึ่ง (ซ่อมห้าง) ได้นานสูงสุด 5 ปี

Diamond Warranty
การขยายเวลารับประกันคุณภาพระบบส่งกำลังทุกรุ่นยาวนานถึง 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร ครอบคลุม 3 หมวดใหญ่ ได้แก่ หมวดเครื่องยนต์ หมวดเกียร์ และ หมวดชุดขับเคลื่อน โดยรถที่ร่วมโครงการดังกล่าวจะต้องเข้ารับการตรวจเช็คระยะที่ศูนย์บริการอย่างต่อเนื่องทุกๆ 5,000 กิโลเมตร หรือ 3 เดือน แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน
Diamond Card
การบันทึกข้อมูลสำคัญของรถไว้ในบัตรเพียงใบเดียว เพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการรับบริการจาก
ศูนย์บริการมาตรฐานทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นบัตรสิทธิประโยชน์ในการรับส่วนลดจากการใช้จ่าย
ในร้านค้า ร้านอาหาร และสถานบันเทิงต่างๆ ที่ร่วมรายการอีกมากมาย
Diamond Speed Service
บริการตรวจเช็คฉับไว มั่นใจมาตรฐาน รูปแบบใหม่ของการนำรถเข้าตรวจเช็คตามระยะ โดยการนำระบบการนัดหมายมาใช้เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบของลูกค้าโดยบริการดังกล่าวจะช่วยลดะยะเวลาในการตรวจเช็ครถยนต์ของลูกค้า แต่ยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพในการให้บริการสูงสุดเช่นเดิม
Diamond Body and Paint
บริการใส่ใจด้วยคุณภาพงานสีและตัวถัง เป็นบริการซ่อมสีและตัวถังจากทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญผ่านการอบรมตามมาตรฐานระดับสูงของมิตซูบิชิ มั่นใจได้กับคุณภาพของงาน นอกจากนี้ยังมีบริการ ไดมอนด์ สปอต รีแพร์ บริการซ่อมสีและตัวถังเฉพาะจุด เพิ่มความสะดวก และรวดเร็ว ในการซ่อมสีและตัวถังในกรณีที่มีรอยบุบหรือริ้วรอยขนาดเล็ก จากมาตรฐานการซ่อมและบริการที่รวดเร็วทันใจภายใน 5 ชั่วโมง
Diamond used car
รถมือสอง รับรองคุณภาพ โครงการที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับธุรกิจรถยนต์ใช้แล้ว เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการ ซื้อ ขาย และแลกเปลี่ยนรถยนต์ใช้แล้วที่มีคุณภาพดี เชื่อถือได้ในราคายุติธรรม โดยมีการจัดทำใบรับรองคุณภาพ ให้กับรถยนต์มิตซูบิชิที่ใช้แล้ว และผ่านกระบวนการคัดสรรตามเกณฑ์ และการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวดรวม 180 รายการ ภายใต้มาตรฐานของบริษัท ช่วยสร้างความมั่นใจว่า ราคาขายจะไม่ตกทั้งนี้ บริการดังกล่าวข้างต้นได้เปิดให้บริการบางส่วนแล้วตั้งแต่ปลายปี 2550 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์บริการที่ร่วมรายการ

มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพบุคลากร เพิ่มศักยภาพศูนย์บริการในส่วนของศูนย์บริการ
ปัจจุบัน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐาน 126 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการให้บริการ แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ก็ได้มีการพัฒนาคุณภาพของศูนย์บริการให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะด้านต่างๆ ให้กับพนักงานของผู้จำหน่ายอย่างต่อเนื่อง โดยมีการจัดอบรมเรื่องผลิตภัณฑ์ตลอดจนส่วนงานที่เกี่ยวกับบริการหลังการขายตามหลักสูตรมาตรฐานของมิตซูบิชิ อาทิ การจัดทำหลักสูตรเพื่อสร้างระดับความรู้ความสามารถสำหรับการบริการหลังการขายให้แก่พนักงานช่างเทคนิค (Technician) พนักงานที่ปรึกษางานบริการ (Service Advisor) และพนักงานอะไหล่ ( Part) โดยจะเป็นการอบรมเป็นระดับชั้น นับตั้งแต่เริ่มเข้าทำงานใหม่ แบ่งเป็นหลักสูตรชั้นต้น (M- Step I) ชั้นกลาง (M- Step II)
ชั้นสูง (M- Step III ) และ Masterซึ่งในแต่ละหลักสูตร จะต้องผ่านการทดสอบให้ผ่านเกณฑ์การตัดสิน 70% ขึ้นไป
ยกเว้นในระดับ Master ที่ต้องผ่านเกณฑ์ตัดสิน 80% ขึ้นไป
ทั้งภาคทฤษฎีและปฎิบัติ นอกเหนือจากการจัดอบรมดังกล่าวแล้ว บริษัทฯ ยังได้มีการจัดการแข่งขันทักษะ
รถยนต์มิตซูบิชิ หรือ Mitsubishi 3S Skill Contest เป็นประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบความรู้ความสามารถ
และพัฒนาบุคลากรของผู้จำหน่ายที่ให้บริการลูกค้าในระดับต่างๆ
รวมทั้งปลูกฝังความรู้และประสบการณ์เพื่อเสริมสร้างทักษะทั้ง
ด้านงานขาย งานบริการ และงานอะไหล่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
และสร้างความเชื่อมั่นในฝีมือมาตรฐานการให้บริการของผู้จำหน่ายมิตซูบิชิมากยิ่งขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ในส่วนของงานด้านชิ้นส่วนและอะไหล่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันกล่าวคือ บริษัทฯได้มีการเพิ่มศักยภาพในการให้บริการด้านการจัดส่งอะไหล่โดยมีมาตรฐานด้านเวลาเป็นตัวกำหนด สำหรับพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลจะสามารถจัดส่งอะไหล่ได้ภายใน 1 วันในขณะที่ต่างจังหวัดจะต้องจัดส่งให้ได้ภายใน 3 วัน เพื่อให้ทันต่อความต้องการ พร้อมกำหนดราคาชิ้นส่วนและอะไหล่ที่เหมาะสม เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า

นอกเหนือจากการพัฒนาและปรับปรุงรูปแบบของการให้บริการหลังการขายข้างต้นแล้ว บริษัทฯ ยังมีการจัดกิจกรรมสนับสนุน งานด้านบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบของการเสนอแคมเปญพิเศษต่างๆ รวมไปถึงการจัดกิจกรรม เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้า รวมทั้งสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้จำหน่ายกับลูกค้า"เราอยากให้ลูกค้าทุกท่านมั่นใจว่า ทุกคนที่มิตซูบิชิกำลังทุ่มเท และพยามยามอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างสรรค์และพัฒนาคุณภาพ ทั้งยนตรกรรมและการบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับท่าน ซึ่งถือเป็นผู้ที่มีความสำคัญสูงสุดในการดำเนินธุรกิจของเรา และแน่นอนว่า จากนี้ไปทุกท่านคงจะได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ของเรา"และนี่คือเจตนารมย์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยกับการมุ่งมั่นพัฒนาการบริการหลังการขายของบริษัทฯ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่จะสามารถมัดใจลูกค้า สร้างยอดขายให้กับบริษัทฯ ในระยะยาวต่อไป


๐๗ เมษายน ๒๕๕๒

รูดม่านงานมอเตอร์โชว์2009 ยอดขายทะลุเป้าถึง1.6หมื่นคัน



รูดม่านงานมอเตอร์โชว์2009 ยอดขายทะลุเป้าถึง1.6หมื่นคัน
ปิดฉากกันไปเรียบร้อยแล้วสำหรับงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นเนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่30
ซึ่งปิดฉากได้อย่างสวยงาม ค่ายรถในแต่ละค่ายนั้นยิ้มแก้มปริเลยทีเดียวและสามารถกวาดยอดจองรวมกัน
ทั้งหมดไปได้ถึง 16,934 คัน ซึ่งสามารถทำยอดขายทะลุเป้าได้ โดยแชมป์ยังคงตกเป็นของ โตโยต้า,
ตามมาด้วย ฮอนด้า , อีซูซุ, มาสด้า และมิตซูบิชิ เป็นที่น่าสังเกต ยอดจองรถหรู ของค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ สามารถทำยอดได้ถึง 800 คัน แสดงให้เห็นว่า กำลังซื้อของผู้บริโภคชาวไทยส่วนหนึ่งยังคงมีอยู่ ประกอบกับการลดราคาของรุ่น
อี-คลาส รวดเดียวกว่า 7 แสนบาท มีส่วนช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจง่ายขึ้นจนดันยอดจองพุ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


1. โตโยต้า 4,461

2. ฮอนด้า 2,638

3. อีซูซุ 1,769

4. มาสด้า 1,001

5. มิตซูบิชิ 989

6. นิสสัน 950

7. เมอร์เซเดส-เบนซ์ 800

8. โปรตอน 785

9. เชฟโรเลต 772

10. เกีย 473

11. ฟอร์ด 331

12. บีเอ็มดับเบิลยู 298

13. นาซ่า 256

14. วู่หลิง 195

15. ฮุนได 192

16. เฌอรี่ 188

17. แกรนด์ แคร์รี่บอย150

18. โฟล์คสวาเกน 139

19. ทาทา 105

20. โพลาซัน 100

21. ซันยอง 83

22. ซีตรอง 64

23. ออดี้ 50

24. มินิ 48

25. เลกซัส 50

26. เปอโยต์ 35

27. มิตซึโอกะ 12

รวม 16,934
หน่วย : คัน
ที่มา : บริษัท กรังด์ปรีซ์อินเตอร์เนชั่นเนล จำกัด

Toyota Motor Sport Festival 2009อีกขั้นของพัฒนาการวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย





Toyota Motor Sport Festival 2009อีกขั้นของพัฒนาการวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย


บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงข่าวการจัดกิจกรรม “Toyota Motor Sport Festival 2009” โดยได้รับเกียรติจากนายกนกพันธ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย และนายสวัสดิ์ หอมปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข พร้อมด้วยนายวิเชียร เอมประเสริฐสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัดและ นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมลงนามในบันทึกความร่วมมือ เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2552 ที่ ราชมังคลากีฬาสถาน สนามกีฬาหัวหมาก

โตโยต้า ...ผู้นำ วงการมอเตอร์ สปอร์ต สร้างนักแข่งรุ่นใหม่เข้าสู่วงการตั้งแต่ระดับสมัครเล่น
จนถึงมืออาชีพ ส่งเสริมและพัฒนาวงการมอเตอร์ สปอร์ตของไทย ให้ก้าวสู่สากล
นายวุฒิกร กล่าวว่า “ในฐานะที่เราเป็นผู้นำในการส่งเสริม และสนับสนุนวงการมอเตอร์สปอร์ตของไทยอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี โตโยต้า ให้ความสำคัญกับกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตในทุกๆ ด้าน เริ่มตั้งแต่ส่งเสริมพัฒนานักแข่งในระดับเด็กและเยาวชนที่ชื่นชอบกีฬามอเตอร์ สปอร์ตในรายการ ทรูสปอร์ต-โตโยต้า จูเนียร์ โกคาร์ท เทรนนิ่ง
จัดการแข่งขันในหลากหลายรูปแบบเพื่อสร้างโอกาสให้นักแข่งทุกระดับได้พัฒนาทักษะและสร้างประสบการณ์ในการแข่งขัน พร้อมนำความสนุกสนาน ตื่นเต้น เร้าใจ อันเป็นจุดเด่นของการแข่งขันกีฬาประเภทนี้
ขยายไปยังผู้ที่สนใจได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ด้วยการจัดการแข่งขันในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศซึ่งได้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2549
และยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนานักแข่งระดับอาชีพ ให้มีการพัฒนาฝีมือและสะสมประสบการณ์เพื่อก้าวสู่
การแข่งขันในระดับที่สูงขึ้นต่อไปในอนาคต ตลอดจนส่งเสริมนักแข่งที่มีศักยภาพในการเข้าร่วมการแข่งขัน

“สำหรับกิจกรรมมอเตอร์ สปอร์ตในปีนี้ จะมีความแตกต่างจากปีที่ผ่านมา
โดยเราจะยกระดับจากการจัดการแข่งขันไปสู่ความเป็นเฟสติวัล เพื่อสร้างความสุข
สนุกสนานให้กับครอบครัวมอเตอร์สปอร์ตมากขึ้น และเป็นกิจกรรมสำหรับครอบครัวอย่างแท้จริง
โดยได้รับความสนับสนุนจากพันธมิตรอาทิ สิงห์ คอร์ปอเรชั่น, แม็กซ์ ไรเด้น, ยางรถยนต์โตโยไทร์, เครื่องดื่ม เร็ดบูล และผลิตภัณฑ์จาก ทีอาร์ดี ตลอดจนผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้ามอเตอร์ สปอร์ตต่างๆ มากมายเข้าร่วมจัดงาน”
“สำหรับในปีนี้ เราจัดการแข่งขันรถยนต์ 3 รายการได้แก่ ยาริส วันเมคเรซ, วีออส วันเมคเรซ เลดี้คัพ และ
วีออส วันเมคเรซ โดยจะจัดการแข่งขันทั้งสิ้น 5 สนาม โดยสนามแรกนั้นจะจัดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร
ถือเป็นครั้งแรกที่ชาวกรุงเทพมหานคร ที่จะได้สัมผัสความสนุกสนาน ตื่นเต้น เร้าใจ ของการแข่งขันรายการนี้
นอกจากนี้เรายังได้สนับสนุน โตโยต้าทีมอาร์โต้ และ โตโยต้า ทีมไทยแลนด์ 2 ทีมชั้นนำของเมืองไทย
สำหรับการแข่งขัน Super Car Thailand Championship ในรายการ Super Car, Super 2000,
และ Super Commonrail ซึ่งถือเป็นการแข่งขันรายการใหม่สำหรับโตโยต้าในปีนี้
โดยนักแข่งส่วนใหญ่ล้วนเติบโตมาจากรายการ โตโยต้า วันเมคเรซ อาทิ ต้น - มานัต กุละปาลานนท์
โต้ง - นพดล ประกอบผล และ ตรัย - ตรัยธนิษฐ์ ฉิมตะวัน”
“และที่ยังคงเป็นสีสันสำหรับการแข่งขันโตโยต้า มอเตอร์สปอร์ตคือ นักแข่งดาราที่ได้รับเชิญเข้าร่วมการแข่งขัน
เพื่อสร้างแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชน โดยในปีนี้เราได้มีการเปลี่ยนแปลงของโตโยต้า ทีมสตาร์ โดยขยับคุณไผ่ – พาทิศ พิสิฐกุล ซึ่งปีที่แล้วเข้าร่วมการแข่งขัน วีออส วันเมคเรซและสามารถทำผลงานได้ดี เข้าร่วมแข่งขันยาริส วันเมคเรซ
แทนคุณเรย์ ซึ่งเติบโตในมอเตอร์สปอร์ตระดับอาชีพ ส่วนในรุ่นวีออส วันเมคเรซ จะมีนักแข่งหน้าใหม่
คุณบีม ศรัณยู ประชากิจ ดีเจและดาราจากไทยทีวีสีช่อง 3 รุ่นเลดี้ คัพมี
คุณแตงโม - ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ และคุณใหม่ – สุคนธวา เกิดนิมิตร”
นายวุฒิกรกล่าวเพิ่มเติมว่า“อย่างไรก็ตามการแข่งขันที่ผ่านๆมา เราได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมการแข่งขันเป็น
จำนวนมาก สิ่งหนึ่งที่โตโยต้าให้ความสำคัญสูงสุดมาโดยตลอด คือความปลอดภัย ปีนี้เราได้เพิ่มเติมอุปกรณ์
ความปลอดภัยมากกว่าเดิม เพื่อให้สนามแข่งขันมีความปลอดภัยมากขึ้น อาทิ Guard Rail และแบริเออร์
ในบริเวณทางโค้ง หรือในบริเวณที่อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
เพื่อเป็นการเพิ่มความปลอดภัยในทุกสนามการแข่งขันให้มากยิ่งขึ้น
และสนามแข่งขันของเราทุกสนามได้รับรองความปลอดภัยจากทาง
ราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทยหรือ รยสท”
“อีกหนึ่งพื้นฐานที่เป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนากีฬามอเตอร์สปอร์ต คือการริเริ่ม
โครงการ โตโยต้า เรซซิ่งสคูลขึ้น เพื่อถ่ายทอดความรู้ที่ถูกต้องพร้อมสร้างทักษะพื้นฐานการขับขี่
ให้กับบุคคลทั่วไปที่สนใจในกีฬามอเตอร์ ตลอดจนนักแข่งมือใหม่ โดยนักแข่งระดับมืออาชีพของทีมโตโยต้า
ทั้งนี้หลักสูตรการอบรมผ่านการรับรองจากราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และ
ในปีที่ผ่านมามีผู้ที่ผ่านการอบรมจากโตโยต้า เรซซิ่งสคูล 7 คนเข้าร่วมแข่งขันการแข่งขันวีออส
วันเมคเรซในฐานะนักแข่งหน้าใหม่ในปีนี้ด้วย นอกจากนี้ทางโตโยต้า เรซซิ่งสคูลมีนโยบายที่จะส่งเสริมนิสิต
นักศึกษาที่มีใจรักและสนใจเข้าสู่วงการมอเตอร์สปอร์ต โดยจะทำการคัดเลือกนิสิต
นักศึกษาที่ผ่านการอบรมจากโครงการ โตโยต้า เรซซิ่ง สคูลจำนวน 2 ท่าน เพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน
ในรุ่นวีออส วัน เมค เรซ (คลาสซี) และในรุ่นวีออส วัน เมค เรซ (เลดี้คัพ) ในปีหน้า
ในนามของโตโยต้า ทีมสตาร์ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาส สร้างนักแข่งหน้าใหม่เข้าสู่วงการมอเตอร์สปอร์ตต่อไป”

เร้าใจ ไปกับการแข่งขัน และสนุกสนานกับเทศกาลความเร็ว 5 สนาม ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
สนามที่ 1 วันที่ 9-10 พฤษภาคม สนามกีฬาหัวหมาก- กรุงเทพฯ
สนามที่ 2 วันที่ 20-21 มิถุนายน จ.อุดรธานี
สนามที่ 3 วันที่ 8-9 สิงหาคม จ.นครศรีธรรมราช
สนามที่ 4 วันที่ 19-20 กันยายน จ.พิษณุโลก
สนามที่ 5 วันที่ 27-29 พฤศจิกายน ริมหาดบางแสน-จ.ชลบุรี
ยกระดับสู่ความเป็นสากล “เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรสิ่งใหม่ๆ ให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตของประเทศอันเป็นการยกระดับกีฬามอเตอร์สปอร์ตของประเทศ ในปีนี้โตโยต้า ได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือกับ
การกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่พัฒนากีฬาของชาติ ให้การสนับสนุนโดยนำวิทยาศาสตร์
การกีฬามาใช้ในการตรวจความพร้อมของนักแข่งให้เป็นไปตามมาตรฐาน สากล
ตลอดจนอนุญาตให้ใช้สถานที่ของการกีฬาแห่งประเทศไทยเป็นสนามแข่งขัน และเทศบาลเมืองแสนสุข
ในการแสดงเจตนารมณ์เป็นผู้สนับสนุนหลักการแข่งขันบางแสน สปีด เฟสติวัล เป็นเวลา 3 ปี
รวมถึงการแข่งขัน 6 Hours Endurance Race เป็นรายการที่ยิ่งใหญ่ในระดับนานาชาติอีกรายการหนึ่ง
ผมเชื่อมั่นว่าโตโยต้า มอเตอร์สปอร์ตในปี 2009 จะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สร้างความสนุกสนาน ตื่นเต้น
ให้กับทุกๆคนในครอบครัวได้อย่างแน่นอน และในปีนี้เพื่อเป็นการเอาใจ คอมอเตอร์สปอร์ตตัวจริง
เราได้จัดทำสินค้า โตโยต้า มอเตอร์สปอร์ตขึ้นมาหลากหลายประเภท เช่น เสื้อไพล็อต เสื้อยืด แจ็กเก็ต หมวก ร่ม
และ อื่นๆ อีกมากมาย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่รักในกีฬามอเตอร์สปอร์ตได้อย่างเต็มที่”
นายวุฒิกรกล่าวในที่สุด

๐๓ เมษายน ๒๕๕๒

Nissan 370Z มาแน่เดือนกรกฏาคมนี้


Nissan 370Z มาแน่เดือนกรกฏาคมนี้

หลังจากที่นิสสันได้นำสปอร์ตคูเป้อย่าง370Zมาโชว์ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่30ที่ไบเทค บางนา
ก็มีคนสนใจดูเจ้า370Zอย่างไม่น้อยเลยที่เดียวแม้กระทั้งผมด้วยคนหลังจากที่
ผมได้ไปงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่30แล้ว ผมก็พุ่งไปที่บู๊ทนิสสันเพื่อไปดูเจ้าเทียน่าใหม่
และที่สำคัญก็คือนิสสันได้นำ370Zมาโชว์เพื่อเรียกน้ำย่อยกันแบบไม่พรางตัว

โอ้ว้าว!อะไรจะแหล่มขนาดนี้ ผมก็ถ่ายรูปไปโดยไม่สนสักอย่าง
ถ่ายๆไปจนเกิดข้อสงสัยว่ามันจะมาเมื่อไร ราคาจะแพงกว่าตัวเดิมไหมมันเกิดข้อสงสัยในตัวผม
แต่นิสสันไม่คาดหวังมากในเรื่องยอดขายที่ในรถต่างประเทศที่เข้ามาขายในไทยอย่างมูราโน่
ที่มีราคาประมาณ3-4ล้านเลยที่เดียว และก็ยังนำ350Zมาขายในช่วงปี2003หรือไม่ก็ปี2005นะ
ถ้าจำไม่ผิด อย่างนั้ผมก็ขอ”เปิดแผนการมาของ370Z”ซะเลยหลังจาถามเซลล์แล้ว

เรามาอธิบายกันคร่าวๆก่อนนะครับ
Nissan 370Z(Fairlady Zชื่อที่ใช้ทำตลาดในญี่ปุ่นและบางประเทศ)เป็นรถสปอร์ตคูเป้
มาทำตลาดแทน350Zและเป็นหนึ่งในตระกูลรถสปอร์ตคูเป้สายพันธุ์Z
Nissan 370Z นั้นมีความปราดเปรียวมากกว่า 350Z ด้วยฐานล้อที่สั้นขึ้นและน้ำหนักของตัวรถ
ที่เบาลง รูปโฉมภายนอกและสไตล์การออกแบบภายในแบบใหม่ถอดด้ามพร้อมด้วยลักษณะเด่นด้านสมรรถนะช่วยรังสรรค์คุณค่าใหม่ให้กับรถยนต์สปอร์ตรุ่นนี้

ในส่วนเครื่องยนต์ 370Z ใช้เครื่องยนต์ขนาด 3.7 ลิตร รหัสเครื่องยนต์ VQ37VHR
(บล็อกเดียวที่ใช้กับนิสสันเทียน่าใหม่)ซึ่งให้พลังการขับขี่ถึง 333 แรงม้า เป็นรถยนต์สปอร์ตรุ่นแรกของโลกที่ใช้ระบบเกียร์ธรรมดาแบบ 6จังหวะพร้อมด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น 370Z จึงเป็นรถยนต์ที่มีสมรรถนะและรูปลักษณ์อันยอดเยี่ยม

อย่างไรก็ตามแต่นิสสัน 370Z จะมาเมืองไทยในเดือนกรกฏาคมปี2552นี้แน่นอน
ที่สำคัญก็คือมีการรับประกันอีกด้วย ซึ่งจะดีกว่าของเกรย์มาร์เกตอีกด้วย
ยังไงก็ตามแต่ใครที่อยากจะไปดูตัวจริงก็ไปดูได้ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่30ที่ไบเทค บางนา
รีบไปดูเจ้า370Zได้ถึงวันที่ 6 เมษายนนี้นะจ๊ะ

ปล.ใครไม่ได้เสียใจดูนะจ๊ะ555+


๐๒ เมษายน ๒๕๕๒

Car Of The Year 2009 ฮอนด้าเจ๋งทั้ง "แจ๊ซ-ซิตี้" คว้าคาร์ออฟเดอะเยียร์ กระบะ "ดีแมคซ์-วีโก้"









นายอโณทัย เอี่ยมลำเนา ประธานจัดงาน Car Of The Year รองประธานบริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และนายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย เปิดเผยว่า การประกาศรางวัลคาร์ออฟเดอะเยียร์ปีนี้ดูคึกคักมากกว่าทุกปี เนื่องจากปีนี้บริษัทได้เพิ่มเติมรถจักรยานยนต์เข้ามาอีกหนึ่งกลุ่ม ได้แก่ ไบค์ออฟเดอะเยียร์ ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรก กรังด์ปรีซ์เคยมอบรางวัลนี้มาแล้วเมื่อปี 2524 สมัยพลตรีชาติชาย ชุณหะวัณ เป็น รมว.อุตสาหกรรม
นายอโณทัยกล่าวว่า งานนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 11 ตามแนวคิดเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ อันประกอบด้วย อุตสาหกรรมชิ้นส่วน อุตสาหกรรมการประกอบรถยนต์และสินค้าต่อเนื่องให้มีการเติบโตสู่ระดับสากล อีกทั้งเป็นที่ยอมรับต่อตลาดโลกยิ่งขึ้น ในฐานะ "ฐานการผลิตยานยนต์ครบวงจรเพื่อการส่งออก"
การประกาศรางวัล คาร์แอนด์ไบค์ออฟเดอะเยียร์ เป็นความร่วมแรงจากองค์กรหน่วยงานต่างๆ ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง นั่นคือสมาคมวิศวกรรมยานยนต์ไทย, สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย, ร.ย.ส.ท. และบริษัท กรังด์ปรีซ์
สำหรับรางวัลมีดังนี้ หมวดรถยนต์นั่ง ประกอบด้วย
Best Sedan Under 1500 CC ได้แก่ ฮอนด้า ซิตี้
Best Hatchback Under 1500 CC ได้แก่ ฮอนด้า แจ๊ซ
Best Sedan Under 1600 CC ได้แก่ มาสด้า 3,
Best Sedan Under 2000 CC ได้แก่ ฮอนด้า ซีวิค 2 ลิตร,
Best Hatchback Under 2000 CC ได้แก่ มาสด้า 3 รุ่น 2 ลิตร
Best Sedan Under 2500 CC ได้แก่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ C230
Best Sedan Diesel ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 320d
Best Hatchback Diesel ได้แก่ ฟอร์ด โฟกัส 2.0 TDCI
Best Mid-size Sedan Under 2000 CC ได้แก่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ E200 NGT
Best Mid-size Sedan Under 2500 CC ได้แก่ ฮอนด้า แอคคอร์ด 2.4,
Best Mid-size Sedan Diesel ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 520d
Best Luxury Car ได้แก่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ S500L,
Best Sport Coupe ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 320d Coupe
Best Roadster ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 325i Convertible
Best Performance 4WD ได้แก่ ซูบารุ อิมเพรสซ่า WRX 2.5
Best Sport Hatchback ได้แก่ มินิ คูเปอร์ S
Best Station Wagon CNG ได้แก่ เชฟโรเลต ออพตร้า เอาเตท CNG
Best MPV ได้แก่ มิตซูบิชิ สเปซวากอน
Best SUV Petrol ได้แก่ ฟอร์ด เอสเคป
Best SUV Diesel ได้แก่ เชฟโรเลต แคปติวา
Best Luxury SUV ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู X5xDrive30d
Best Luxury Van ได้แก่ ฮุนได H1

หมวดรถปิกอัพ ประกอบด้วย
Best Pickup 2WD Under 2500 CC ได้แก่ เชฟโรเลต โคโลราโด 2.5 CTi CNG
Best Pickup 4WD Under 2500 CC ได้แก่ นิสสัน ฟรอนเทียร์ นาวารา 4x4,
Best Pickup 4WD Under 3200 CC ได้แก่ โตโยต้า วีโก้ 3.0G,
Best High-lifted Pickup 2500 CC ได้แก่ นิสสัน ฟรอนเทียร์ นาวารา คาลิเบอร์
Best High-lifted Pickup 3200 CC ได้แก่ อีซูซุ ดีแมคซ์ Cab 4 Platinum Hi-Lander
Best PPV Diesel 2WD ได้แก่ อีซูซุ มิว-7 Prino Platinum
Best PPV Diesel 4WD ได้แก่ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต

ส่วนรางวัล Special Award เริ่มจาก
Best Advanced Technology ได้แก่ วอลโว่ S80 2.5 FT
Best Selling Cars ได้แก่ โตโยต้า, Best Export Car ปี 2008
ได้แก่ โตโยต้า ส่งออกรถยนต์เป็นจำนวน 313,000 คัน
Best Selling Registered Pickup ในปี 2008 รถปิกอัพที่มีจดทะเบียนสูงสุดคืออีซูซุ ที่มียอดจดทะเบียน 109,391 คัน
Best Fuel Economy Pickup 2500 CC ได้แก่ อีซูซุ ดีแมคซ์
Best Fuel Economy Pickup 3000 CC ได้แก่ โตโยต้า วีโก้ 3.0 ลิตร
Best Selling Tyre ได้แก่ บริดจสโตน
Best Import Tyre ได้แก่ ดันลอป
Best Insurance Company ได้แก่ วิริยะประกันภัย
Best Dress-up Products ได้แก่ แครี่บอย
Best Car Rental & Services ได้แก่ มาสเตอร์ คาร์ เร้นเทิล
Best Car Leasing ได้แก่ ลิสซิ่ง กสิกรไทย

ขณะที่รางวัล Bike Of The Year 2009 เริ่มจาก
Best Family ได้แก่ ฮอนด้า เวฟ 125i
Best Selling Family ได้แก่ ฮอนด้า
Best Automatic ได้แก่ ยามาฮ่า นูโว Elegance 135
Best Selling Automatic ได้แก่ ยามาฮ่า
Best Performance Mini Bike ได้แก่ คาวาซากิ KSR110
Best Design Mini Bike ได้แก่ ซาร์ค ไบค์ KikAss
Best Export Bike (Under 250 CC) ได้แก่ ฮอนด้า
Best Export Bike (Over 250 CC) ได้แก่ คาวาซากิ
Best Utility Bike ได้แก่ ซูซูกิ

ออโตไทยแลนด์ก็ขอแสดงความยินดีกับค่ายบริษัทรถยนต์และบริษัทต่างๆที่เกี่ยวกับยานยนต์ด้วยนะครับ